ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 622
ไม่แน่นางอาจกลายเป็นฮูหยินของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในภายภาคหน้า
ทูตส่างซั่นพลันสั่นเทิ้ม “ม…ไม่ชอบขอรับ!” เขาไหนเลยจะกล้าชอบสตรีของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงคล้ายจะไม่พอใจ “ไม่ชอบ? นางยังดีไม่พอหรือ?”
ทูตส่างซั่นชะงัก
“นาง…นางดีพอขอรับ ดีมาก! ข้าน้อยยังไม่เคยเห็นเด็กสาวคนใดยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อนเลย” ทูตส่างซั่นรีบตอบ
โป้ปดมดเท็จมิแคล้วถูกจับได้ แต่คำหวานเอาใจไม่ถูกจับได้แน่นอน นี่คือความจริงที่ไม่อาจลบล้างได้
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้พอใจ เอ่ยถามอีกประโยค “เช่นนั้นเจ้าพูดมา ชอบนางหรือไม่?”
ท่านแม่ นี่ต้องตอบแบบไหนกัน? ขอคำตอบที่ถูกต้องด้วยเถิด!
ทูตส่างซั่นแทบหลั่งน้ำตา สมองหมุนติ้วเหมือนกังหันลม สุดท้ายก็ฉวยเอาคำตอบที่ปลอดภัยยิ่งมาข้อหนึ่ง รีบพูดออกมาทันที “ข้าน้อยชื่นชมนาง เคารพนาง…”
ไม่แน่นางอาจกลายเป็นฮูหยินของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในภายภาคหน้า เป็นนายหญิงของเขา ดังนั้นเขากล่าวว่าเคารพนางก็ไม่ผิด เป็นเพียงการเคารพล่วงหน้าก็เท่านั้น
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเหยียดหยามเขา “นางอายุเท่าไหร่ เจ้าอายุเท่าไหร่ เจ้าโตกว่านางไม่รู้ตั้งกี่รอบ เจ้าเคารพนางงั้นรึ? หนังหน้าเจ้าหนาเอาการ”
ทูตส่างซั่นพูดอะไรไม่ออก
ทูตส่างซั่นผู้หน้าหนาได้แต่หลั่งน้ำตา
มารดาเถอะ หากรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อกี้เขาควรจะเตะทูตเฉิงเอ้อให้เข้ามารายงานท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
เขาย้อนเวลากลับไปได้ไหมนะ?
“ยืนโง่อยู่ตรงนั้นทำไม? ยังไม่ไปพาพวกกู่ฉานโม่เข้ามาอีกหรือ?” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เหลืออดแล้ว
ทูตส่างซั่นปานได้รับการอภัยโทษ ส่งเสียงตอบรับ วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
วิ่งพลางก่นด่ากู่ฉานโม่อยู่ในไปด้วย ตาแก่คนนี้ได้รับโทษทัณฑ์มากมายถึงเพียงนั้นก็ยังมีพลังล้นเหลือขนาดนี้ แล่นมาแต่เช้าตรู่ เห็นทีว่าโทษนั้นคงเบาเกินไป!
ไม่ได้แล้ว วันนี้เขาจะคุมการลงทัณฑ์ด้วยตัวเอง!
….
กู้ซีจิ่วกำลังวิ่งรอบสนาม
ตอนนี้วิชาตัวเบาของเธอล้ำเลิศยิ่ง ดังนั้นการวิ่งเก็บรอบเช่นนี้จึงไม่นับว่าเหนื่อยเท่าไหร่
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์สร้างขึ้นกลางขุนเขาเขียวขจี มีบันไดศิลาเขียวอยู่โดยรอบ และมีหนทางบนภูเขาด้วย
อากาศยามเช้าสดชื่นเป็นพิเศษ ผสานกับกลิ่นหอมของพฤกษา ปานสุราที่มอมเมาคน
ตอนกู้ซีจิ่วอยู่ในยุคปัจจุบันก็ชอบวิ่งจ็อกกิ้งมาก เพียงแต่ยามนั้นวิ่งไปตามถนนลาดยางมะตอย สูดควันเสียจากท่อรถยนต์ไปไม่น้อย อากาศสดชื่นสู้ที่นี่ไม่ได้เลย
ขณะที่วิ่ง เธอได้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นผ่อนคลายมากจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อเธอพบว่าถ้าปรับพลังวิญญาณในร่างไปด้วยในระหว่างที่วิ่ง จะทำให้พลังวิญญาณในร่างไหลเวียนได้เร็วขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าบทลงโทษนี้ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างมีมนุษยธรรมนัก
ต่อไปเธอจะออกมาวิ่งทุกวัน!
ขณะที่เธอกำลังวิ่งอย่างเบิกบาน ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านหลัง เสียงฝีเท้านั้นเหมือนจงใจวิ่งเข้ามา เจตนาให้เธอได้ยิน
กู้ซีจิ่วเหลียวมอง ดวงตาพลันหรี่ลงเล็กน้อย
อวิ๋นชิงหลัว!
ที่วิ่งเข้ามาคืออวิ๋นชิงหลัว
ตั้งแต่วันที่อวิ๋นชิงหลัวและองค์ชายหรงเช่อถูกคนชุดเขียวควบคุมให้ก่อเรื่องใหญ่นั้นขึ้น พลังยุทธ์ในร่างอวิ๋นชิงหลัวก็แทบจะเหือดแห้งไป ต้องพักฟื้นมาโดยตลอด นางเพิ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมเมื่อวาน เพียงแต่ยามนั้นนางปะปนอยู่ในฝูงชน กู้ซีจิ่วจึงไม่ได้สังเกตนาง
นางผอมลงกว่าหกเจ็ดวันก่อนไม่น้อย เพียงแต่นางหน้าตาดี สวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน เมื่อสายลมในหุบเขาโชยมา ก็แลดูคล้ายนางเซียนยิ่งขึ้น
“กู้ซีจิ่ว ยินดีด้วย” นางเร่งฝีเท้าเข้ามาสองก้าว ไล่ทันกู้ซีจิ่ว วิ่งเคียงข้างเธอ
“ยินดีด้วย?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
“หลายวันที่ผ่านมาเจ้าแสดงความล้ำเลิศให้เป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อคืนอาจารย์ใหญ่ได้หารือกับทุกคน ตัดสินงดเว้นด่านทดสอบเหล่านั้นให้เจ้าเข้าสู่ชั้นเรียนเมฆาคล้อยได้เลย” น้ำเสียงอวิ๋นชิงหลัวอ่อนโยน เหมือนมาเพื่อแจ้งข่าวดี
กู้ซีจิ่วประหลาดใจ ข่าวนี้ค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ
เธอไม่ต้องเตรียมตัวสำหรับด่านมารผจญพวกนั้นแล้วหรือ?