ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 665-666
บทที่ 665 ความจริงจากหลงซือเย่
หลงซือเย่กำมือแน่น ทันใดนั้นก็โพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นสิ่งของ ฉัน…ที่โลกนั้นฉันก็เป็นมนุษย์โคลนเหมือนกัน!”
จอกสุราในมือกู้ซีจิ่วเกือบหลุดมือตกพื้น “อะไรนะ?”
หลงซือเย่ยิ้มขื่น “ตกใจมากใช่ไหม? ยังมีเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้นอีก ฉันเป็นมนุษย์โคลนนิ่งของแท้แน่นอน แต่เธอ…กลับไม่ใช่มนุษย์โคลนนิ่ง เย่หงเฟิงสิถึงจะใช่”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าโลกนี้ค่อนข้างแฟนตาซีอยู่บ้าง เธอเงยหน้าดื่มสุราในจอกจนหมด ไม่ขัดจังหวะเขาอีก “พูดต่อไป!”
หลงซือเย่พบว่าอายเป็นโอกาสอสุดท้ายที่ทั้งสองคนจะได้พูดคุยกันช้าๆ ในที่สุดก็เล่าที่มาที่ไปทั้งหมดออกมา
ชาติก่อนพ่อของหลงซือเย่คือนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น เขาแอบวิจัยเรื่องเทคโนโลยีโคลนนิ่งมานานแล้ว เขาต้องการทดลอง จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของตัวเขาเอง ทำการโคลนนิ่งตัวอ่อนออกมาคนหนึ่ง จากนั้นก็วางยาสลบภรรยา แล้วฝังตัวอ่อนเข้าไปในมดลูกของภรรยา ภรรยาของเขาไม่รู้เรื่องเลย นึกว่าเป็นการตั้งครรภ์ตามปกติ ตั้งท้องได้สิบเดือนก็คลอดหลงซีออกมา…
บิดาคนนั้นบรรลุเป้าหมายแล้ว เลยใช้เชื้อไวรัสสังหารภรรยาของตัวเอง เหลือไว้เพียงเด็กน้อยร่างโคลนนิ่งคนนี้
หลงซีเติบโตขึ้นมาในห้องทดลองของเขา มักจะถูกขาจับแช่น้ำยาบางอย่างเพื่อทำการทดสอบอยู่เสมอ
แน่นอนว่าบิดาผู้นี้อ้างเห็นผลที่ฟังขึ้นมาก บอกว่าต้องการเลี้ยงดูให้ลูกชายคนเดียวของตนกลายเป็นอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศ อยากให้เขาก้าวบนเส้นทางชีวิตที่แตกต่าง ตอนนั้นเขาจึงไม่เคยไปเรียน ความรู้ทุกอย่างเป็นล้วนเป็นบิดาผู้คลั่งวิทยาศาสตร์คนนั้นสอนให้เขา…
เป็นเช่นนี้มาตลอดจนเขาอายุเจ็ดขวบ พ่อของเขาได้รับการสนับสนุนจากเครือตระกูลเย่ เริ่มออกเงินทุนสำหรับทำการโคลนนิ่งให้เย่หงเฟิงทายาทที่เพิ่งถือกำเนิดของตระกูลเย่ หนึ่งปีให้หลังก็สร้างโคลนนิ่งสำเร็จหนึ่งคน
การโคล่นนิ่งครั้งนี้ไม่ใช่การเติบโตตามธรรมชาติในครรภ์ของมารดา แต่เป็นการลี้ยงไว้ในน้ำยาเพาะเลี้ยงของห้องทดลอง เนื่องจากมีการเพิ่มส่วนประกอบพิเศษในการเพาะเลี้ยง ดังนั้นหลังจากร่างโคลนนิ่งนี้ถือกำเนิดออกมาก็เติบโตเท่ากับเย่หงเฟิง เป็นเด้กน้อยสองคนที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว…
หลงซีย่อมได้รู้เห็นด้วย ตอนนั้นเขาสนใจใคร่รู้ในตัวเด็กน้อยที่ค่อยๆ เติบโตในน้ำยาเพาะเลี้ยงมาก มักจะเข้าไปวนดูเสมอ
และไม่รู้ว่าเป็นผู้ช่วยคนไหนที่ปากมาก เอ่ยกับเขาประโยคหนึ่งคล้ายจะล้อเล่นว่า “เจ้าหนู เธอก็มีที่มาแบบนี้เหมือนกัน…”
เดิมทีหลงซีก็ฉลาดหลักแหลมอยู่แล้ว ถึงแม้จะยังเด็ก แต่ระดับไอคิวก็สูงจนน่าหวาดหวั่น ยามนั้นเขาสะกิดใจขึ้นมา ประกอบกับอาศัยอยู่ในห้องทดลองมาโดยตลอดทราบขั้นตอนและกระบวนการวิจัยเหล่านั้นดี ดังนั้นเขาจึงลองทดสอบด้วยตัวเอง ผลลัพธ์ทำให้เขาแทบแหลกสลาย เขาเป็นมนุษย์โคลนนิ่งจริงๆ พ่อของเขาก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกเลย คิดว่าเป็นแค่ตัวทดลองเท่านั้น
เขาเกลียดชังบิดาคนนั้นของตนมาก แต่ก็ไม่มีหนทางจะทำอะไรบิดาได้ เขาในวัยเด็กจึงนำความโกรธแค้นไปลงกับเย่หงเฟิงและมนุษย์โคลนนิ่งตัวนั้น…
สามีภรรยาสกุลเย่ไม่ปรารถนาให้มนุษย์โคลนใช้ชีวิตร่วมกับบุตรสาวตน ดังนั้นจึงให้นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นส่งตัวมนุษย์โคลนนิ่งออกไป แค่เลี้ยงดูให้มีชีวิตก็พอ
ยามนั้นหลงซีเกลีดชังบิดาและเกลียดชังสามีภรรยาสกุลเย่ที่ให้เงินทุนสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ แอบสลับตัวเด็กน้อยทั้งสองที่ยังอยู่ในวัยห่อผ้าอ้อม…
ผลคือ เย่หงเฟิงตัวจริงกลายเป็นร่างโคนนิ่งและถูกส่งมอบให้สามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นชื่อเป็นกู้ซีจิ่ว…
ส่วนร่างโคลนนิ่งก็กลายเป็นเย่หงเฟิงที่รั้งอยู่ข้างกายสามีภรรยาสกุลเย่
หลงซีกระทำเรื่องนี้เป็นการลับยิ่งนัก คนนอกไม่มีทางทราบ ต่อให้เป็นบิดาสติเฟื่องคนั้นก็ไม่ทราบเช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นใส่ใจผลงานวิจัยของตัวเองมาก เขาอยากเห็นว่าร่างโคลนนิ่งนี้จะมีศักยภาพมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงวางแผนให้คนไปลักพาตัวกู้ซีจิ่ว นำไปเลี้ยงดูในค่ายฝึกนักฆ่ากลุ่มอัคคีโชนของตระกูเย่…
————————————————————————————-
บทที่ 666 นั้นเป็นชีวิตคนหลายสิบชีวิต…
อันที่จริงหลังจากหลงซีกระทำเรื่องนั้นลงไปไม่นานก็รู้สึกเสียใจภายหลัง แต่ตอนนั้นกู้ซีจิ่วถูกส่งตัวไปแล้ว และไม่มีใครบอกเขาว่าถูกส่งตัวไปที่ไหน
ต่อมาเขาค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น และไม่เคยหยุดตามหาที่อยู่ของกู้ซีจิ่วเลย ภายหลังถึงได้ข่าวว่าเธอเข้าไปอยู่ในค่ายฝึกนักฆ่า
ตอนนั้นหลงซีได้ฉายแสงในวงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพแล้ว มีชื่อเสียงอยู่บ้าง และมีตัวตนฐานะของตัวเองแล้วนิดหน่อย และในที่สุดบิดาของเขาก็เลิกปฏิบัติต่อเขาในฐานะตัวทดลองวิทยาศาสตร์แล้ว ให้เขาได้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป
ไอคิวเขาสูงมาก ศิลปะการต่อสู้อันใดก็ร้ายกาจยิ่ง ซ้ำยังเติบโตมาหล่อเหลา ‘เย่หงเฟิง’ มักจะมาเล่นกับเขาบ่อยๆ สามีภรรยาสกุลเย่ก็คิดจะให้เขามาเป็นลูกเขยของบ้านตน
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นยังคงปรารถนาเงินทุนมหาศาลที่สามีภรรยาสกุลเย่เสนอว่าจะมอบให้เพื่อผลักดันการทดลองวิทยาศาสตร์ทั้งหมดของเขา ย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้ว
แต่ยามนั้นหลงซีไม่ได้รู้สึกอะไรกับ ‘เย่หงเฟิง’ เขานึกถึงกู้ซีจิ่วที่ถูกเขาแอบสลับตัวอยู่เสมอ ดังนั้นจึงขอเข้าไปเป็นครูฝึกในค่ายฝึกนักฆ่าด้วยตัวเอง และวางแผนไปอยู่ชั้นเรียนนั้นของกู้ซีจิ่ว…
ตอนแรกเขาไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ ถึงขั้นโอบอุ้มความเป็นไปได้อันน้อยนิดว่าอาจจะสลับตัวเด็กทั้งสองกลับมาได้อีกครั้ง แต่หลังจากเข้าไปพบกู้ซีจิ่วก็ทราบว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
ถึงแม้เด็กทั้งสองจะมีรูปร่างหน้าตาและพันธุกรรมแบบเดียวกันทุกประการ แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน บุคลิกจึงแตกต่างกันมาก
‘เย่หงเฟิง’ ใช้ชีวิตสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก เป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกพะเน้าพะนอเอาใจ นิสัยก็เป็นประเภทเอาแต่ใจร่าเริงสดใสไร้เดียงสา
แต่กู้ซีจิ่วตอนเด็กครอบครัวยากจน พอโตขึ้นมาก็ถูกลักพาตัวไปเข้าค่ายฝึกนักฆ่า สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เธอมีนิสัยเย็นชา กระทำการเด็ดขาดแน่วแน่
เด็กทั้งสองคนนอกจากรูปโฉมที่เหมือนกันทุกประการแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เหมือนกันเลย ไม่มีทางเปลี่ยนตัวกลับมาได้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วผิดพลาดต่อไป
ดังนั้นเขาจึงคอยดูแลเธอทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง แต่ดูแลไปดูแลมาก้เกิดความรู้สึกขึ้น เขาที่สนใจแต่ตัวเองมาโดยตลอดชอบเธอเข้าแล้ว…
ตอนที่เขาเล่ามาถึงตรงนี้ ในที่สุดกู้ซีจิ่วที่ถูกความจริงทำให้ตกใจก็เอ่ยขัดเขา “ความจริงแล้วฉันเป็นทายาทที่ถูกคุรณสลับตัวเหรอ!”
“ซีจิ่ว ฉันขอโทษ!” หลงซือเย่เศร้าหมอง
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ข่าวนี้น่าตกใจเกินไป เธอย่อยข้อมูลไม่ทันไปชั่วขณะ จับประเด็นไปตามสัญชาตญาณ “ไม่ถูกสิ! ในเมื่อคุณรู้สึกผิด ในเมื่อรู้ความจริง แล้วทำไมไม่บอกสามีภรรยาสกุลเย่? ด้วยระดับความรักที่พวกเขาสามีภรรยามีต่อลูก ถ้ารู้ว่าฉันเป็นลูกสาวของพวกเขา ตามเหตุผลแล้วน่าจะมารับฉันกลับไปไม่ใช่เหรอ? คงไม่ปล่อยให้อยู่ในค่ายฝึกนักฆ่าที่สถานการณ์ลุ่มๆ ดอนๆ หรอก…”
คำถามของเธอถามได้เฉียบแหลมและคมชัดมาก หลงซือเย่หลุบตาถอนหายใจ “ขอโทษด้วย!”
แต่พอกู้ซีจิ่วถามประโยคนี้จบก็เข้าใจขึ้นมาทันที เธอเคยขายชีวิตให้กลุ่มตระกูเย่ ทราบว่าสามีภรรยาสกุลเย่ใช้ชีวิตทั้งด้านมือและด้านสว่าง แถมยังใจดำอำมหิตกับผู้อื่นยิ่งนัก ขัดเคืองเล็กน้อยก็ต้องเอาคืน และไม่เคยไว้ชีวิตใคร
ถ้าตอนนั้นหลงซีพูดความจริงออกไป กู้ซีจิ่วอาจถูกรับตัวกลับไป ใช้ชีวิตเป็นคุณหนูใหญ่ที่เธอสมควรได้รับ แต่หลงซีรวมถึงนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น ตลอดจน ‘เย่หงเฟิง’ ร่างโคลนนิ่งคนนั้น จะไม่รอดชีวิตสักราย
แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่เข้าร่วมการวิจัยในปีนั้นก็จะถูกลอบสังหารทั้งสิ้น!
นั้นเป็นชีวิตคนหลายสิบชีวิต…
ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายในการพูดความจริงนั้นมากเกินไป มากจนหลงซีในเวลานั้นรับผิดชอบไม่ไหว ดังนั้นต่อให้เขาสำนึกผิดก็ทำได้เพียงเลือกให้เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วผิดพลาดต่อไป…
กู้ซีจิ่วเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วผิดพลาดต่อไป แต่เธอยังไม่เข้าใจอยู่ข้อหนึ่ง…