ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 687-688
บทที่ 687 เขาต้องการให้เธอตายหรือ?
กู้ซีจิ่วอดจะมองหลงซือเย่แวบหนึ่งไม่ได้ เธอทราบเจตนาของเขา
รู้ว่าเขากังวลว่าฝ่ายอวิ๋นชิงหลัวจะอาศัยโอกาสนี้ลงมือสังหาร เกรงว่ากู้ซีจิ่วจะบาดเจ็บหนัก ดังนั้นเขาจึงนำของล้ำค่าออกมาล่อใจคนอย่างไม่นึกเสียดาย น้ำใจนี้ เธอรับไว้แล้ว!
หลงซือเย่ก็มองเธอเหมือนกัน ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง เขาทราบแล้วว่าเธอเข้าใจเจตนาเขาแล้ว ในใจรู้สึกปลื้มปริ่ม ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง มุมปากกู้ซีจิ่วก็ยกขึ้นนิดๆ คนทั้งสองต่างมองกันแล้วยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบๆ
‘ตุบ!’ ตี้ฝูอีวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง
เสียงดังกังวาน ทั้งสนามต่างได้ยิน
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก้หันเหสายตามามองเขาแวบหนึ่ง ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่มองนาง มุมปากกระตุก เกิดรอยยิ้มแวบหนึ่ง หยิบบางสิ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางลงบนโต๊ะช้าๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อินังขังขอบ “ในสนามรบไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ ในเมื่อเป็นการประลอง เช่นนั้นทั้งสองย่อมต้องทุ่มเทแสดงพลังทั้งหมดออกมาถึงจะน่าชม คมกระบี่ไร้ดวงตา ที่กล่าวว่าให้มีขอบเขตหน่อยนึกว่าเป็นแม่นางที่มาปักผ้ากันงั้นหรือ? นี่คือผลมะเดื่อหิมะ ผู้ที่ชนะจะได้รับไป”
ฝูงชนตกตะลึง
นี่…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจตนาจะร้องประชันกับหลงซือเย่หรือ?
ผลมะเดื่อหิมะเป็นผลไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง เติบโตในแดนต้องห้ามที่มีสัตว์ร้ายชุกชุม เป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ความล้ำค่าของสิ่งนี้เทียบได้กับผลท้อของเจ้าแม่หวางหมู่!
แม้แต่หยกนภาผู้รอบรู้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ‘เจ้านาย ผลไม้นี้ยอดเยี่ยมมาก ช่วยยืดอายุขัย บำรุงความงาม กินแค่ผลเดียวก็จะทำให้รูปโฉมท่านอ่อนเยาว์ไม่เฒ่าชราไปตลอดกาล ต่อให้เป็นยายเฒ่าอายุแปดสิบก็จะงดงามดังบุปผาแรกแย้มอยู่! เจ้านาย ท่านต้องชนะให้ได้!’
กู้ซีจิ่วลูบหยกนภาเบาๆ ไม่พูดอะไร
ดวงตาอวิ๋นชิงหลัวส่องประกายน้อยๆ มองไปที่ตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจ้าคะ ความหมายของท่านก็คือ ในการประลองหากพลาดพลั้งทำอีกฝ่ายถึงชีวิตก็ไม่มีโทษใช่ไหมเจ้าคะ? แถมจะได้รับผลมะเดื่อหิมะลูกนี้ด้วย?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีเรียบเฉย “เจ้าจะเข้าใจเช่นนั้นก็ได้”
จากนั้นก็เหลือบมองกู้วีจิ่วแวบหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว เจ้ามีความเห็นอย่างไร?”
เสียงกู้ซีจิ่วเฉยชากว่าเขาเสียอีก “ขอบคุณท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสำหรับเรื่องมงคลนี้ ซีจิ่วไม่มีความเห็นเจ้าค่ะ”
หากกล่าวว่าเมื่อก่อนเธอยังเคยมีความรู้สึกอันน่าประหลาดให้ตี้ฝูอีอยู่บ้าง ยามนี้ทุกอย่างก็ได้สูญสลายไปจนสิ้นแล้ว
คนผู้นี้รู้อยู่ชัดเจนว่าวรยุทธ์เธอด้อยกว่าอวิ๋นชิงหลัว แถมอวิ๋นชิงหลัวก้เกลียดเธอมาก อยากกำจัดให้สิ้นซากใจจะขาด หากกฎการแข่งขันกำหนดให้ลงมืออย่างมีขอบเขต เช่นนั้นระหว่างที่อวิ๋นชิงหลัวก็ยังต้องคำนึกถึงอยู่บ้าง อย่างมากคงทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส ไม่ทำให้เธอถึงตาย
แต่วาจานี้ของตี้ฝูอีเห็นได้ชัดว่าส่งสัญญาณแก่อวิ๋นชิงหลัวเป็นนัยๆ ว่าสามารถลงมือหนักๆ ได้
ที่แท้ยามคนผู้นี้โหดร้ายขึ้นมาเป็นเช่นนี้ เขาต้องการให้เธอตายหรือ?
ในทรวงคล้ายมีโลหิตร้อนระอุเดือดพล่านอยู่ เธอหลุบตาลงนิดๆ สะกดลงไป ถ้าสู้กันจริงๆ ขึ้นมาก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นผู้ใดที่สังหารผู้ใด!
ตอนนี้พลังวิญญาณเธอบรรลุขั้นห้าแล้ว ถึงจะยังห่างชั้นกับอวิ๋นชิงหลัวอีกไกล แต่ประสบการณ์ด้านการรบของอวิ๋นชิงหลัวกลับห่างชั้นกับเธอผู้มีประสบการณ์โชกโชน!
หลานไว่หูค่อนข้างกระวนกระวายใจ จึงส่งกระแสเสียงหากู้ซีจิ่ว ‘ซีจิ่ว พวกเราสู้พวกเขาไม่ได้…’
นางเคยเห็นของฝาแฝดผู้น้องมาแล้ว หวงเทียนสิงที่รังแกนางบ่อยๆ คนนั้นเคยตามเกี้ยวพาผู้อื่น พอเกี้ยวพาไม่สำเร็จก็เปลี่ยนเป็นพูดจาแทะโลม ผลคือถูกเล่อจื่อซิงซัดกระบวนท่าหนึ่งใส่ แทบจะซัดจนเจ้าคนผู้นั้นกระอักโลหิตออกมา!
วรยุทธ์เช่นนี้หลานไว่หูในอดีตแม้แต่คิดก็ยังไม่กล้า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องต่อสู้กับนางเลย
หลานไว่หูในปัจจุบันถึงจะไม่ใช่อาเหมิงแห่งรัฐอู๋[1]แล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฝาแฝดคู่นี้ นางก็ยังค่อนข้างกังวลใจ
ตัวนางในอดีตถือคติสู้ไม่ได้ก็คือสู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้ก็ไม่มีจุดประสงค์อะไรต้องไปสู้ แต่ถ้าต้องสู้โดยมีชีวิตเดิมพัน…
————————————————————————————-
บทที่ 688 ใจสื่อถึงกัน
นางก็ค่อนข้างกลัวอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วมองนางแวบหนึ่ง ตอบนางเพียงสองประโยค ‘ถ้าสู้ไม่ได้พวกเราอาจต้องตาย! ดังนั้นต้องสู้! พบพานศัตรูบนทางแคบผู้กล้าหาญถึงเป็นฝ่ายมีชัย เจ้าเชื่อฟังข้าทุกอย่างก็พอ!’
ทว่าเชียนหลิงอวี่กลับเลือดลมพลุ่งพล่าน ‘กลัวบ้าบออันใด อย่างมากแค่ตายเท่านั้น! วีจิ่วก็บอกแล้ว ยามอยู่เป็นยอดคน ยามตายเป็นยอดผี ยี่สิบปีให้หลังย่อมถือกำเนิดเป็นผู้ห้าวหายอีกครั้ง! แค่สู้เท่านั้น!’
หลานไว่หูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถูกอารมณ์ของสหายข้างกายกระตุ้นขึ้นมา ‘ได้ พวกเราสู้!’
คนมาพร้อมหน้าแล้ว เวลาก็ใกล้จะถึงแล้ว เยี่ยนเฉินลุกขึ้นมากล่าวกฎการประลองหนึ่งรอบ กฎของครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากใช้พิษใช้กู่ใช้อาวุธลับแล้ว วรยุทธ์อื่นๆ ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ได้ทั้งสิ้น
เมื่ออ่านกฎจบ เขาก็โบกมือให้สัญญาณ “เริ่มได้แล้ว!”
ทั้งหกคนแยกย้ายไปประจำตำแหน่ง ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะประสานหมัดเอ่ยตามธรรมเนียม เล่อชิงวิ่งที่อยู่ด้านนั้นก็เอ่ยขึ้นมาแล้ว “กู้ซีจิ่ว สรุปแล้วก่อนหน้านี้เจ้ามองพวกเราทำไม?”
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ลืมคำถามนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ มองอีกฝ่ายแวบหนึ่งแล้วเอ่ยคำตอบออกมา “ข้ากำลังมองว่าพวกเจ้าสองพี่น้องสรุปแล้วเป็นฝาแฝดไข่ใบเดียวกันหรือว่าเป็นฝาแฝดไข่คนละใบ”
เล่อชิงซิ่งและเล่อจื่อซิ่งต่างงุนงง
ฝูงชนก็งุนงงเช่นกัน ทุกคนล้วนฟังไม่เข้าใจ
มีเพียงหลงซือเย่ทีสำลักน้ำชาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง พลางส่ายหน้าน้อยๆ แต่มุมปากกลับค่อยๆ หยักเป็นรอยยิ้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เมื่อกี้กู้ซีพูดทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ ตอนนี้ถึงรู้ว่าหลุดคำศัพท์ยุคปัจจุบันออกไป ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กระแอมไอคราหนึ่ง แล้วเปลี่ยนประเด็น “ล้วนกล่าวกันว่าฝาแฝดจะสื่อสารรู้ใจ ดังนั้นข้าจึงอดไม่ได้ที่มองให้มากหน่อย ไม่มีเจตนาอย่างอื่น ไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ”
“ฝาแฝดไข่ใบเดียวกันและฝาแฝดไข่คนละใบคืออะไร?” เล่อชิงซิ่งไม่ยอมเลิกรา
กู้ซีจิ่วรู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจ จึงหลอกไปเรื่อย “คือระดับความรู้ใจอย่างหนึ่ง รู้ใจกันมากก็คือแฝดไข่ใบเดียวกัน แฝดไข่คนละไข่ก็คือตรงกันข้าม…”
ฝูงชนมีท่าทางแบบที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ทว่าหลงซือเย่กลับสำลักอีกครั้ง มองกู้ซีจิ่วพลางส่ายหัวอย่างจนปัญญา
กู้ซีจิ่งขึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เตือนเขาว่าอย่าเปิดโปงเธอ…
ถึงแม้คนทั้งสองจะไม่ได้เปิดปากสนทนากัน แต่สบตากันครั้งเดียวก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร ช่างทิ่มแทงหัวใจผู้ที่ตั้งใจมองอยู่เหลือเกิน!
ตี้ฝูอีกำมือแน่นอีกครั้ง
เขาฟังไม่ออกว่าสรุปแล้วกู้ซีจิ่วพูดถึงอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าหลงซือเย่เข้าใจ
เขารู้สึกว่าตนถูกกีดกันไว้ด้านนอกอีกครั้ง…
ความรู้สึกเช่นนี้แย่มาก แถมเขายังได้ยินกระแสเสียงที่สองคนนั้นส่งหากันด้วย…
หลงซือเย่อมยิ้มมองดูกู้ซีจิ่ว ในที่สุดก็ส่งกระแสเสียงหา ‘หลอกลวง! เธอเป็นจอมหลอกลวง! ฝาโลงอาจารย์วิชาชีววิทยาของเธอปิดไม่สนิทแล้ว’
กู้ซีจิ่วยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง ส่งกระแสเสียงตอบเขา ‘ไม่เป็นไร ต่อให้อาจารย์วิชาชีววิทยาของปีนออกมาจากโลงก็ทะลุมิติมาไม่ได้หรอก’
‘พูดยาก! ไม่แน่นะเขาอาจทะลุมาได้ในชั่วลมหายใจเดียว แล้วทุบเธอให้น่วม!’
‘เฮ้อ มือที่ไม่มีแม้แต่แรงจะมัดไก่ของเขาคงทุบฉันไม่ได้หรอก…คุณอย่าช่วยเขาก็พอ’
‘ว่ากันตามจริงแล้วการที่เธออธิบายเรื่องฝาแฝดไข่ใบเดียวกันแบบนี้ฉันก็อยากจะฟาดเธอเหมือนกัน ดีร้ายยังไงฉันก็เคยเป็นครูฝึกของเธอ วิชาแพทย์ของเธอก็เป็นฉันสอนให้’
‘โอ้ งั้นคุณบอกได้ไหมว่าพวกเขาเป็นไข่ใบเดียวกันหรือไข่คนละใบ?’
‘นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ไข่ใบเดียวกันสิ ฝาแฝดที่เหมือนกันขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการปฏิสนธิในไข่ใบเดียวกัน…’
“ฉันจำได้ว่าโดยทั่วไปแล้วฝาแฝดที่ปฏิสนธิจากไข่ใบเดียวกันจะเป็นเพศเดียวกัน แต่พวกเขากลับเป็นครรภ์หงส์มังกร”
“บางครั้งก็มีครรภ์หงส์มังกรที่เกิดจากการปฏิสนธิในไข่ใบเดียวกัน เพียงแต่คอนข้างหายากเท่านั้นเอง เธอมองพวกเขาพี่น้องให้ละเอียดสิ พี่ชายมีรูเล็กๆ ที่หูข้างซ้าย น้องสาวมีที่หูข้างขวา เธอมองรูปร่างมือของพวกเขาสิเหมือนกันเป๊ะ แค่ขนาดต่างกันเท่านั้น ข้อต่อมือซ้ายของพี่ชายใหญ่หนามีพลัง เห็นได้ชัดว่าใช้กระบี่มือซ้าย ส่วนน้องสาวมือขวาแข็งแรง ข้อนิ้วเหมือนปล้องไผ่ นางใช้กระบี่มือขวา…”
หลงซือเย่ช่างสมกับเป็นหมอ คุ้นเคยกับวิชายุทธ์ของโลกนี้อย่างยิ่ง แค่อ้างอิงจากลักาณะท่าทางและตำแหน่งของตัวคนก็สามารถเดาวิชายุทธ์ของอีกฝ่ายได้แล้ว วิเคราะห์ให้เธอได้คล่องปาก
————————————————————————————-
[1] อาเหมิงแห่งรัฐอู๋ หมายถึง คนที่ไม่รู้ความทำอะไรไม่เป็น