ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 715-716
บทที่ 715 คนผู้นั้น…คือใคร?
ภายในห้องกว้างเหลือเพียงอวิ๋นชิงหลัวผู้เดียว นางหายใจฟืดฟาดดั่งวัว ฝืนยันกายขึ้น แล้วปิดประตูห้อง ทว่ายังวางใจ ร่ายอาคมซ้ำอีกหลายครั้ง ผนึกทั้งห้องไว้ แบบนี้แล้วขอเพียงมีคนนอกมา นางก็จะทราบล่วงหน้า
เมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ นางก็หลั่งเหงื่อโซมกายอีกครั้ง หอบหายใจครู่หนึ่ง ยื่นมือที่สั่นเทาออกไปล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาจากห้วงมิติในกายตน เปิดถุงเก็บของออก คนผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากด้านใน…
อาภรณ์ม่วงเกศาดำ หน้ากากบดบังใบหน้า เรือนกายสูงโปร่ง ยืนอยู่ตรงนั้นดั่งทวยเทพองค์หนึ่ง
อวิ๋นชิงหลัวยื่นมือออกไปหาเขา หลับตาลงนิดๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…อุ้มข้า…”
คนผู้นั้นประคองนางขึ้นมาเงียบๆ ช้อนเอวนางอุ้มขึ้นมา จากนั้นก็วางนางลงบนเตียงตามที่นางสั่ง…
สองแขนของอวิ๋นชิงหลัวโอบคอเขาไว้ พิงศีรษะกับอกเขา แววตาเจ็บปวดร้าวราน “เพราะอะไร…ท่านถึงรักข้าไม่ได้? เพื่อท่านแล้วข้ายอมแลกอะไรไปมากมาย…”
คนผู้นั้นไม่พูดอะไร เพียงโอบกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน
จู่ๆ อวิ๋นชิงหลัวก็ผลักเขาออกไป หยาดน้ำตาหลั่งรินดั่งสายพิรุณ “เจ้าออกไปนะ! ไสหัวไปซะ! เจ้าไสหัวไป! เจ้าไม่ใช่เขา! ไม่ใช่!”
คนผู้นั้นถูกนางผลักจนเซ ทว่ายังถอยหลังไปหลายก้าวอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กลิ้งอยู่พื้น…
อวิ๋นชิงหลัวหัวเราะเสียงดัง “เจ้าไม่ใช่เขา เขาไม่เชื่อฟังเช่นนี้หรอก! เจ้าเป็นแค่หุ่นเชิดตัวหนึ่ง! เป็นแค่หุ่นเชิดไม่มีสมองตัวหนึ่ง!” หัวเราะเสร็จนางก็ร้องไห้อีกครั้ง “ทำไมเจ้าถึงไม่ใช่เขากัน? เจ้าดีกว่าเขามากมิใช่หรือ?”
โลหิตไหลรินออกมาจากบาดแผลที่ทรวงอกและแผ่นหลังของนาง นางปล่อยให้พวกมันไหลออกมา แววตาค่อนข้างเลื่อนลอย “บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าข้าตายไปเช่นนี้เสียยังจะดีกว่า ไม่ต้องชอบเขาถึงเพียงนี้อีกต่อไป…”
นางยกมือสัมผัสบาดแผลตรงหน้าอก โลหิตเปอระเปื้อนมือทันที “นี่คือสิ่งที่เขามอบให้ข้า…บางทีข้าควรจะปล่อยมือได้แล้ว…”
คนชุดม่วงผู้นั้นก้าวเข้ามา ยืนอยู่ข้างเตียง มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน ยกมือแตะบาดแผลนางเบาๆ ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “ชิงหลัว เจ้าตายไม่ได้ เจ้ายังทำภารกิจของเจ้าไม่สำเร็จเลย…”
เสียงของเขาก็เป็นน้ำเสียงของตี้ฝูอีเช่นกัน เจือความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยมอบให้นางเอาไว้ “ชิงหลัว เจ้ายังมีข้านะ”
อวิ๋นชิงหลัวแข็งค้างไปแล้ว ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “ข้า…ข้าไม่เคยสอนให้เจ้าพูดเช่นนี้! จ…เจ้าทำได้ยังไง?”
คนชุดม่วงผู้นั้นมองนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โอบนางไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง ริมฝีปากเย็นเฉียบปัดป่ายหน้าผากของนาง “ชิงหลัว อย่ากลัวเลย ข้าจะอยู่ด้วย อยู่ด้วยเสมอ”
อวิ๋นชิงหลัวคล้ายแข็งทื่อไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ยอมให้เขาแกะสาบเสื้อตน ยอมให้เขาใช้ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบาดแผลของนาง “ชิงหลัว กระบี่ต้องสาปเล่มนี้เจ้าถอนเองได้หรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวพยักหน้า นางเป็นจอมคาถา กระบี่เล่มนี้หลอมจากแก่นโลหิตของนางผสมกับยันต์คาถารวมถึงสิ่งอื่นๆ ร่างของนางเองย่อมสามารถสลายคมตะขอบนตัวกระบี่ได้ จากนั้นก็ถอนออกไป
นางตวัดมือกุมปลายกระบี่เล่มนั้นไว้ กัดฟันดึงกระบี่หักๆ เล่มนั้นออกมา
แน่นอนว่าเจ็บปวดเสียจนเหงื่อโชกศีรษะอีกครั้ง
ร่างคนเอนหงายลงไปทันที แทบจะสลบไปแล้ว
มือของคนชุดม่วงผู้นั้นคล่องแคล่วว่องไว เริ่มจัดการบาดแผลให้นาง ทายา พันแผล…
อวิ๋นชิงหลัวเบิกตามองเขา คนผู้นี้ไม่ว่าส่วนสูง ท่วงท่า สายตา ริมฝีปาก นิ้วมือ…ทุกส่วนที่คนมองเห็นได้ล้วนเหมือนเขาไม่มีผิด! เหมือนคนผู้นั้นที่นางใฝ่ฝันหาทว่าไม่มีทางได้มาครองตลอดกาล
แต่เบื้องหลังหน้ากากนี้เล่า?
ทันใดนั้นนางก็ยื่นมือไปปลดหน้ากากเขาลงมา!
ด้านหลังหน้ากากคือใบหน้าประหลาดใบหน้าหนึ่ง ไม่มีขนคิ้ว ไม่มีจมูก มีเพียงดวงตาและริมฝีปากเท่านั้น…
เฉกเช่นตอนแรกที่นางสร้างเขาขึ้นมาทุกประการ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
————————————————————————————-
บทที่ 716 เช่นนั้นเจ้าสนใจอะไร?
ถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของตี้ฝูอี ดังนั้นเพื่อสร้างให้หุ่นเชิดตัวนี้คล้ายคลึงที่สุดนางจึงไม่ได้สร้างเครื่องหน้าทั้งห้าให้มันจริงๆ เนื่องจากนางรู้สึกว่าเครื่องหน้าที่ตนจินตนาการเอาเองล้วนมิใช่เขา…
นางสวมหน้ากากอันนั้นให้มันอีกครั้งอย่างหดหู่ ด้วยเหตุนี้มันเลยกลายเป็นเขาที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สามารถพูดคุยเป็นเพื่อนนางได้ ไปเที่ยวเทศกาลความรักเป็นเพื่อนนางได้ นางอยากให้ทำสิ่งใดเขาก็ทำสิ่งนั้น ขอเพียงใช้วิชาหุ่นเชิดควบคุมเขาก็พอ…
นางพริ้มตาลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้ “เมื่อกี้เจ้าบอกว่ามีภารกิจอะไรที่ยังไม่สำเร็จ?! ภารกิจอะไร?”
นิ้วคนชุดม่วงผู้นั้นไล้ใบหน้านาง ถอนหายใจเบาๆ “ชิงหลัว ข้ามีที่มาอย่างไร?”
อวิ๋นชิงหลัวขมวดคิ้ว “ข้าสร้างขึ้นมาไง ข้าเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิด…”
“หากอาศัยฝีมือทั้งหมดของเจ้า ก็สามารถสร้างให้เหมือนเขาอย่างสมบูรณ์ได้ แม้แต่กลิ่นอายของข้าก็เหมือนเขาอย่างสมบูรณ์มิใช่หรือ?”
อวิ๋นชิงหลัวเงียบงัน
นางเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิดระดับสูง ย่อมสามารถสร้างหุ่นเชิดได้ แต่หุ่นเชิดทั้งหมดที่สร้างออกมาจะไม่มีชีวิตจิตใจ ต้องให้ปรมาจารย์หุ่นเชิดใช้วิชาหุ่นเชิดควบคุม และเมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ปกติแล้ว ท่วงท่าการเคลื่อนไหวและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของหุ่นเชิดจะด้อยกว่าอยู่บ้าง บนร่างหุ่นเชิดทุกตัวล้วนมีกลิ่นอายพิเศษชนิดหนึ่งอยู่ ทำให้แยะแยะความแตกต่างกับมนุษย์ปกติได้ง่ายมาก
นางชอบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ดังนั้นในยามที่ครอบครองเขาไม่ได้ จึงสร้างหุ่นเชิดของเขาขึ้นมาคลายความเหงา แต่หุ่นเชิดที่สร้างขึ้นมาล้วนมีข้อบกพร่องโน้นนี่ ทำให้นางสร้างมันให้เหมือนเขาไม่ได้ ล้มเหลวระหว่างสร้างง่ายดายนัก
จวบจนวันหนึ่ง นางได้รับการชี้แนะจากคนผู้หนึ่งในความฝัน คนผู้นั้นสอนวิธีสร้างหุ่นเชิดแบบพิเศษให้นาง ซ้ำยังมอบเส้นผมของตี้ฝูอีให้นางเส้นหนึ่งด้วย…
หลังจากตื่นขึ้นมานางก็จำขั้นตอนการสร้างหุ่นเชิดที่แสนซับซ้อนนั้นได้ จากนั้นก็ใช้เส้นผมของตี้ฝูอีใช้เวลาอยู่สองปีในที่สุดก็สร้างมันที่เหมือนเขาทุกประการขึ้นมาได้…
อวิ๋นชิงหลัวมองหุ่นเชิดที่อยู่กับตนมาเป็นเวลาสองปี “เจ้า…”
หุ่นเชิดตัวนั้นกุมมือน้อยๆ ข้างนั้นของนางไว้ จากนั้นก็แย้มยิ้ม “ข้าแตกต่างจากหุ่นเชิดพวกนั้น ชิงหลัว ข้าอยู่ข้างกายเจ้าได้ตลอด ไม่หลีกลี้หนีหาย แต่เจ้าติดค้างหนี้น้ำใจของคนผู้นั้น น้ำใจนี้เจ้ายังต้องใช้คืน…”
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หัวใจอวิ๋นชิงหลัวจึงสั่นสะท้านอยู่บ้าง “คนผู้นั้น…คือใคร?”
หุ่นเชิดตัวนั้นยิ้มน้อยๆ ยกมือปัดไรผมของนาง “ต่อไปเจ้าก็จะรู้เอง”
อวิ๋นชิงหลัวกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ข้าอยากรู้ตอนนี้!”
หุ่นเชิดยิ้มนิดๆ มองดูนางเงียบๆ
อวิ๋นชิงหลัวโมโหขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าคว้ากระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากที่ใดจ่อเข้าที่ลำคอเขา “พูด!”
ปลากกระบี่แทงเข้าเนื้อ โลหิตซึมออกมา หุ่นเชิดตัวนั้นนิ่งเงียบ แม้กระทั่งรอยยิ้มตรงมุมปากก็ไม่แปรเปลี่ยนไปเลย
อวิ๋นชิงหลัวเดือดดาลยิ่งนัก ข่มขู่เขาติดๆ กันหลายประโยค แม้กระทั่งถ้อยคำจำพวกว่าจะนำเขาไปทำลายทิ้งก้กล่าวออกมาแล้ว ผลคือหุ่นเชิดตัวนี้ยังคงเงียบงันเช่นเดิม แย้มยิ้มดั่งไม้ท่อนหนึ่ง
ในที่สุดอวิ๋นชิงหลัวก็ถอดใจ ทำได้เพียงเก็บมันเข้าไปในถุงเก็บของอีกครั้ง แล้ว เก็บไว้ให้ดี
ถุงเก็บของใบนี้เป็นถุงเก็บของระดับสูง สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ตามใจนึก นางซ่อนมันไว้ค่อนข้างมิดชิด เก็บไว้ในห้วงมิติที่นางบ่มเพาะขึ้นมา หากมิใช่ผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์พิเศษเช่นนาง ก็ล้วงไปจากนางไม่ได้…
….
ยามที่ตี้ฝูอีเดินออกมาจากเรือนของอวิ๋นชิงหลัว ด้านนอกมีกลุ่มคนแสร้งเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ไม่น้อย
อาจารย์ที่ปรึกษาของอวิ๋นชิงหลัวค่อนข้างเป็นห่วงศิษย์ของตน ทำหน้าหนาก้าวเข้าไปสอบถาม “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายว้าย ชิงหลัวนาง…”
ตี้ฝูอีไม่หยุดฝีเท้าเลย ตอบเขาอย่างเฉยชาเพียงสามคำ “ไม่ถึงตาย” แล้วสาวเท้าจากไป
น้ำเสียงนี้ฟังอย่างก็ไม่คล้ายว่าดี ผู้คนที่อยู่รอบๆ มองหน้ากัน ไม่ทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหมายความว่าอย่างไร