ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 747-748
บทที่ 747 นี่…นี่ก็เป็นของปลอมใช่ไหม?
เธอกลอกตามองรอบข้าง ไม่เห็นมีบุคคลที่สองอยู่ในห้องนี้ ดูเหมือนตี้ฝูอีจะยังมีขีดจำกัดล่างอยู่บ้าง ไม่ได้ฉวยโอกาสตอนที่เธอสลบนอนร่วมห้องกับเธอเพื่อทำลายชื่อเสียงความผุดผ่องของเธอ
สถานที่แห่งนี้เธอไม่อยากรั้งอยู่นาน อยู่นานๆ ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะเล่นลวดลายอันใดอีก!
ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วตั้งสติได้ ก็คิดจะลงจากเตียงทันที วางแผนว่าจะกลับไปอยู่ในห้องพักที่สงบเงียบแห่งนั้น หากว่ากลับไปเช้าหน่อย ไม่แน่จิ้งจอกน้อยอาจจะยังไม่ตื่น…
กู้ซีจิ่วยื่นมือไปเลิกม่านเตียง ทว่าในวินาทีที่มองเห็นมือตนก็ทึ่มทื่อไป!
มือข้างนั้นงดงามเรียวยาวกระจ่าง นิ้วหัวแม่มือสวมแหวนหยกสำหรับน้าวธนูไว้ ยามที่ยื่นมือออกไปคล้ายจะสามารถโลกาปั่นป่วนได้
กู้ซีจิ่วคุ้นเคยกับมือนี้ยิ่งนัก เนื่องเคยถูกมันเกาะกุมมาหลายหน…
นี่คือ…มือของตี้ฝูอี!
สายตากู้ซีจิ่วจับจ้องมือตนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบก้มมองร่างกายตนทันที จากนั้นทั้งร่างก็แข็งค้างปานถูกฟ้าผ่าใส่!
ร่างกายเธอสวมเสื้อคลุมสีม่วง หน้าอกเรียบแบน เนินเขาแฝดที่เคยภาคภูมิใจหายไปแล้ว…
นี่…นี่คล้ายว่าจะเป็นร่างกายของตี้ฝูอี!
หรือว่าเธอจะเข้าสิงสู่ร่างของตี้ฝูอีเสียแล้ว?!
เป็นไปไม่ได้กระมัง?!
หรือว่าตี้ฝูอีจะเล่นพิเรนทร์ด้วยการแปลงโฉมให้เธอ? เจตนาจะทำให้เธอตกใจ?
ด้วยนิสัยของคนผู้นั้น เรื่องต่ำทรามประเภทนี้เขาย่อมทำได้!
ต้องถูกแปลงโฉมแน่ๆ!
เธอตัดสินใจได้โดยพลัน แกะสาบเสื้อตรงอกตนออก จากนั้นก็มองแผ่นอกเปลือยเปล่า
แผ่นอกนี้มีร่องลายชัดเจนปานแผ่นหินอ่อน เม็ดทับทิมทั้งสองก็รูปร่างสมบูรณ์งดงาม
หน้าอกของร่างนี้ก็งดงามมากเช่นกัน
นี่ไม่ใช่ของจริงแน่ๆ! มารดามันเถอะหน้าอกนี้ทำได้สมจริงเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วยื่นมือไปลูบคลำดู จากนั้นก็ชะงักงันดั่งถูกไฟฟ้าช็อต
มีความรู้สึก! แถมยังรู้สึกได้ชัดเจนนัก
กู้ซีจิ่วมือสั่น แหวกเสื้อคลุมออกทันที มองเห็นกล้ามท้องหกลอนอันทรงพลังของตน จึงลองหยิกดู เจ็บเหลือเกิน เป็นความรู้สึกของเนื้อที่ถูกหยิก
นี่…นี่ก็เป็นของปลอมใช่ไหม?
ความรู้สึกสมจริงเกินไปแล้ว!
กู้ซีจิ่วก็แตกฉานในศาสตร์การแปลงโฉม แถมรูปร่างภายนอกก็ดูแนบเนียนสมจริง แต่ ‘เนื้อหนัง’ ที่ติดอยู่บนร่างเหล่านั้นไม่ว่าจะหยิกหรือสัมผัสก็ไม่รู้สึกอะไร เป็นแค่ซิลิโคนเกรดสูงที่ทำขึ้นเฉพาะเท่านั้น
แต่ยามนี้สิ่งที่เธอเห็นเหล่านี้ไม่แตกต่างจากเนื้อหนังของจริงเลย ความรู้สึกของสัมผัสตลอดจนร่างกายก็ไม่มีจุดแตกต่าง
สิ่งเหล่านี้สามารถปลอมขึ้นได้ แต่คงไม่อาจปลอมส่วนนั้นได้กระมัง?!
กู้ซีจิ่วคลายกางเกง ยื่นมือเข้าไปสัมผัสดู…
จากนั้นก็รีบร้อนหดมือกลับมาทันที!
ของจริง! ‘ส่วนนั้น’ เป็นของจริง! ยามที่เธอสัมผัสด้วยตัวเองสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นเป็นของจริง ถึงขั้นมีความรู้สึกต่อสัมผัสนั้นยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วบื้อใบ้อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อลงจากเตียงก็เห็นว่าบนโต๊ะมีกระจกอยู่ จึงรีบฉวยกระจกมาส่องทันที สิ่งที่สะท้อนอยู่ในกระจกคือใบหน้าที่หล่อเหลาเลิศล้ำจนฟ้าเคืองมนุษย์ขุ่นของตี้ฝูอี…
‘เคร้ง!’ กระจกร่วงลงพื้น
กู้ซีจิ่วทรุดลงบนเก้าเสียงดังตึง!
เธอเข้าร่างตี้ฝูอีจริงๆ! ตอนที่เธอล้มลงไม่เพียงแต่สลบไปเท่านั้นยังฉกฉวยสังขารของตี้ฝูอีมาด้วยใช่หรือไม่?
นี่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เกินไปแล้ว! คราวก่อนมิใช่ตี้ฝูอีกล่าวกับหลงซือเย่ไว้หรอกหรือ ว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้อีกแล้ว? เมื่อเธอตายวิญญาณจะแตกสลายไปจริงๆ แล้วทำไมเธอถึงแล่นเข้ามาอยู่ในร่างตี้ฝูอีได้ล่ะ?!
แถมตี้ฝูอีก็เคยบอกเอาไว้ ร่างกายของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ไม่มีใครสามารถฉกชิงได้ แล้วทำไมเธอถึงฉกชิงมาได้แบบงงๆ เล่า?
เธอกลายเป็นตี้ฝูอีไปแล้ว!
เช่นนั้นดวงวิญญาณของตี้ฝูอีล่ะ? ไปอยู่ที่ไหนเสีย? แล้วร่างนั้นของเธอล่ะ? คงมิใช่ว่าสิ้นชีพไปแล้วกระมัง?!
————————————————————————————-
บทที่ 748 นี่มิใช่เจตนารนหาที่ตายหรอกหรือ?
คำถามนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่ในสมองเธอ เธอกระแอมคราหนึ่ง ลองพูดคุยกับตนเองดูสักประโยค จากนั้นก็พบว่ากระทั่งเสียงก็ยังเป็นของตี้ฝูอีเช่นกัน ของแท้แน่นอน!
เธอชิงร่างของตี้ฝูอีมา หากว่ากล่าวเรื่องนี้ออกไปย่อมต้องเกิดมรสุมใหญ่เป็นแน่!
เธอนั่งใคร่ครวญอยู่บนเก้าอี้ครู่หนึ่ง พบว่าตนไม่มีความทรงใดๆ ของตี้ฝูอีเลย…
หนก่อนหลังจากเธอทะลุมิติมา เข้าครองร่างของคุณหนูกู้ซีจิ่วแห่งจวนแม่ทัพ ก็ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมาด้วย
หนนี้เธอชิงร่างของตี้ฝูอีมา ทำไมถึงไม่มีความทรงจำของตี้ฝูอีล่ะ?
ความทรงจำของเธอยังคงเป็นกู้ซีจิ่ว ไม่ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิด
ตอนนี้เธอเข้าครองร่างของตี้ฝูอี เช่นนั้นร่างของตนเล่า? ตายแล้วหรือ? หรือว่าถูกผู้อื่นครอบครอง? บางทีอาจเป้นการสลับร่างกับตี้ฝูอีกระมัง?
กู้ซีจิ่วมิใช่เด็กน้อยที่ตื่นตระหนกต่อการเปลี่ยนแปลง แต่บัดนี้สมองก็ทึ่มทื่ออยู่บ้างเช่นกัน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองสงบลง ทำให้ตัวเองยอมรับความจริงอันน่าประหลาดนี้ให้ได้
จนกระทั่งยามนี้เธอถึงสัมผัสได้ว่าร่างกายตนอ่อนแอยิ่งนัก เรี่ยวแรงสักนิดก็ไม่มีเลย ภายในทรวงอกกลวงโหวง ชีพจรทุกเส้นกรีดร้องว่าอ่อนล้า
เมื่อเธอยืดกายขึ้นหยาดเหงื่อเย็นเฉียบก็ผุดออกมาจากหน้าผาก…
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วครุ่นคิด นี่เป็นผลจากการที่ตนปรับตัวเข้ากับร่างนี้ไม่ได้งั้นหรือ? หรือมีสาเหตุจากสุขภาพของร่างนี้? อย่างไรเสียยามที่เธอช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อคืน ร่างกายเขาก็อ่อนปวกเปียกดั่งปุยนุ่น ยอมให้เธอยอมให้เธอโอบ…
เพียงแต่ยามนี้ดูเหมือนร่างกายนี้จะดีขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยเธอก็สามารถเคลื่อนไหวตามปกติได้
เธอนั่งขมับมือขยับเท้าอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ให้ตัวเองปรับตัวสักพัก ถึงค่อยลุกขึ้น ตัดสินใจออกไปดูข้างนอกก่อน ตามหาร่างของตน…
เพิ่งจะเปิดประตูออกไป ก็มองเห็นมู่เหล่ยปรี่มาต้อนรับ สีหน้าเปี่ยมด้วยความยินดี “นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว! ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างขอรับ? เมื่อคืนข้าน้อยตกใจแทบตาย ท่านกับแม่นางกู้สลบอยู่นอกเรือน…” เขาร่ายสิ่งที่พบเห็นเมื่อคืนออกมา
ชัดเจนยิ่งนัก เขาดูไม่ออกว่าร่างกายเจ้านายตนเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว…
กู้ซีจิ่วฟังเขาพูดจนจบอยู่เงียบๆ สรุปได้สองประเด็นจากคำพูดของเขา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกระทำการลึกลับยิ่ง ยามปกติไม่ชมชอบให้ลูกน้องติดสอยห้อยตาม หากว่าเข้าไม่ติดต่อลูกน้อง ลูกน้องก็ไม่กล้าติดต่อเขา แถมยังเคยชินกับการที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกไปข้างนอกในยามวิกาลแล้ว ไม่หลับมาทั้งคืนหรือไม่กลับมาหลายคืนล้วนเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการที่เขาไม่กลับมาเมื่อคืนจึงไม่ก่อให้มุ่เฟิงรู้สึกตื่นตูม
ข้อที่สอง ระยะนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่ง การที่เขาถอนกระบี่เพื่อรักษาให้ตนคือการฝืนตัวเอง ด้วยเหตุนี้ชีพจรจึงได้รับความเสียหาย และในช่วงนี้ก็ไม่ควรดื่มสุรา มิเช่นนั้นจะทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักกว่าเดิม…
หลังจากกู้ซีจิ่วสรุปสองข้อนี้ออกมา ในใจก็วาบซึ้งยิ่งนัก และรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทำตัวเองแท้ๆ!
บาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ยังวิ่งไปทั่วอีก ซ้ำยังไปแช่อาบน้ำในหุบเขาลึก แถมยังดื่มสุรา…นี่มิใช่เจตนารนหาที่ตายหรอกหรือ?!
เพียงแต่มีปัญหาอื่นที่เธอกังวลกว่า “แม่นางกู้ล่ะ? นางยังสลบอยู่หรือ?”
มู่เอ่ยเอ่ยตอบ “ตอนนั้นนางก็สลบเหมือนกันขอรับ ข้าน้อยไม่กล้าพานางเข้ามาในเรือนโดยพลการ เกรงว่าจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของนาง จึงอาศัยที่เป็นยามวิกาลส่งนางกลับไปพักฟื้นที่เรือนจิตวายุแล้วขอรับ…” จากนั้นก็มองสีหน้าของเจ้านายตนเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “นายท่านวางใจเถิดขอรับ ข้าน้อยจับชีพจรให้นางแล้ว แค่สลบไปด้วยความอ่อนเพลียเท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนบาดแผลเดิม คาดว่ารุ่งเช้าก็น่าจะตื่นแล้วขอรับ ไม่มีปัญหาอะไร”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
กู้ซีจิ่วหมุนกายเดินจากไป “ ข้าจะไปดูนาง!”
เดิมทีกู้ซีจิ่วก็เล่นละครเก่งอยู่แล้ว เมื่อแปลงโฉมเป็นผู้ใดก็แสร้งเป็นผู้นั้น