ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 771-772
บทที่ 771 เจ้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ได้รับการปลอบใจบ้างไหม
พวกเขากระทำการใดล้วนแต่มองสีหน้าตี้ฝูอี เมื่อเห็นตี้ฝูอีดีต่อกู้ซีจิ่ว คนพวกนั้นจึงพากันไปประจบประแจงเลียแข้งเลียขา!
ต้องเป็นเช่นนี้แน่! เช่นนี้แหละ!
นางยิ่งคิดยิ่งเดือดดาล ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสียขึ้นเรื่อยๆ
นางนอนต่อไปไม่ได้แล้ว จึงลงจากเตียงเสีย
อาการบาดเจ็บของนางสาหัสยิ่งหนัก แต่สุขภาพของนางเข็งแรง ยามนี้จึงพอลุกจากเตียงได้ ของเพียงไม่เคลื่อนไหวโลดโพน นางถึงขั้นสามารถเดินเล่นช้าๆ ได้ด้วยซ้ำ
ด่านนอกรัตติกาลได้มาเยือนแล้ว ช่วงเวลานี้ทุกคนบ้างก็กินข้าว บ้างก็ฝึกฝนอยู่ในห้อง มีน้อยนักที่จะออกมาทำกิจกรรมด้านนอก
อวิ๋นชิงหลัวไม่ยินดีพบปะผู้ใด ดังนั้นนางจึงเลือกออกมาในเวลาเช่นนี้ คิดจะผ่อนคลายอารมณ์ พลางขบคิดว่าควรหาลู่ทางอย่างไรในภายหน้า
ตี้ฝูอีลงโทษนางไปแล้ว อีกทั้งนางยังเป็นสานุศิษย์สวรรค์ด้วย ตี้ฝูอีไม่สามารถให้คนไล่นางออกจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้ ดังนั้นบทลงโทษของนางก็น่าจะมีแค่นี้
อาการบาดเจ็บของนางต้องพักฟื้นสิบวันครึ่งเดือน รอจนมรสุมลูกนี้พัดผ่านไป ผู้คนก็คงลืมเลือนเรื่องนี้แล้ว ต่อไปนางแค่ทำตัวดีๆ ว่าง่ายๆ หน่อย ก็น่าจะไม่มีผู้ใดมาหาเรื่องนางอีก ถึงอย่างไรนางก็ยังเยาว์วัยอยู่ ต่อให้ทำผิดพลาดไปบ้างก็ยังง่ายที่จะได้รับการอภัยจากผู้อื่น…
จะตั้งตัวในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อีกครั้งอย่างไรนางไม่ได้ขบคิดมากมายปานนั้น สิ่งที่นางยังคงขบคิดอยู่คือการเล่นงานกู้ซีจิ่ว…
นางเดินไปช้าๆ พลางก้มหน้าครุ่นคิด จู่ๆ คล้ายสัมผัสถึงอะไรได้ จึงเงยหน้าขึ้น ทั้งร่างพลันแข็งทื่อ!
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ในมือถือเบ็ดตกปลาคันหนึ่ง ดูเหมือนกำลังตกปลาอยู่…
นังสารเลวคนนี้ทำให้เธอกลายเป็นหนูเฒ่าข้ามถนน[1] นางกลับลอยชายสบายอุรานัก! มีแก่ใจมาตกปลาอยู่ที่นี่!
อวิ๋นชิงหลัวมองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ รอบข้างไม่มีผู้อื่น มีเพียงพวกนางสองคน…
กู้ซีจิ่งที่ตกปลาอยู่ดูเหมือนจะสัมผัสถึงการมาของนางได้ จึงเงยหน้ามองมาทางนางแวบหนึ่ง แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น ความสนใจของอีกฝ่ายกลับไปอยู่ที่คันเบ็ดอีกครั้ง…
ไม่สนใจนางเลย!
อวิ๋นชิงหลัวโมโหสุดขีด! รู้สึกว่าบาดแผลตรงทรวงอกเจ็บปวดขึ้นมาอีกแล้ว…
นางไม่เกรงกลัวกู้ซีจิ่ว อย่างไรในการต่อสู้แบบเดี่ยวๆ กู้ซีจิ่วยังห่างชั้นนักมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง ครั้งก่อนที่นังเด็กนี่ได้ชัย ทั้งหมดเป็นเพราะสหายที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนของนาง! อาศัยแค่ตัวเด็กนังเด็กนี่คนเดียว แม้แต่จะสวมรองเท้าให้ตัวนางอวิ๋นชิงหลัวก็ยังไม่คู่ควรเลย!
แถมทั้งสองคนต่างบาดเจ็บอยู่ อาการบาดเจ็บก็พอๆ กัน นางยังต้องเกรงกลัวอันใดอีกเล่า?
นางเดินเข้าไปช้าๆ “กู้ซีจิ่ว…”
กู้ซีจิ่วกลับดูเหมือนคร้านจะสนใจนาง ยังคงมองสายเบ็ดในทะเลสาบอย่างเฉื่อยชา แม้แต่ปฏิกิริยาตอบสักน้อยสักน้อยก็ไม่มี
อวิ๋นชิงหลัวยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง กล่าวเย้ยหยัน “ได้ยินว่าในพิธีปักปิ่นเจ้าได้รับของขวัญดีๆ ไม่น้อย แม้แต่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มอบของขวัญให้เจ้าใช่ไหม?”
หนนี้ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลือบมองนางแวบหนึ่ง “เจ้าอยากพูดอะไร?” น้ำเสียงเย็นยะเยือดดั่งสายลม
และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด อวิ๋นชิงหลัวถึงพบว่าบนร่างของกู้ซีจิ่วมีบุคลิกของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่รางๆ!
เหอะ นังเด็กคนนี้จงใจเลียนแบบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสินะ? เลียนแบบบุคลิกท่าทีและสำเนียงการพูดของผู้อื่น…
ตงซือขมวดคิ้วเลียนอย่าง! น่ารังเกียจ!
นางยืนห่างจากกู้ซีจิ่วหนึ่งจั้ง พูดจาถากถาง “ที่ข้าอยากพูดคือ เจ้าอย่าได้ใจเกินไป ทุกคนมอบของขวัญให้เจ้าเพียงเพราะเห็นแก่อาการบาดเจ็บของเจ้าต้องการปลอบใจเจ้าก็เท่านั้น”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองนางอีกแวบหนึ่ง เอ่ยสั้นๆ ทว่าได้ใจความนัก “เจ้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ได้รับการปลอบใจบ้างไหมล่ะ?”
อวิ๋นชิงหลัวเจ็บปวดยิ่งนัก!
เล็บนางจิกฝ่ามือแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าว “กู้ซีจิ่ว เจ้าภูมิใจมากสินะ?”
กู้ซีจิ่วหันกลับมามองนางตรงๆ นัยน์ตาคู่นั้นดั่งมีประกายแสงพรางพร่าวอยู่ “ภูมิใจแล้วอย่างไร? ไม่ภูมิใจแล้วอย่างไร?”
————————————————————————————-
บทที่ 772 เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป
อวิ๋นชิงหลัวสูดลมหายใจเข้านิดๆ “เจ้าคงไม่คิดว่าที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยเจ้า เพราะเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจ้ากระมัง?”
นิฝีปากกู้ซีจิ่วหยักเป็นรอยยิ้มแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบว่าใช่หรือมิใช่ “หืม?”
อวิ๋นชิงหลัวรู้สึกว่ากู้ซีจิ่วในวันนี้ลึกล้ำซับซ้อนเป็นพิเศษ ทุกประโยคที่นางเอ่ยล้วนทำให้เพลิงโทสะของนางพลุ่งพล่าน อีกทั้งถูกตอกหน้าอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นที่ที่รู้สึกหลอนๆ ว่าไม่อาจหาหัวข้อมากล่าวต่อไปได้
นางสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเหลืออดกับตนมากแล้ว สักประโยคก็คร้านจะเอ่ย
เพียงแต่หลังจากตนยั่วยุอีกฝ่ายอยู่สองสามประโยค อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะสนใจนางขึ้นมานิดหน่อย และมองนางมากขึ้นสองสามแวบ ยามนี้ถึงขั้นแสดงท่าทางตั้งใจฟังออกมาด้วย
ยากนักที่อวิ๋นชิงหลัวจะสบโอกาสพูดคุยกับกู้ซีจิ่วตามลำพังเช่นนี้ ย่อมไม่คิดจะพลาดไป
ดังนั้นนางจึงยิ้มบางๆ แล้วเอ่ย “อันที่จริงท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นผู้ที่เห็นใจคนอ่อนแอมาตลอด กับเด็กสาวที่บาดเจ็บก็จะดูแลเป็นพิเศษสักหน่อย นึกถึงยามที่ข้าถูกคนลักพาตัวไปครานั้น ได้รับบาดเจ็บ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ตามหาข้าจนพบแล้วให้ความช่วยเหลือ เพื่อช่วยข้าเขาสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมายนัก เมื่อเห็นข้าเจ็บปวดแสนสาหัส ยังมอบของปลอบขวัญข้ามากมายด้วย…”
คราวนี้ดูเหมือนกู้ซีจิ่วจะสนใจเนื้อความที่นางเล่ามากขึ้นแล้ว คันเบ็ดของนางที่อยู่ตรงนั้นมีปลามาติดเบ็ดแล้วนางก็ดูคล้ายว่าจะมองไม่เห็น ซ้ำยังย้ายคันเบ็ดไปไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เบนกายเพื่อฟังอวิ๋นชิงหลัวเล่าต่อ
นางกะพริบตา มองดูอวิ๋นชิงหลัว กล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “หืม? ข้าไม่เชื่อ! เขามอบอะไรให้เจ้า?”
อวิ๋นชิงหลัวชะงักไปเล็กน้อย ยิ้มเย้ยหยัน “ของที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้ย่อมเป็นของดีทั้งสิ้น มีค่าควรเมือง เพียงแต่เหตุใดข้าต้องเอามาบอกเจ้าโดยเฉพาะด้วยเล่า?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “เจ้าไม่พูด แล้วจะให้ข้าเชื่อได้ยังไง?”
อวิ๋นชิงหลัวร้องเหอะคราหนึ่ง “เจ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเชื่อ! ขอเพียงให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้าวของอันใดที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้เจ้าในครั้งนี้ ก็เป็นเพียงการปลอบขวัญเจ้าเท่านั้น ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าบาดเจ็บหนัก…ซ้ำยังบาดเจ็บเพราะวาจาเขา เขาจึงรู้สึกว่าเป็นความผิดของตน เกรงว่าวันหน้าเจ้าจะไปพูดจาเหลวไหลเอ่ยฟ้องต่อหน้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องปลอบขวัญเจ้าเป็นธรรมดา อันที่จริงเขายังเห็นเจ้าเป็นเด็กน้อยเท่านั้น”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วสาดแสงแวบหนึ่ง “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าต่างหากที่เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นเด็กน้อย?”
คิ้วงามของอวิ๋นชิงหลัวเลิกขึ้น “อะไรนะ?”
กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะ คร้านจะอธิบายกับนาง หันไปขยับเบ็ดของตนอีกครั้ง
อวิ๋นชิงหลัวถูกนางเมินอีกครั้ง เพลิงโทสะในใจก็พวยพุ่งขึ้นมา แต่ข่มความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ข้าเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นเด็กน้อยตอนไหน? เจ้าพูดมาสิ!”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนางอีก พลันยกมือขึ้น ปลาอวบอ้วนตัวหนึ่งดิ้นพล่านอยู่บนตะขอ นางใส่ปลาเข้าไปในข้อง ดูคล้ายจะรู้สึกอิ่มเอมในความสำเร็จยิ่งนัก กล่าวกับตัวเองประโยคหนึ่ง “ตกปลาเช่นนี้ปลาติดเบ็ดง่ายจริงๆ เป็นวิธีที่ดี”
อวิ๋นชิงหลัวโมโหจนโง่งมแล้ว “กู้ซีจิ่ว! เมื่อกี้เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?! ยามนี้ไม่อธิบายให้กระจ่างแล้วยังจะบ่ายเบี่ยงเลี้ยงประเด็นไปเสียดื้อๆ จะทำเหมือนว่าเจ้าล้ำลึกนักงั้นหรือ?”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลือบมองนางแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับมองไม้ผุท่อนหนึ่ง เห็นแก่ความเป็นไปได้ที่นางจะเป็นสานุศิษย์สวรรค์ จึงตัดสินใจเตือนนางเล็กน้อย เลี่ยงไม่ให้นางกระทำเรื่องโ.ๆ จนกู่ไม่กลับ “ทูตสวรรคืฝ่ายซ้ายดูแลใต้หล้า จะกระทำเรื่องไร้เดียงสาเช่นนี้ได้อย่างไร? กลัวว่าผู้อื่นจะไปฟ้องจนต้องรีบเอาลูกกวาดมาปลอบใจ เจ้าคิดว่าเขาการกระทำของเขาเป็นเด็กน้อยเล่นพ่อแม่ลูกหรือไง?”
อวิ๋นชิงหลัวนิ่งงัน
นางร้องเหอะคราหนึ่ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยเจ้าด้วยความมีคุณธรรมเท่านั้น เขาร่ำรวยดั่งอาณาจักร ไม่ว่าจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเขาก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงทั้งสิ้น เขาถือไว้ดั่งสมบัติล้ำค่า ทว่าผู้อื่นไม่เก็บมาใส่ใจเลย เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป!”