ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 783-784
บทที่ 783 ข้าไม่เห็นอะไรอีกแล้ว
ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านข้างมองใบหน้าโมโหฟึดฟัดของนาง มองอย่างไรกรู้สึกประหลาด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
กู้ซีจิ่วถูกเขาหัวเราะโทสะก็พวยพุ่ง ผลักเขาด้วยความเหลืออด “เจ้าหัวเราะผีสางอันใด?”
ตี้ฝูอีถูเธอผลักจนซวนเซ ทว่ายังไม่หยุดหัวเราะอยู่เช่นเดิม
กู้ซีจิ่วพาลโกรธแล้ว กระโจนเข้าไปแล้วอุดปากเขา “เจ้ายังหัวเราะอยู่อีก!”
เธอใช้แรงตอนพุ่งเข้าไปเยอะไปหน่อย ตี้ฝูอีถูกเธอพุ่งใส่ตรงๆ จึงล้มลง โดยมีกู้ซีจิ่วคร่อมอยู่บนร่างเข้าพอดี นั่งทับบนเอวเขา มือใหญ่อุดปากน้อยๆ สีแดงระเรื่อดังผลอิงเถาไว้ (ลูกเชอร์รี่) ขึงตามองลงไปที่เขา “ถ้าเจ้าหัวเราะอีกข้าจะอุดปากเจ้าให้ตายซะ!”
ตี้ฝูอีถูกเธออุดปากไว้ย่อมหัวเราะไม่ออกแล้ว ส่งเสียงอู้อี้ออกมา “ได้ ข้าไม่หัวเราะแล้ว”
เขาบอกว่าไม่หัวเราะแล้ว แต่ดวงตาคู่นั้นกลับหยีโค้งดุจจันทร์เสี้ยว เห็นได้ชัดนักว่าเขายังขำอยู่
เขาถูกนางกดไว้ใต้ร่าง ดิ้นรนไม่ได้ชั่วคราว และคร้านจะดิ้นรนด้วย จึงเอาศีรษะหนุนมือเสียเลย มองนางยิ้มๆ
มองนางที่กระฟัดกระเฟียดทว่าดวงตากลับเปล่งประกายแวววาว มองริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน…
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าใบหน้านั้นของตนก็ทำให้เขาใจเต้นได้ถึงเพียงนี้ ปรารถนาจะยืดกานขึ้นไปจุมพิตเหลือเกิน…
เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปปลดหน้ากากบนหน้านาง นิ้วมือสัมผัสใบหูของนาง หูนั้นร้อนผ่าวเล็กน้อย
ความร้อนนั้นคล้ายจะสามารถแทรกซึมผ่านปลายนิ้วตรงเข้าสู่หัวใจคนได้ หัวใจเขาพลันสั่นไหว พลิกตัวขึ้นมาทันที
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในร่างสตรี แต่พละกำลังของร่างนี้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว แถมเขายังแตกฉานศิลปะการต่อสู้อย่างล้ำลึก ประกอบกับกู้ซีจิ่วที่อยุ่ด้านบนไม่ทันระวัง เขาจึงพลิกตัวสำเร็จ
คนทั้งสองสลับตำแหน่งกัน เปลี่ยนเป็นตี้ฝูอีอยู่ด้านบน ส่วนหน้ากากบนหน้ากู้ซีจิ่วก็ร่วงหล่นลงไปเช่นกัน ตี้ฝูอีเป็นตัวที่ไม่รู้จักความเกรงใจใดๆ ผู้หนึ่ง ด้วยจิตใจที่ปั่นป่วนของเขา จึงก้มลงไปจุมพิมริมฝีปากของกู้ซีจิ่ว…
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าจะถูกเขากดไว้ด้านล่าง แล้วจะไม่ขัดขืนได้อย่างไร?
พลันเอียงศีรษะ หมายจะงอเข่าถีบออกไป ทว่าตี้ฝูอีเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว ขาอยู่บนขาอีกข้างของเธอ เขาใช้ทักษะที่แยบยล ควบคุมขางของเธอไว้พอดี ทำให้เธอถีบไม่ได้…
‘ตุบ…’ มีเสียงดังแว่วมาจากประตู คนทั้งสองที่กำลังพัวพันกันอยู่พร้อมใจกันแข็งทื่อ หันไหน้าปมอง
พบว่าหลานไว่หูยืนเบิกตากว้างอยู่ตรงนั้น ท่าทางคล้ายถูกผ่าฟ้าอีกหน
“ขะ…ข้า…ข้าไม่เห็นอะไรอีกแล้ว!” หลานไว่หูวิ่งหนีไปดังพายุลูกหนึ่ง บนพื้นมีผลไม้กลิ้งอยู่สองลูก
ชัดเจนยิ่งนัก จิ้งจอกน้อยมาส่งผลไม้ให้ ‘กู้ซีจิ่ว’
นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็น ‘กู้ซีจิ่ว’ กด ‘ตี้ฝูอี’ ไว้ตรงนั้นอย่างผิดจารีต…
กู้ซีจิ่วอย่างร่ำไห้ทว่าไร้น้ำตา กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าต่อให้เธอกระโดดลงมหาสมุทรแปซิฟิกก็ล้างได้ไม่หมดจดแล้ว!
….
เรื่องการสลับร่างกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่สามตลบในที่สุดก็ยอมให้ตี้ฝูอีย้ายอยู่ร่วมบ้านกับเธอ…ไม่สิ นอนร่วมห้องต่างหาก
ส่วนหลงซือเย่นั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอยังตามไปอธิบายในตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปก่อน
กู้ซีจิ่วมีแผนการของตัวเอง จากถ้อยคำของตี้ฝูอี หากฝึกฝนตามวิธีของวิธีที่เขาบอก ร่างนี้ของเขาจะสามารถฟื้นฟูพลังยุทธ์ส่วนหนึ่งกลับมาได้ภายในครึ่งเดือน ต่อให้ไม่อาจฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ฟื้นฟูคืนมาจนงสามารถใช้วิชาสลับร่างได้
เมื่อถึงเวลาทั้งสองคนสลับร่างกันสำเร็จ ต่างฝ่ายต่างกลับสู่ฐานะ เช่นนั้นหลังจากรอให้ตี้ฝูอีฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว เธอค่อยไปอธิบายกับหลงซือเย่
เธอพูดคุยกับตี้ฝูอีไว้ดิบดีแล้ว ว่าภายหน้าจะจำเป็นต้องเล่าเรื่องการสลับร่างนี้ให้หลงซือเย่ทราบ มิเช่นนั้นเธอก็จนปัญญาจะอธิบายพฤติกรรมเช่นนี้กับหลงซือเย่จริงๆ
พอถึงยามนั้นตี้ฝูอีฟื้นฟูสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดจะประสงค์ร้ายต่อเขาอีก
————————————————————————————-
บทที่ 784 คืนนั้นต้องถูกภูผีดลใจเป็นแน่!
ตามความคิดของกู้ซีจิ่ว ยามนี้สมควรจะพูดคุยกับหลงซือเย่ เธอรู้สึกว่าคนอย่างหลงซือเย่คงไม่คิดร้ายต่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ขอเพียงเอ่ยเรื่องราวออกไป เธอเชื่อว่าหลงซือเย่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ ถึงอย่างไรหลงซือเย่ก็เป็นคนสัตย์ชื่อยุติธรรมเที่ยงตรงมาโดยตลอด ชื่อเสียงในทวีปนี้ถึงขั้นดีกว่าตี้ฝูอีด้วยซ้ำ
เขากับหลงซือเย่เป็นสานุศิษย์สวรรค์เหมือนกัน ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขาย่อมไม่คิดจะสังหารตี้ฝูอีเป็นแน่ ไม่แน่หลังจากทราบความจริงแล้ว อาจสามารถใช้ทักษะการแพทย์ของเขาเพื่อปกป้องคุ้มครองทั้งสองคนได้ด้วย
ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะพูดจนปากเปียกปากแฉะกับตี้ฝูอีอย่างไร ตี้ฝูอีก็ไม่ยอม
กู้ซีจิ่วจนปัญญา ทำได้เพียงบีบให้เขาเลือกเงื่อนไขที่สอง ก็คือหลังจากสลับร่างคืนสำเร็จแล้วค่อยบอกความจริงแก่หลงซือเย่…
ตี้ฝูอีที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ซึ่งถูกกู้ซีจิ่วข่มขู่ว่า ‘ถ้าท่านไม่เห็นด้วยข้าจะไปเปิดโปงความจริงตอนนี้เลย’ สุดท้ายจึงเลือกเงื่อนไขที่สอง
ด้วยเหตุนี้เลยนับว่าพึงพอใจกันถ้วนหน้า
กู้ซีจิ่วย้ายตี้ฝูอีไปพักฟื้นในเรือนเล็ก เรื่องแบบนี้ดึงดูดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนได้ง่ายมาก
ดังนั้นตี้ฝูอีจึงเสนอความคิดหนึ่งให้กู้ซีจิ่ว ให้เธอใช้ฐานะของตี้ฝูอีออกหน้าไปเจราจากับกู่ฉานโม่ บอกว่าอาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วมีปัญหาหนักหนายิ่ง จำเป็นต้องย้ายไปพักฟื้นในเรือนเล็กของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถึงจะหายเร็วขึ้น…
กู่ฉานโม่ย่อมไม่คัดค้าน เขามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีความสุข
ในสายตาเขา การที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรักใคร่เอ็นดูกู้ซีจิ่วอีกครั้งคือกระจกร้าวหวนประสาน อย่างไรเสียเมื่อก่อนคนทั้งสองก็เคยหมั้นหมายกัน สมควรเป็นคู่สวรรค์สร้าง ปฐพีกำหนดให้ครองคู่
แน่นอน นี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดเอง เขายังต้องถามความเห็นจากตัวกู้ซีจิ่วด้วย
ด้วยเหตุนี้ เขาเลยไปสอบถามความเห็นจาก ‘กู้ซีจิ่ว’ ‘กู้ซีจิ่ว’ ก็มีท่าทีสบายๆ ตอบรับอย่างยินดีนัก
ท่าทีที่ดูเปิดเผยชัดเจนของสองคนนี้ ทำให้กู่ฉานโม่รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปหน่อย
ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ชายหญิงอยู่ร่วมกัน ย่อมดึงดูดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนได้ง่าย หากว่าไม่ทำการชี้แจง เกรงว่าข่าวลือจะแพร่ออกไปปานบุปผาเบ่งบาน
ดังนั้นกู่ฉานโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เชิญทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณะชน ทำทุกอย่างให้ชัดเจนเปิดเผย กันไม่ให้ฝูงชนเอาไปนินทาลับหลัง
กู้ซีจิ่วโศกตรมอยู่ในใจ เธอไม่อยากข้องแวะกับตี้ฝูอีอีกแล้ว ทว่าเนื่องจากสลับร่างกันจึงต้องลงเรือลำเดียวกับเขา อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
เธอประณามตัวเองในใจอีกครั้งเป็นรอบที่รอบแล้ว คืนนั้นตนสมองฝ่อหรือไงถึงไปช่วยเขาไว้? ถ้าปล่อยให้เขาถูกเสือดาวลากไปจะดีกว่านี้หรือเปล่า? ด้วยความเก่งกาจของเขา เขาคงไม่โดนเสือดาวขย้ำหรอก
คืนนั้นตนต้องถูกภูผีดลใจเป็นแน่!
เสียใจแล้วก็เสียใจไป เสียใจมากแค่ไหนก็ย้อนทุกอย่างกลับมาไม่ได้แล้ว ดังนั้นเธอทำได้เพียงก้าวไปในทิศทางที่เหมาะสมที่สุด
เธอใช้ฐานะของตี้ฝูอีประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณะชน เป็นธรรมดายิ่งนักที่จะก่อให้เกิดปรากฏการณ์หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันคลื่น ฝูงชนประหลาดใจยิ่งนัก ทว่ากลับมีท่าทีคล้ายว่าเป็นไปตามที่คาดไว้อีกด้วย
ยามที่เธอประกาศเรื่องข่าวนี้ อวิ๋นชิงหลัวก็ฟังอยู่ด้านล่างด้วย ใบหน้านางซีดเซียวลงระดับหนึ่ง สายตาของฝูงชนพากันมองมาที่นาง ทำให้นางแทบจะยืนไม่ติดที่
หลงซือเย่ก็อยู่ด้วย สีหน้าของหลงซือเย่ก็ขาวเผือดไม่น้อยเช่นกัน สายตาเขามุ่งตรงมาที่เธอ!
กู้ซีจิ่วรู้สึกผิดอยู่บ้าง ในใจก่นด่ากฎเวรตะไลของตี้ฝูอีอีกคราหนึ่ง เธอไม่อยากสบตากับหลงซือเย่ ดังนั้นจึงหลบตาไปเสียดื้อๆ
หลงซือเย่จ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีบางเม้มนิดๆ แล้วมองไปที่ตี้ฝูอีซึ่งอยู่ในร่างกู้ซีจิ่ว ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่มองเขาเลย สายตาเขามองตรงไปที่กู้ซีจิ่ว…
หลงซือเย่ก้าวเข้าไปแล้วเอ่ยกับกู้ซีจิ่วว่า “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย อาการป่วยของซีจิ่วผู้แซ่หลงก็พอทราบเล็กน้อยเช่นกัน เพื่อให้การรักษาของนางมีประสิทธิภาพเต็มที่ ให้นางฟื้นฟูได้ดั่งเดิม จำเป้นต้องให้นางเข้าพักในเรือนของทูตสวรรคืฝ่ายซ้ายด้วยหรือ?”