ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 793-794
บทที่ 793 ความฝันฤดูใบไม้ผลิ
กู้ซีจิ่วไม่อยากให้เขาจูง เลยก้าวด้านหน้าเพื่อหลบหลีก พลางกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าท่านจะเป็นปรมาจารย์ด้านการจัดสวนด้วย ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างมากความสามารถจริงๆ”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง “อื้ม เจ้าสนใจจะออกแบบบ้างไหมล่ะ? อย่างเช่นปลูกดอกไม้พืชพรรณที่นี่อะไรทำนองนั้น หรือไม่ก็ปรับเปลี่ยนลักษณะเสียหน่อย จัดเป็นรูปแบบที่เจ้าชอบ…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้น” จากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้า “ข้าเหนื่อยแล้ว จะกลับไปงีบสักนิดก่อน ถึงเวลาฝึกฝนค่อยมาเรียกข้าแล้วกัน” พลันหันหลังจากไป
ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้นมองเงาหลังนางที่ห่างไกลออกไป หลุบตาลงเล็กน้อย
ดูเหมือนการที่ตนสั่งให้มู่เฟิงรื้อถอนเรือนครั้งนั้นจะทิ้งเงามืดไว้ในหัวใจของนาง…
….
การฝึกยุทธ์ครั้งที่สองราบรื่นกว่าครั้งแรกมาก กู้ซีจิ่วทำพลาดน้อยยิ่งนัก แน่นอนว่าสถานการณ์ระหว่างการฝึกฝนนั้นพันเปลี่ยนหมื่นแปลง ตี้ฝูอีจึงเฝ้าอยู่ข้างกายเธอเหมือนเคย เพื่อชี้แนะให้ทันท่วงที
หากไม่มีข้อผิดพลาดร้ายแรงปรากฏขึ้น การฝึกฝนทั้งหมดก็จะเสร็จสิ้นภายในสองชั่วยาม
เมื่อสำเร็จเสร็จสิ้นก็เป็นยามกะสี่แล้ว กู้ซีจิ่วฉกฉวยช่วงเวลานี้นอนหลับไปตื่นใหญ่ ฝันยุ่งเหยิงวุ่นวาย จนตะวันสายโด่งถึงได้ตื่น
เธออ้าปากหาว เมื่อเลิกม่านเตียงออก ก็เห็นตี้ฝูอีที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงหลังตรงข้ามพอดี ดูเหมือนเขาก็เพิ่งเสร็จเรียบร้อยเหมือนกัน เมื่อเห็นเธอเลิกม่านเตียง เขาก็เอ่ยทักทายเธอ “ตื่นแล้วหรือ?”
ทันใดนั้นสายตาเขาก็ทอดต่ำลง เพ่งอยู่ที่จุดหนึ่งบนร่างเธอ
กู้ซีจิ่วที่อยู่เบื้องหน้าเขาประสาทสัมผัสค่อนข้างเฉียบไว จึงมองลงไปตามสายตาของเขา จากนั้นทั้งร่างพลันแข็งทื่อ!
เธอสวมชุดนอนอยู่ บัดนี้จุดหนึ่งซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญได้ผงาดค้ำขึ้นมา!
ตี้ฝูอีมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก
กู้ซีจิ่วรีบดึงผ้านวมมาบังทันที! ใบหน้าแดงฉานอย่างอดไม่อยู่ “ลามก!”
ตี้ฝูอียิ้มขำ “ความฝันฤดูใบไม้ผลิ[1]หรือ?”
“ไม่ใช่!” กู้ซีจิ่วเถียง เธอฝันบางอย่างจริงๆ และจำไม่ได้ว่าในฝันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ได้ฝันหวาบหวามแน่ๆ…
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยโพล่งออกมา “นี่เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของท่านกระมัง?! มิได้เกิดจากความฝันฤดุใบไม้ผลิอันใด!”
สายตาตี้ฝูอีลุ่มลึกกว่าเดิม “เจ้ารู้มากเสียจริง! แม้แต่ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของบุรุษก็ทราบ”
นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เธอก็เป็นนักชีววิทยากึ่งหนึ่ง เรื่องสรีระชายหญิงเช่นนี่ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของเธอได้
เธอแค่นึกไม่ถึงว่าผู้ชายอย่างตี้ฝูอีก็มีปรากฏการณ์เหมือนผู้ชายทั่วไปได้เหมือนกัน…
อันที่จริงเมื่อก่อนเธอนึกว่าเขาเทวรูปในศาลเจ้ามาตลอด
“นึกไม่ถึงว่าท่าน…ท่านก้เป็นเช่นนี้ด้วย” กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้
ตี้ฝูอีมองเธออยู่สักพัก จู่ๆ ก็ยิ้ม รอยยิ้มนั้นค่อยข้างอันตรายอยู่บ้าง “ซีจิ่ว เจ้าคงไม่เห็นข้าเป็นบุรุษมาโดยตลอดกระมัง?”
ยามที่เอ่ยประโยคนี้เขาลงมาจากเตียงใหญ่ของตนแล้ว นั่งลงหน้าเตียงของเธอ อยู่ใกล้กับเธอยิ่ง
ไอพลังบนร่างเขาแข็งแกร่งนัก กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปในเตียง ไอแห้งๆคราหนึ่ง “ข้า…ข้าเห็นท่านเป็นดั่งเทพเซียนมาตลอด”
เธอยืดกายขึ้น สำรวจร่างกายเล็กน้อย พบว่าตรงส่วนนั้นยังลุกผงาดอยู่เหมือนเดิม คับพองยิ่งนัก…
กู้ซีจิ่วไม่กล้าพลิกผ้าห่มออกแล้ว!
ตี้ฝูอีนอนคว่ำเท้าแขนข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้าเธอ มองเธอด้วยรอยยิ้ม “อายหรือ?”
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาแทบจะเป่ารดหูเธอ เห็นได้ชัดว่ากำลังหยอกเย้าเธออยู่
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่งเสียงดังผลุ่บ ตี้ฝูอีคล้ายจะชอบใจที่หยอกเธอได้ จึงนอนซบไหล่เธอเสียเลย ลมหายใจรินรดริมหูเธอ “เด็กน้อย เจ้าทำหูข้าแดงหมดแล้วนะ!”
————————————————————————————-
บทที่ 794 ห้ามมองนะ
เพียงแต่เขาไม่กล้าโน้มเข้าไปอีก เนื่องจากในมือของกู้ซีจิ่วกุมกริชวาววับเล่มหนึ่งพาดไว้บนลำคอเขา “ข้าสามารถทำให้คอของท่านแดงฉานได้ ท่านเชื่อหรือไม่?”
ตี้ฝูอีมองกริชเล่มนั้นแล้วค่อยมองดูเธอ “เด็กน้อย สิ่งที่เจ้าจะทำร้ายด้วยกริชเล่มนี้คือร่างกายของเจ้าเองนะ เจ้าไม่ต้องการร่างนี้แล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ “วางใจเถิด ข้าแค่จะทำให้ท่านหลั่งเลือดเล็กน้อย ให้ท่านเจ็บเสียหน่อย ไม่ทำให้ร่างกายตัวเองบาดเจ็บจริงๆ หรอก ถ้าไม่เชื่อท่านก็ลองดูได้!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ ดวงตาจับจ้องเธอ “ข้าไม่เชื่อ…” พลางโน้มเข้าไปทันที!
กู้ซีจิ่วหดมือกลับแทบไม่ทัน กริชในมือหล่นลงบนพื้น “ท่านบ้าไปแล้ว!”
ดวงตาของตี้ฝูอีหยีโค้ง ราวกับดีใจนัก ยกมือโอบไหล่เธอ “เสี่ยวซีจิ่ว เจ้าพนันกับข้าไม่ได้หรอก”
กู้ซีจิ่วบังเกิดความกล้าขึ้น ทันใดนั้นพลันพลิกกายแล้วกดเขาลงบนเตียง สุ้มเสียงอันตราย “ตี้ฝูอี ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างบุรุษนะ!”
เวรเอ้ย ตอนถูกเขาหยอกเย้าเมื่อกี้ เธอรู้สึกว่าส่วนนั้นของเธอพองตัวขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว!
ตี้ฝูอีนอนตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน ราวกับยอมเป็นปลาบนเขียให้เธอ “หืม? แล้วไงต่อ?”
แล้วไงต่อบ้านเจ้าสิ!
เขาหวังให้เธอใช้ร่างบุรุษนี้ข่มเหงเขาหรือไง?
แต่นั้นเป็นร่างของเธอเอง ถึงจะงามหยาดเยิ้ม แต่เธอมองแล้วรู้สึกประหลาดยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วคร้านจะพัวพันกับเขาต่อไป จึงผละจากเขาทันที กระโดดลงจากเตียง ก้มมองแวบหนึ่ง ตรงส่วนนั้นยังคงชี้โด่ขึ้นมาจนเป็นกระโจมหลังหนึ่ง…
ปรายตามองแวบหนึ่ง เห็นตี้ฝูอีนอนตะแคงอยู่บนเตียง มองเธอด้วยสีหน้าถูกอกถูกใจ
กู้ซีจิ่วเงื้อมือขึ้น เสื้อผ้าชิ้นหนึ่งลอยไปตกบนศีรษะเขา “ห้ามมองนะ! อย่าทำให้ร่างของข้าต้องระคายตา!”
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าถ้าลองราดน้ำสักถังจะทำให้เจ้าตี้ฝูอีน้อยสงบลงหรือไม่ ในที่สุดตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหลังเธอก็ไม่หยอกเธอเล่นแล้ว “เจ้านั่งลงก่อน เดินลมปราณที่จุดตันเถียน โคจรไปตามจุด….” ในที่สุดน้ำเสียงก็จริงจังขึ้นมา
กู้ซีจิ่วกึ่งเชื่อกึ่งระแวง ในที่สุดก็นั่งลงโคจรพลังตามที่บอก ผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีน้อยที่คึกคักในที่สุดก็ว่าง่ายแล้ว
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ที่แท้ก็มีวิธีรับมือเช่นนี้…เมื่อก่อนท่านทำแบบนี้ทุกเช้าเลยหรือ?”
ตี้ฝูอีเงียบไปสักครู่ “ตอนที่มันอยู่ในการครอบครองของข้าไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้”
กู้ซีจิ่วไม่เชื่อ กล่าวราวกับเขาลวนลามเธอ “ท่านแค่โกหกสินะ!”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก
เขาเป็นเทพ ไม่มีปฏิกิริยาเหล่านั้นเหมือนบุรุษทั่วไปจริงๆ ก่อนจะได้พบกู้ซีจิ่ว เขาถึงขั้นไม่มีแม้แต่ความปรารถนาด้วยซ้ำ
ส่วนนางก็เป็นเหมือนกุญแจของกล่องความลับ กระตุ้นอารมณ์ทั้งหมดของเขาออกมา ทำให้เขามีชีวิตเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง…
….
ดำเนินไปเช่นนี้อีกสามวัน ตอนเช้าก่อนลุกจากเตียงทุกวันกู้ซีจิ่วล้วนต้องโคจรพลังหนึ่งรอบ เพื่อทำให้ตี้ฝูอีน้อยเป็นปกติ
กู้ซีจิ่วต้องไปสอนอีกครั้งแล้ว หนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เนื้อหาบรรยายที่ตี้ฝูอีทำให้เธอละเอียดมาก คำถามทั้งหมดที่เป็นไปได้ว่าเหล่าศิษย์จะถามก็ตอบไว้ให้เธอครบถ้วน
ประกอบกับตี้ฝูอีที่อยู่ด้านล่างค่อยตักเตือนเธอ คาบเรียนที่สองนี้เธอจึงพอใจยิ่งนัก
และในการสอนครั้งนี้ อวิ๋นชิงหลัวก็มาเข้าเรียนด้วย นางดูผอมลงขึ้นไม่น้อย ตัวคนก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อย นอกจากการมอง ‘ตี้ฝูอี’ ด้วยสายตาที่ร้อนแรงเป็นครั้งคราวแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ
หลังเลิกเรียน กู้ซีจิ่วคอยตี้ฝูอีอยู่ครู่หนึ่ง
เนื่องจากเจ้าคนผู้นั้นบอกเธอว่า หลังเลิกเรียนหากเธอไม่รอเขา เขาก็จะไล่ตามเธอต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ทุกคนเห็นว่ากู้ซีจิ่วไล่ตามตี้ฝูอีอย่างบ้าคลั่ง…
————————————————————————————-
[1] ความฝันฤดูใบไม้ผลิ ในที่นี่เป็นคำแฝงความนัย หมายถึงการฝันเปียก