ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 801-802
บทที่ 801 จะเกิดอะไรขึ้น
“ชิงหลัว เจ้าไม่เจ็บตรงนี้บ้างหรือ?”
อวิ๋นชิงหลัวเจ็บจนสั่นสะท้าน หน้าผากมีเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึมไม่ขาดสาย “หยุดมือ…หยุดมือ! เจ้าหยุดมือนะ…”
คนผู้นั้นถึงได้หยุดมือลง “รู้จักเจ็บแล้วหรือ?”
“ที่แท้…ที่แท้เจ้าเป็นใครกัน?! เจ้ามิใช่…มิใช่หุ่นเชิดของข้า!” แววตาอวิ๋นชิงหลัวหวาดผวา เมื่อครู่นางพยายามใช้วิชาหุ่นเชิดควบคุมเขา ผลคือไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลย
“ชิงหลัว ข้าใช่” คนผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “เพียงแต่ข้ามีเจ้านายคนอื่นด้วย ชิงหลัว ข้าอยู่ข้างกายเจ้ามาสองปีแล้ว ซ้ำยังมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจ้าด้วย คนผู้นั้นถูกลิขิตไว้ว่าเจ้าจะมิได้มาครอง ไฉนไม่ทำให้ข้ากลายเป็นเขาจริงๆ เสียเล่า? เจ้าดูสิข้าปลอบประโลมเจ้าได้ ทำให้เจ้ามีความสุขได้ ทำให้เจ้าสุขสมได้ รูปลักษณ์ก็คล้ายคลึงเขา ด้อยกว่าเขาตรงไหน?”
อวิ๋นชิงหลัวหลับตาลง “แต่สุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่ใช่เขา! เจ้าเหมือนแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อย่างอื่นไม่เหมือนเลยสักนิด! แม้แต่ผมสักเส้นของเขาเจ้าก็เทียบไม่ได้!”
ความขุ่นเคืองพาดผ่านดวงตาของคนผู้นั้นแวบหนึ่ง นิ้วแทงเข้าที่แผลของนางทันที!
ร่างอวิ๋นชิงหลัวดีดตัวดั่งมัจฉา เกือบจะกรีดร้องออกมา ทว่าถูกคนผู้นั้นอุดปากไว้ทันที
นางเจ็บจนร่างสั่นสะท้านปานเป็นไข้จับสั่น ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง มองหุ่นเบื้องหน้าที่เสมือนมารร้ายแปลงกายมาอย่างหวาดผวา
คนผู้นั้นมองใบหน้าไร้สีเลือดของนาง ถอนหายใจเบาๆ “อันที่จริงความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่เขามอบให้เจ้า มิใช่หรือ?”
มือของเขายังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บาดแผลนาง ร่างกายของอวิ๋นชิงหลัวใกล้จะชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแล้ว นางไม่กล้าต่อต้านอีก ได้แต่พยักหน้า
คนผู้นี้ดูเหมือนจะพอใจแล้ว ในที่สุดก็ปล่อยมือจากปากนาง เอ่ยถามอีกประโยค “เช่นนั้นเจ้าเกลียดเขาหรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวพยักหน้าอีกครั้ง
“เช่นนี้ก็ดีแล้ว ชิงหลัว คนผู้นั้นถูกกำหนดไว้ว่ามิใช่ของเจ้า ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำให้จิตใจที่ภักดีของเจ้าต้องผิดหวังอย่างสิ้นเชิง เหตุเจ้ายังอยากปล่อยให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่บนโลกอีกเล่า? ในเมื่อเจ้าครอบครองเขาไม่ได้มิสู้ทำลายเขาไปเสีย! เจ้าว่าใช่หรือไม่? อย่างน้อยก่อนที่จะทำลายเขาก็ยังไม่ได้ตกเป็นของผู้ใด เช่นนั้นเจ้ามีข้า ก็เท่ากับมีเขาด้วย…”
อวิ๋นชิงหลัวหน้าซีดเผือด “เจ้า…เจ้าคิดจะให้ข้าสังหารเขาหรือ?”
นิ้วมือคนผู้นั้นปัดผ่านริมฝีปากจิ้มลิ้มของนาง “เจ้าไหนเลยจะมีความสามารถปานนั้น อีกทั้งเจ้าเข้าใกล้เขาไม่ได้แล้ว ต่อให้เข้าใกล้เขาได้เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาสังหารเจ้าได้เร็วกว่า”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นที่เจ้าบอกให้ข้าทำลายเขา…ข้า…”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เจ้าแค่ไปจัดการตามที่ข้าบอกก็พอแล้ว…” คนผู้นั้นเริ่มมอบหมายภารกิจให้นาง
ภารกิจนั้นไม่ซับซ้อน แค่แพร่กระจายคำวิจารณ์บางอย่างไปในหมู่ศิษย์เท่านั้น จากนั้นก็จับตามองบางคนไว้…
หัวใจอวิ๋นชิงหลัวสับสนว้าวุ่น ทวาบว่าหากตนก้าวไปตามเส้นทางนี้แล้ว ก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนผู้นั้นอย่างสมบูรณ์ ยากนักที่จะหันกลับไปได้อีก
ดูเหมือนคนผู้นั้นจะมองความลังเลของนางออก พลันหัวเราะเบาๆ เอ่ยข่มขู่ประโยคหนึ่ง “อวิ๋นชิงหลัว เจ้าจะไม่ทำเรื่องนี้ก็ได้ แต่ข้าจะออกไปด้านนอก ทำให้ผู้อื่นพบเห็นการมีอยู่ของข้า จะป่าวประกาศเรื่องของเจ้ากับข้าในสองปีนี้…เจ้าว่า หากปล่อยให้ตี้ฝูอีทราบเรื่องเหล่านี้เข้า จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน?”
อวิ๋นชิงหลัวหน้าซีด
นางหลับตาลง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วนางไม่มีหนทางล่าถอยใดๆ แล้ว มีแต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคนผู้นั้น…
….
จันทราแขวนลอยกลางนภา ดวงจันทร์ที่อยู่ตรงนั้นกลมมนดั่งแผ่นจาน
เดือนเด่นดาวหมอง มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่เจิดจรัสอยู่บนฟ้า
เสียงขลุ่ยดังขึ้นอย่างเอ้อระเหย ทำให้ใบเฟิงสีแดงสดโบกพลิ้วไปพร้อมกับเสียงขลุ่ย
หลงซือเย่สวมชุดขาวยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เสียงขลุ่ยยังคงลื่นไหลออกมาจากปลายนิ้วของเขาไม่ขาดสาย ราวกับกำลังหวนคำนึงถึงอดีต อีกทั้งคล้ายรำพึงรำพันถึงช่วงเวลาอันงดงามที่เคยมี
————————————————————————————-
บทที่ 802 ฝาแฝดในเงามืด
ช่วงท้ายของบทเพลง เขามองดวงจันทร์อย่างเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ แผ่นหลังนั้นเหงาหงอยยิ่งนัก
ในป่าเฟิงมีคนกระแอมไอดังขึ้น ดูเหมือนหลงซือเย่ไม่คาดคิดว่าก่อนว่าจะมีคนอยู่ในป่าเฟิงผืนนี้ จึงหันไปมองทันที
คนชุดฟ้าผู้หนึ่งก้าวออกมา คนชุดฟ้าผู้นั้นสวมหน้ากากไว้ มองไม่เห็นว่ารูปโฉมเป็นอย่างไร เห็นเพียงว่าเรือนกายคนผู้นี้สูงใหญ่นัก และหน้ากากที่สวมอยู่บนใบน้านั้นก็ดูคุ้นตายิ่งนัก!
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตี้ฝูอี?!”
คนชุดฟ้าผู้นั้นถอนหายใจคราหนึ่ง “ท่านจำผิดแล้ว ข้าไม่ใช่เขา!” แม้แต่เสียงก็เหมือนตี้ฝูอียิ่งนัก
“เช่นนั้นเจ้าเป็นใคร?” หลงซือเย่กำขลุ่ยในมือแน่น “เหตุใดรูปโฉมเจ้าคล้ายคลึงกับเขาเช่นนี้?! เจ้าเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร?”
คนชุดฟ้าผู้นั้นเงียบไปพักหนึ่ง แล้วยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง ทว่าภายใต้แสงจันทร์รอยยิ้มนั้นกลับดูชั่วร้ายอยู่บ้าง “ท่านลองเดาสิ?”
หลงซือเย่จ้องรอยยิ้มที่ฉาบตรงมุมปากของเขา จากนั้นเพ่งพิศเขาจากหัวจรดเท้าอีกสองครา “พี่น้องของเขา? ฝาแฝด?”
คนชุดฟ้าผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “ท่านเดาได้ใกล้เคียง นับว่าเป็นฝาแฝดได้กระมัง…”
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว “นี่ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงมาก่อน และไม่เคยได้ยินผู้อื่นเอ่ยถึงด้วยเช่นกัน”
คนชุดฟ้าหัวเราะเสียงเย็นคราหนึ่ง “ท่านย่อมไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าคือฝาแฝดในเงามืดของเขา…”
หลงซือเย่พินิจเขาอีกคราหนึ่ง ไม่พูดอะไร
คนชุดฟ้าผู้นั้นก้าวเข้ามา “อะไรกัน? ไม่เชื่อหรือ? ท่านก็นับว่ารู้จักเขาเช่นกัน เช่นนั้นท่านดูสิมือนี้ของข้า คางนี้ ดวงตานี้ ริมฝีปากนี้…เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้วเลยใช่หรือไม่?”
สายตาของหลงซือเย่กวาดผ่านตำแหน่งเหล่านั้นที่เขาบอกแวบหนึ่ง เหมือนตี้ฝูอีทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ ผิดเพี้ยนเลยสักนิด นอกจากจะเป็นฝาแฝด ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้วจริงๆ
แน่นอน หลงซือเย่ยังนึกถึงความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่ง…ร่างโคลนนิ่งของตี้ฝูอี!
เขาจ้องมองใบหน้าของคนผู้นั้น “เหตุใดท่านไม่ถอดหน้ากากให้ข้าดูหน่อยเล่า?”
คนผู้นั้นทอดถอนใจนิดๆ “เขาสวมหน้ากากต่อหน้าผู้อื่นเสมอ เจ้าก็ไม่ทราบว่าใบหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร ต่อให้ขาถอดหน้ากากออกแล้วอย่างไรเล่า? เจ้าสามารถแยกออกหรือ?”
แววตาหลงซือเย่วูบไหวเล็กน้อย ถอนหายใจเช่นกัน “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล เอาเถิด ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรเจ้า เลิกราเท่านี้แล้วกัน” พลางหันหลังก้าวจากไป
“เจ้าสำนักหลง ท่านอยู่ภายใต้เขาถูกเขาควบคุมมาเนิ่นนาน ยินยอมพร้อมใจนักหรือ?”
ฝีเท้าหลงซือเย่ชะงักนิดๆ เอ่ยเรียบๆ ว่า “วรยุทธ์ข้าสู้เขาไม่ได้ ฐานะเป็นรองเขาก็สมควรตามเหตุผลแล้ว มีอันใดต้องยินยอมไม่ยินยอมด้วยเล่า ท่าไม่จำเป็นต้องยุแยงตะแคงรั่วหรอก” หมุนกายก้าวต่อไป
“เช่นนั้นนางในดวงใจท่านเล่า? จะเบิกตามองนางถูกเขาฉกฉวยไปเช่นกันหรือ? ในใจมิมีความรู้สึกไม่ยินยอมสักนิดเลยหรือ?” คนชุดฟ้าผู้นั้นพูดจาก่อกวนอวัยวะเบื้องล่างผู้อื่นยิ่งนัก
หลงซือเย่หันกลับมาทันที ลมหายใจติดขัดอยู่บ้าง “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?!”
คนชุดฟ้าผู้นั้นแย้มยิ้ม นัยน์ตาหรี่ลง “เจ้าสำนักหลง ท่านเข้าใจดีว่าที่พูดหมายความว่ายังไง”
หลงซือเย่สะบัดหน้าจากไป
คนชุดฟ้าผู้นั้นก็ไม่ไล่ตามเช่นกัน เพียงเอ่ยไล่หลังอีกประโยคหนึ่ง “ข้ามีวิธีช่วยท่านชิงสตรีของท่านกลับมาได้นะ กระทั่งสามารถสังหารเขาได้ด้วยซ้ำ!”
ร่างกายหลงซือเย่นิ่งงันอีกครั้ง เอ่ยขึ้นว่า “ข้ากับเขาเป็นสานุศิษย์สวรรคืเหมือนกัน จะกระทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร?!” แล้วรีบร้อนจากไป
คนชุดฟ้าผู้นั้นมองแผ่นหลังของเขา มุมปากยกขึ้นนิดๆ แย้มยิ้ม เขามองออกว่าหลงซือเย่หวั่นไหวแล้ว แค่ต้องเติมเชื้อไฟอีกสักนิด…
วันต่อมาหลงซือเย่ค่อนข้างนั่งไม่ติดทั้งวัน จึงไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูเรือนของตี้ฝูอีครู่หนึ่ง มองเห็นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีจูงมือกันกลับมาพอดี ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีพูดอะไรกับกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วผู้ถูกเย้าหยอกจึงหัวเราะคิกคักออกมา ซ้ำยังทุบตี้ฝูอีหมัดหนึ่ง