ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 805-806
บทที่ 805 หลงไหลในรสชาตินี้
ดังนั้นต่อให้ต้องการบังคับจูบก็ต้องรอหลังจากสลับร่างคืนแล้วค่อยว่ากัน ดังนั้นตี้ฝูอีจึงเก็บข้อนี้เอาไว้ก่อน
วิธีการดีๆ ของมู่อวิ๋นล้วนถูกตี้ฝูอีปัดทิ้งไปทีละข้อๆ เขาจึงคิดวิธีการอื่นไม่ออกชั่วขณะ
จวบจนถึงยามนี้…
พืชพรรณแผ่พุ่มหนา เงาจันทราเคลื่อนคล้อยลง
คนทั้งสองร่ำสุราใต้แสงแสงจันทร์
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ฝึกฝนจนพลังวิญญาณในร่างตี้ฝูอีกลับคืนมาหนึ่งในสิบแล้ว คืนนี้สามารถใช้วิชาที่ทำให้ทั้งสองคนสลับร่างคืนได้แล้ว เรื่องยุ่งเหยิงที่ใครก็คาดไม่ถึงนี้ในที่สุดก็ปิดฉากได้เสียที
กู้ซีจิ่วดูค่อนข้างมีความสุข ดวงตาส่องประกายเล็กน้อย
หลังจากทั้งสองคนกลับถึงเรือน ต่างคนก็ต่างกลับสู่นิสัยดั้งเดิมของตน ไม่ต้องแสดงละครอีก
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย วิชาที่ใช้คืนนี้จะประสบความสำเร็จแน่ๆ ใช่ไหม?” กู้ซีจิ่วต้องการคำยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง
“ใช่!” ตี้ฝูอีตอบกลับเธอคำเดียว
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้เธอจะอยากแข็งแกร่งมาก ถึงขั้นที่บางครั้งก็มีบุคลิกของผู้ชาย แต่เธอยังคงชื่นชอบความเป็นหญิง ร่างนี้ของตี้ฝูอีสูงส่งนัก ไปที่ใดก็ได้รับความเคารพมากมาย แต่เธอก็ไม่ชอบอาศัยอยู่ในร่างนี้ ร่างนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกยิ่งนัก
เธอคิดถึงเจ้าหอยยักษ์ ลู่อู๋น้อยและเพรียกวายุของเธอ! เธอนึกถึงวันคืนที่จับกลุ่มร่วมประลองกับเชียนหลิงอวี่และหลานไว่หูแล้ว
ความผิดหวังของพวกเจ้าหอยยักษ์ในหลายวันมานี้ล้วนอยู่ในสายตาเธอ ความหดหู่เซื่องซึมของเชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูก็อยู่ในสายตาของเธอเช่นกัน
ขอเพียงเธอกลับคืนร่างได้ ก็สามารถสนิทสนมกลมเกลียวกับสัตว์เลี้ยงของเธอได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันใดแล้ว สามารถจับกลุ่มหารือกลยุทธ์การต่อสู้กับพวกเชียนหลิงอวี่ได้อีกครั้ง…
ทุกอย่างจะกลับสู่สภาพปกติ
เมื่อนึกถึงอนาคตอันงดงามนี้เธอก็ตื่นเต้นยินดีอยู่บ้าง เริ่มวางแผนอนาคตอยู่ในใจ
เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งแรกที่ต้องทำย่อมเป็นการย้ายออกจากเรือนนี้ของตี้ฝูอี แยกจากเขา…
คงจะเป็นการแยกจากกันอย่างสมบูรณ์กระมัง? เธอรู้ว่าตอนนี้ตี้ฝูอีดีกับเธอมาก แต่เธอก็ทราบดีว่าตี้ฝูอีคิดยังไงกับเธอ…
ตอนนี้เธอเตรียมตอบรับหลงซือเย่แล้ว ย่อมไม่อาจโลเลไปมาระหว่างสองคนนี้ได้
เมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องแยกจากตี้ฝูอี หัวใจเธอก็วูบโหวงขึ้นมาแวบหนึ่ง คล้ายจะอึดอัดตีบตันอยู่บ้าง แต่เธอก็โยนความรู้สึกเหล่านี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกบางอย่างถ้าตัดไม่ขาดจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในภายหลัง…
เธอเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ด้านความรักย่อมต้องตรงไปตรงมาด้วย! จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้อีก ดังนั้นไม่อาจพัวพันคลุมเครือกับตี้ฝูอีอีกต่อไป
โชคดีที่คนผู้นี้ก็น่าจะสนใจในตัวเธอเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น มิใช่ความรักจริงๆ หลังจากแยกกับตน ต่อให้เขารู้สึกผิดหวังก็คงไม่ผิดหวังนานนัก
เมื่อโอบอุ้มความคิดนี้ไว้ กู้ซีจิ่วจึงไม่ทำให้ตัวเองคิดมากเกินไปอยู่ตลอดได้ ตั้งอกตั้งใจทำเรื่องที่ตนเองอยากทำก็พอ
เธอยกชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง ว่ากันตามจริง ชาบ้านตี้ฝูอีรสชาติดีจริงๆ ทำให้คนไม่ชอบดื่มชาแบบเธอหลงไหลในรสชาตินี้ได้
ต่อไปถ้าแยกกับเขาก็น่าจะไม่ได้ดื่มอีกแล้วสินะ?
กู้ซีจิ่วเลยดื่มไปอีกสองถ้วย
ตี้ฝูอีกลับดื่มสุราอยู่ จอกแล้วจอกเล่า ต่อเนื่องดั่งสายน้ำ
กู้ซีจิ่วค่อนข้างกังวล ในที่สุดก็ห้ามปรามอย่างอดไม่ได้ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านไม่ควรดื่มต่อแล้วกระมัง? หลังจากสลับร่างคืนแล้ว ข้าไม่อยากปวดหัวเพราะอาการเมาค้างหรอกนะ…”
“วางใจเถิด ข้ารู้ขีดจำกัดดี” ตี้ฝูอีดื่มเข้าไปอีกจอก
เอาเถอะ กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไรอีก
“ซีจิ่ว ร้องเพลงให้ข้าสักเพลงได้ไหม? เพิ่มบรรยากาศไง”
วันนี้กู้ซีจิ่วพูดง่ายยิ่งนัก “ได้ ร้องอะไรดีล่ะ? ท่านอยากฟังอะไร?”
ตี้ฝูอีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ร้องตามที่สะดวกสักเพลงเถอะ ร้องอันที่เจ้าถนัด และไม่เคยร้องต่อหน้าผู้ใดมาก่อน” ความต้องการของเขาแตกต่างไม่มีใครเหมือน
————————————————————————————-
บทที่ 806 ให้ข้าตกรางวัลแก่เจ้าเถิด
กู้ซีจิ่วครุ่นคิดสักครู่ แล้วพยักหน้า “ได้!” ด้วยเหตุนี้เธอจึงร้องเพลงหนึ่งออกมา
ครั้งนี้เพลงที่เธอร้องคือ ‘แว่ววจี’ เนื่องจากเธอรู้สึกว่าเพลงนี้ค่อนข้างเหมาะกับเส้นเสียงในร่างปัจจุบันนี้ของเธอ
ทันใดนั้นดอกบัวผลิแย้ม
ลายเส้นชดช้อยแจ่มชัด
วาดผนังแต้มลายแด่ทวยเทพแดนสรวง
ทะเลทรายชายแดนเหลือเพียงกระดูกขาว
สุราขุ่นไหลสู่คอ
เวียนว่ายใช้บุญบาปมาหลายภพ
เสียงขลุ่ยแว่วครวญผ่านดั่งหยันข้า
ความรู้แจ้งเหตุแห่งกรรมพลันเสื่อมถอยทว่าผู้ใดเล่ามีจิตมาร
ละวางความยึดมั่น
แสงจันทรายังเลื่อนลอยเช่นกาลก่อน
ร่างนี้ของตี้ฝูอีเส้นเสียงไม่เลว ถึงขั้นที่เสียงดีกว่าร่างเดิมของกู้ซีจิ่วด้วยซ้ำ น้ำเสียงทุ้มต่ำแบบบุรุษ ยามร้องออกมามีเสน่ห์ดึงดูดเป็นพิเศษ
เธอเพิ่งจะร้องส่วนแรกไป ไม่ทราบว่าตี้ฝูอีหยิบพิณตัวหนึ่งออกมาจากที่ใด ดีดบรรเลงไปตามทำนองของเธอ
เสียงเพลงและเสียงพิณแว่วกังวานอยู่ในเรือน ท่ามกลางแมกไม้ที่พลิ้วไหว น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก
นอกเรือน หลงซือเย่ก็นั่งฟังอย่างเหม่อลอยอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเม้นริมฝีปากบางนิดๆ กำกิ่งไม้ไว้จนนิ้วมือซีดขาว
นางในดวงใจครองคู่โบยบินกับชายอื่น ดีดพิณร่ายเพลง หวานชื่นสุขสันต์ เขากลับทำได้เพียงฟังอยู่นอกเรือน ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…
“ตี้ฝูอี เจ้าแย่งชิงสตรีของข้า แค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้! ในเมื่อเจ้าไม่เมตตา ก็อย่าได้โทษที่ข้าไม่ปราณี!” เขาพึมพำเสียงแผ่ว
เขาฟังต่ออีกครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะทนรับสิ่งนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผุดลุกขึ้น หายแวบไปทันที
เขาเพิ่งแวบหายไปได้ไม่นาน บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็สั่นไหวสวบสาบ บนกิ่งของต้นไม้ต้นนั้นมีมนุษย์ตัวจ้อยสีเขียวผู้หนึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นมา มนุษย์ตัวจ้อยนี้คือหุ่นกระบอกรูปร่างมนุษย์ มันลอยขึ้นมา พุ่งหายลับไปในอากาศ
อวิ๋นชิงหลัวยืนอยู่ในเรือนตน ริมฝีปากขยับขมุบขมิบ จรดนิ้วร่ายวิชา ผ่านไปครู่หนึ่ง หุ่นกระบอกสีเขียวตัวนั้นก้ลอยกลับมา ร่วงลงในมือนาง หุ่นกระบอกตัวน้อยพูดเจื้อยแจ้วกับนาง นางพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อหุ่นกระบอกตัวน้อยพูดจบ ก็ทำลายมันทิ้งทันที
จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องนอน แขนข้างหนึ่งยื่นมาโอบเอวนางไว้ วันนี้หุ่นของนางสวมเสื้อคลุมสีเขียวคราม ยิ้มน้อยพลางเอ่ยถามนาง “เป็นอย่างไรบ้าง?”
อวิ๋นชิงหลัวตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทุกอย่างปกติ หลงซือเย่มีจิตคิดสังหารเขาจริง…”
คนชุดเขียวครามผู้นั้นพยักหน้าอย่างพอใจ อุ้มนางขึ้นมา เดินไปที่เตียงใหญ่ “ชิงหลัว ทำได้ดีมาก ให้ข้าตกรางวัลแก่เจ้าเถิด…” พลางฉีกกระชากเสื้อผ้านางออก
แรกเริ่มสีหน้าอวิ๋นชิงหลัวยังราบเรียบอยู่ แต่ทักษะการใช้มือของคนผู้นี้ช่ำชองนัก ในไม่ช้าก็ทำให้นางหายใจหอบถี่ โอนอ่อนผ่อนตาม
ดวงหน้าเฉิดฉันของนางแดงซ่าน เสียงสั่นพร่า “จะ…จะต้องลงมือพรุ่งนี้หรือ? ผู้คุ้มกันทั้งสี่ของเขา…”
“วางใจเถิด ผู้คุ้มกันสี่คนนั้นจากไปสามคนแล้ว เหลือเพียงมู่อวิ๋นที่รั้งอยู่ข้างกายเขา ไม่ควรค่าให้กังวลหรอก” การเคลื่อนไหวของคนชุดเขียวครามผู้นั้นป่าเถื่อน มอบใบหน้าเฉิดฉันที่แทบจะบิดเบี้ยวแหยเกของนาง ทราบว่าทั้งรังเกียจทั้งขาดเรื่องนี้ไม่ได้ ความปรารถนาของเขาก็พุ่งขึ้นมา ดวงตาของเขาแดงฉานเล็กน้อย ก้มหน้าลงไป ขบกัดใบหูของอวิ๋นหลัว กระซิบว่า “เด็กน้อย ยามที่เจ้าสร้างข้าขึ้นมาในคราแรกเหตุใดไม่มอบสิ่งสำคัญของบุรุษให้ข้าด้วยเล่า? มิเช่นนั้นตอนนี้ข้าคงทำให้เจ้าสุขสมได้ยิ่งกว่านี้…”
อวิ๋นชิงหลัวหลับตาลง เหตุผลที่นางไม่สร้างสิ่งนั้นให้หุ่นเชิดตัวนี้ เป็นเพราะนางแค่อยากให้มันกลายเป็นเครื่องปลอบขวัญเท่านั้น นางอยากเก็บพรหมจรรย์ของนางไว้มอบให้ตี้ฝูอี…
เพียงยามนี้ตัวนางตกสู่ขุมนรกแล้ว จะเพ้อฝันถึงสรวงสวรรค์อีกได้อย่างไร?
ในเมื่อร่วงหล่นแล้ว เช่นนั้นก็ร่วงหล่นลงไปให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน!
ในเมื่อครอบครองเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำลายเขาทิ้งเสีย! จะดีที่สุดถ้าเขาตายด้วยน้ำมือนาง เช่นนั้นก็สมบูรณ์แบบแล้ว