ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 835-836
บทที่ 835 คลุกคลีชิดใกล้
การลงมือของหลงซือเย่คือสัญญาณลับอย่างหนึ่ง
พอเขาลงมือ พวกกู่ฉานโม่ก็ลงมือแทบจะทันทีเช่นกัน…
กู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ข้างกายหลงซือเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก สำเร็จแล้ว!
แผนตกปลาในที่สุดก็ปิดฉากลงอย่างงดงามแล้ว!
นึกไม่ถึงว่าจะล่อผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาได้ง่ายดายปานนี้! นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นชิงหลัวจะขวัญกล้าเทียมฟ้าสร้างหุ่นเชิดที่มีลักษณะคล้ายตี้ฝูอีออกมา ไม่จำเป็นต้องถามเลย ตี้ฝูอีที่อยู่กับอวิ๋นชิงหลัวในเทศกาลความรักก็คือหุ่นเชิดตัวนี้ กลับสามารถตบตาเธอได้…
ประหลาดนัก ว่ากันตามเหตุผลแล้วหุ่นเชิดต่อให้เหมือนแค่ไหน สามารถตบตาคนได้เพียงใด แต่ก็ไม่น่าจะรอดพ้นประสาทสัมผัสของเจ้าหอยยักษ์ได้ ตอนนั้นเจ้าหอยยักษ์ก็เคยดมแล้ว หรือว่ากลิ่นอายบนร่างหุ่นเชิดตัวนี้ก็เหมือนตี้ฝูอีด้วย?
เธออดไม่ได้ที่จะมองคนชุดม่วงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไป ยื่นมือไปหมายจะปลดหน้ากากบนหน้าคนชุดม่วงผู้นั้นออก เธอจะดูว่าใบหน้านี้เหมือนหรือไม่…
นิ้วเธอยังไม่ทันสัมผัสถูกหน้ากากของคนชุดม่วง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกน “ระวัง! ถอย!”
บั้นเอวเธอพลันกระชับแน่น ถูกคนโอบไว้แล้วลากออกมา…
ในเวลาเดียวกันนี้ คนชุดม่วงผู้นั้นที่เดิมทีแน่นิ่งอยู่จู่ๆ ก็กระโดดพรวดขึ้นมาเสียงดังพรึ่บ! สองมือดั่งใบมีด หมุนกวาดไปทั่วดั่งพายุคลั่ง!
เสียงลมที่ดังหวีดหวิวราวกับแฝงเสียงขลุ่ยที่เสียดแหลมไว้…
หุ่นชุดเขียวทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหวแล้ว! ดวงตาเบื้องหลังหน้ากากแดงฉาน พุ่งเข้าจู่โจมฝูงชน!
โชคดีที่พวกกู่ฉานโม่ล้วนผ่านประสบการณ์มาโชกโชนแล้ว แถมยังเตรียมการไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว พอตี้ฝูอีตะโกนคำว่า ‘ถอย’ ออกมา ร่างกายพวกเขาพลันดีดทะยานขึ้น พากันเหินขึ้นไปบนหลังคาที่อยู่รอบด้าน…
หุ่นชุดเขียวพวกนั้นหมายจะไล่ตาม แต่รอบข้างพลันเกิดเสียงดังแกรกกรากขึ้น ผืนดินที่เคยราบเรียบแตกแยกออกทันที แสงสีเขียวสว่างวาบ ลาวาไหลทะลัก และในขณะเดียวกันเหนือศีรษะของคนชุดเขียวเหล่านั้นก็ปรากฏตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่ง…
คนชุดเขียวเหล่านั้นรวมถึงหุ่นชุดเขียวกระโจนขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่ง ทว่ากลับถูกตาข่ายยักษ์ผืนนั้นกดทับลงไป ทำได้เพียงเบิกตามองตนเองกลิ้งเข้าสู่ลาวา…
กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนหลังคา ผู้ที่โอบเอวเธออยู่ด้านข้างก็คือตี้ฝูอี เป็นอันชัดเจนว่าผู้ที่โอบเอวเธอแล้วดึงให้ถอยได้ทันกาลก็คือเขา
หลงซือเย่เคลื่อนไหวช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ร่อนลงบนหลังคานี้ตามหลังตี้ฝูอีมาติดๆ
เขามองตี้ฝูอีที่โอบเอวกู้ซีจิ่วไว้แน่นแวบหนึ่ง ก้าวเข้าไปหา “ซีจิ่ว มานี่สิ”
ตอนนี้กู้ซีจิ่วกำลังมองคนชุดเขียวพวกนั้นที่กำลังร่วงลงสู่ลาวาด้านล่างอยู่ สายตายังพัวพันอยู่ที่ร่างคนชุดม่วงผู้นั้น พอได้ยินเสียงเรียกของหลงซือเย่เธอก็ไม่ได้ตอบสนองทันที เพียงแค่มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยตอบประโยคหนึ่ง “ข้าดูอยู่ตรงนี้ก็ได้”
หลงซือเย่เงียบงัน
หลายวันมานี้กู้ซีจิ่วกู้ซีจิ่วคลุกคลีชิดใกล้กับตี้ฝูอีตลอด เพื่อหลอกล่อผู้บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นจึงจงใจเล่นละครกับตี้ฝูอี แนบชิดคลอเคลียกับเขาอยู่เสมอ ก่อเป็นความเคยชินที่น่าละอาย
ดังนั้นเมื่อเธอถูกตี้ฝูอีโอบเอวไว้ในยามนี้จึงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอรู้สึกว่าตำแหน่งที่เธอยืนอยู่นี้ดีที่สุดแล้ว สามารถมองเห็นเหตุการณ์เบื้องล่างได้โดยไม่มีจุดอับสายตา
“ซีจิ่ว!” หลงซือเย่เรียกเธออีกครั้ง เอ่ยเตือนอย่างอดไม่ได้ “ละครเรื่องนี้ปิดฉากแล้ว เธอไม่จำเป็นต้อง…”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็รู้สึกตัว!
ใช่แล้ว ละครเรื่องนี้จบแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกับตี้ฝูอีอีกแล้ว…
น่าตายนัก เธอเคยชินจนเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว!
เธอแกะแขนตี้ฝูอีออกเงียบๆ ยิ้มแวบหนึ่ง “ขอบคุณท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ่งนักที่ช่วยข้าไว้เมื่อครู่” จากนั้นก็ถอยหลังไปอย่างลื่นไหล ถอยไปอยู่ข้างกายหลงซือเย่
ตี้ฝูอีมองเธอครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไร
————————————————————————————-
บทที่ 836 นางรนหาที่เอง
ค่ายกลเบื้องล่างเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์แล้ว หุ่นชุดเขียวเหล่านั้นอยากหนีก็หนีไม่พ้นแล้วทำได้เพียงร่วงลงสู่ลาวาแล้วระเหยเป็นไอไปในชั่วพริบตา
ค่ายกลนี้เป็นผลงานของกู้ซีจิ่วด้วยครึ่งหนึ่ง อย่างเช่นพื้นดินที่ปริแยกนั้นก็เป็นเธอวางกับระเบิดไว้ให้ระเบิดออก…
พื้นดินนั้นทรุดตัวลงเรื่อยๆ ยามที่ฝูงชนพากันจากมาก็ไม่ได้พาอวิ๋นชิงหลัวขึ้นมาด้วย ยามนี้นางกรีดร้องอยู่ด้านล่างอย่างหมดท่า หลบหนีอย่างจนตรอก
กู่ฉานโม่ยังพะวงถึงฐานะสานุศิษย์สวรรค์ของนาง อดไม่ได้ที่จะมองไปทางตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยนางขึ้นมาดีหรือไม่? ดีร้ายอย่างไรนางก็เป็นสานุศิษย์สวรรค์ จะตายไม่ได้…”
ตี้ฝูอีตอบอย่างไร้อารมณ์ “ไม่ต้องช่วย นี่เป็นนางรนหาที่เอง”
“แต่ว่านางเป็นสานุศิษย์สวรรค์…”
“ฐานะสานุศิษย์สวรรค์มิใช่ป้ายทองเว้นโทษตายเมื่อทำชั่ว เมื่อก่อความผิดมหันต์ ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามสมควร!” น้ำเสียงตี้ฝูอีเฉยชาขึ้นเรื่อยๆ
“รับทราบ!” กู่ฉานโม่โล่งอก
ดีจริงๆ ที่แท้สานุศิษย์สวรรค์ก็ต้องเคารพกฏเกณฑ์ของโลกนี้เช่นกัน ไม่อาจทำตามใจได้ทุกอย่าง…
กู้ซีจิ่วที่ฟังอยู่ด้านข้างพยายามข่มใจไว้สุดท้ายก็ข่มไว้ไม่ไหว “ข้าได้ยินท่านเทพศักดิ์สิทธิ์บอกว่าสานุศิษย์สวรรค์ไม่อาจตายได้ หากว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตำหนิลงมาจะทำอย่างไร?”
ตี้ฝูอีตอบเพียงประโยคเดียว “ข้าจะรับไว้เอง”
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครพูดอะไรอีก ฝูงชนมองดูอวิ๋นชิงหลัวที่หนีไม่พ้น สุดท้ายก็ร่วงสู่ลาวานั้นท่ามกลางเสียงกรีดร้อง หายลับไป
ขณะที่กำลังร่วงลงสู่สาวาดวงตาทั้งคู่ของนางพลันมองมาที่ตี้ฝูอี “ตี้ฝูอี ข้าจะกลับมาหาท่านให้…” ถ้อยคำส่วนหลังนางยังไม่ได้พูดออกมาก็ร่วงสู่ลาวาแล้ว
ฝูงชนเงียบสงัด
ประโยคสุดท้ายของอวิ๋นชิงหลัวโหยหวนอย่างยิ่ง ราวกับคำสาปแช่งของวิญญาณร้าย ถึงแม้รอบข้างจะมีเสียงกรีดร้องสับสนวุ่นวายก็ยังคงกังวานชัดเจน
ฝูงชนมองดูตี้ฝูอีเงียบๆ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไม่แสดงอารมณ์อื่นใด สีหน้าเฉยชาอยู่ตลอด
ใต้หล้านี้สตรีที่ชมชอบตี้ฝูอีมีมากมาย หลงละเมอถึงเขาสารพัดก็มีไม่น้อย แต่ที่ลุ่มหลงคลั่งไคล้เช่นอวิ๋นชิงหลัวนี้กลับไม่เคยมีมาก่อน
สายตาของฝูงชนวกมาที่ร่างกู้ซีจิ่ว ระยะนี้นางกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้านอกออกในพร้อมกัน แสดงความรักหวานแหววสารพัด ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเพียงใดที่ริษยาแทบตายแล้ว
เนื่องจากละครฉากนี้มีเรื่องเกี่ยวพันมากเกินไป ดังนั้นจึงมีน้อยคนนักที่ทราบว่าเธอกับตี้ฝูอีแค่เล่นละครกัน มีแค่ตัวต้นเรื่องทั้งสามเท่านั้นที่ทราบ แม้แต่กู่ฉานโม่ก็ถูกปิดหูปิดตาด้วย
ดังนั้นประโยคสุดท้ายนั้นที่อวิ๋นชิงหลัวตะโกนออกมา เมื่อฝูงชนมองตี้ฝูอีเสร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่กู้ซีจิ่ว อยากเห็นว่านางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ผลคือพบว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างกายหลงซือเย่ ทั้งสองใกล้ชิดกันยิ่ง กำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น
“หุ่นเชิดชุดม่วงล่ะ?” กู้ซีจิ่วยังพะวงถึงมัน
“คงตกลงไปแล้วเหมือนกัน” สายตาของหลงซือเย่ก็เฉียบแหลมยิ่งนักเช่นกัน
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “นึกไม่ถึงว่าเมื่อกี้เขายังไม่ตาย แถมยังกระโดดขึ้นมาบงการผีดิบอีก…ดาบนั้นของเขาเป็นดาบประหารเซียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมถูกแทงหัวใจแล้วยังไม่ตายอีกล่ะ?”
อันที่จริงหลงซือเย่ก็กังขาเช่นกัน แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเพราะอะไร จึงนิ่งไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยขึ้น “บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นหุ่นเชิดล่ะมั้ง? หุ่นเชิดเดิมทีก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แค่ถูกคนควบคุมเท่านั้น หุ่นเชิดบางชนิดไม่เกรงกลัวการถูกฟัน ไม่รู้จักความเจ็บปวด…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “แต่นั่นคือดาบประหารเซียนนะ บอกไว้ว่าเป็นการทำลายดวงวิญญาณโดยเฉพาะไม่ใช่เหรอ? หรือว่าดาบนั่นเป็นของปลอม?”
หลงซือเย่สั่นศีรษะ “ดาบเป็นของจริง สามารถประหัตประหารดวงวิญญาณเซียนได้จริงๆ ดังนั้นหลังจากฉันแทงเข้าไป วิญญาณของเขาก็ถูกแทงตายแล้ว”