ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 871-872
บทที่ 871 กระทำเรื่องโง่เง่าลงไป
“นายท่าน ความจริงแล้วไม่ว่าคนประเภทใดก็ล้นมีสัญชาตญาณรักใหม่ทิ้งเก่าทั้งสิ้น และมีความปรารถนาจะเอาชนะ ยิ่งท่านปฏิบัติต่อคนผู้หนึ่งอย่างสุดจิตสุดใจทำดีกับนาง นางก็ยิ่งไม่เก็บท่านใส่ใจ มีแต่จะเย็นชาต่อท่าน ทำให้นางรู้ว่าท่านมิใช่ว่าต้องเป็นนางเท่านั้น ให้นางได้ลิ้มรสขมขื่นของการสูญเสียไป นางจะได้รู้หัวใจตนเอง และยอมรับท่าน ยอมทำในสิ่งที่ท่านปรารถนา…” มู่อวิ๋นรำพันจากใจ
ภายในห้องเงียบลงชั่วคราว มู่อวิ๋นหลังจากเล่าชีวประวัติอันรุ่งโรจน์เหล่านี้ของตนจบก็คอแห้งอยู่บ้าง
อันที่จริงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวตนที่สูงส่งยิ่งนักมาโดยตลอด ยามปกติแทบจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องโลกีย์เหล่านี้เลย เรื่องที่พูดคุยกับพวกเขากว่าครึ่งเป็นเรื่องการปกครอง
เป็นครั้งแรกที่เกิดความสนใจในเรื่องชายหญิงเหล่านี้ และเป็นครั้งแรกที่คุยเรื่องพวกนี้กับเขาอย่างลึกซึ้ง นี่ทำให้มู่อวิ๋นรู้สึกยินดียิ่ง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งในที่สุดก็ลงมาสัมผัสพื้นโลกแล้ว ดังนั้นขอเพียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สอบถาม มู่อวิ๋นกแทบจะถามหนึ่งตอบสิบ
หลังจากเล่าจบสายตาเขายังคงวาววับ คอยให้ทานเทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยชมเชยเขาสักประโยค
นึกไม่ถึงว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับถอนหายใจออกมาเบาๆ “เจ้าเป็นบุรุษที่โชกโชนในสนามรักโดยแท้ แนวคิดของเจ้ามากมายอย่างยิ่ง”
มู่อวิ๋นค่อนข้างขวยอาย “นายท่านชมกินไปแล้ว”
“เมื่อก่อนซีจิ่วบอกข้าว่าบุรุษที่โชกโชนในสนามรักสิบคนจะมีเก้าคนที่เป็นสวะ ข้ายังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ยามนี้ดูท่าแล้วคงจริง”
มู่อวิ๋นเงียบงัน จู่ๆ เขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาอีกครา “แนวคิดที่เจ้ามอบให้ข้ายอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ข้ารู้สึกว่าต้องจัดเลี้ยงให้จ้าสักหน่อยแล้ว”
เขาปรบมือเล็กน้อย “มู่เฟิง เจ้าเข้ามาสิ!”
ด้วยเหตุนี้มู่เฟิงจึงเข้ามา
ตี้ฝูอีสั่งการอย่างเฉื่อยชา “ส่งทูตมู่อวิ๋นไปที่เขตทะเลทรายสักสองสามวัน ข้าได้ยินว่าเด็กสาวทั่วไปของที่นั่นไม่เลวเลย ทูตมู่อวิ๋นอยู่นั่นย่อมประหนึ่งมัจฉาได้วารี”
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่อวิ๋นเขียวคล้ำแล้ว!
ในเขตทะเลทรายสภาพแวดล้อมเลวร้าย ที่สำคัญคือที่นั่นขาดแคลนบุรุษอย่างยิ่ง ส่วนสตรีในเขตทะเลทรายทุกคนก็ดุจหมาปาดั่งพยัคฆ์ พบเห็นบุรุษแล้วปานยุงพบเลือด สิ่งที่ทำให้คนอยากกระอักเลือดมากที่สุดคือรูปโฉมของสตรีที่นั่นล้วนอัปลักษณ์บึกบึนกันทุกคน!
เขาแทบจะนึกภาพสตรีที่มีรูปลักษณ์ดั่งชายชาตรีเหล่านั้นแคะจมูกแล้วไล่ตามเขาอย่างบ้าคลั่งออก…
เขาคุกเข่าลงเสียงดังตึง “นายท่านขอรับ ได้โปรดเปลี่ยนสถานที่ลงโทษให้ข้าน้อยเถิด!”
เขาเกรงว่าร่างกายเล็กๆ ดั่งต้นหยกของเขาจะถูกย่ำยีจนต้นอ่อนแห้งโกร๋นไร้ใบ…
“นายท่าน ข้าน้อยยอมไปอยู่ที่แดนเพลิงลับแลขอรับ!” มู่อวิ๋นอ้อนวอน
ตี้ฝูอีไม่สนใจเขา คำสั่งที่ขาสั่งการไปแล้วไม่มีทางลดหย่อนผ่อนผัน
ด้วยเหตุนี้มู่เฟิงจึงตบไหล่เขาเบาๆ อย่างเห็นใจยิ่งนัก “ไปเถิด เสี่ยวอวิ๋นอวิ๋น ให้เจ้าไปสำเริงสำราญอยู่ที่นั่นสักสองสามวันนะ” แล้วลากเขาออกไปทันที
มู่เฟิงยินดียิ่งนัก เจ้าเด็กมู่อวิ๋นคนนี้มักจะคุยโวเรื่องรักใคร่สำเริงสำราญต่อหน้าคนโสดอย่างพวกเขาสามคนอยู่เสมอ แถมยังเยาะเย้ยว่าพวกเขาสามคนเป็นคนหยาบกะด้างที่ไม่เข้าใจความรักชายหญิง ยามนี้กรรมตามสนองแล้วกระมัง?! ฮ่าๆๆ
ตี้ฝูอียกมือนวดหว่างคิ้ว เขาอาการหนักแล้วจริงๆ ถึงได้ฟังคำพูดของเจ้าตัวบัดซบมู่อวิ๋นกระทำเรื่องโง่เง่าลงไป
ดูจากสตรีที่เขาเกี้ยวพาจนได้มาครองสองนางนั้น นางหนึ่งแสร้งวางท่าสำรวมสงวนท่าที นางหนึ่งเป็นหญิงชั่วที่เห็นความรักเป็นของเล่น คนเช่นนี้จะนำมาเทียบกับเสี่ยวซีจิ่วของเขาได้อย่างไร?
ในด้านของความรักกู้ซีจิ่วเป็นผู้ที่ยกได้วางเป็นมาโดยตลอด แถมนางกตรงไปตรงมายิ่งนัก เมื่อรู้สึกว่าความรูสึกนั้นเป็นไปไม่ได้นางก็จะสะบั้นทิ้งอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเสมอ
ยกตัวอย่างเช่นนางรู้สึกว่าหลงซือเย่พิเศษมาตลอด อยากครองคู่อยู่กับหลงซือเย่ จึงตัดขาดกับเขาตี้ฝูอี พยายามผลักไสขาออกไปอย่างสุดกำลัง
————————————————————————————-
บทที่ 872 ไหน เรียกปะป๊าสิ
เพียงแต่สาวน้อยผู้นี้เข้าใจความรู้สึกของตนเองผิด อันที่จริงนางรักหลงซือเย่แบบสหาย ชมชอบแบบที่ชอบพี่ชาย…
ที่เขาทำคือช่วยให้นางเข้าใจความรู้สึกของนางเอง มิใช่แสร้งปล่อยเพื่อจับ
สมองเขาเลอะเลือนไปแล้วหรือถึงได้เชื่อความคิดเน่าๆ ประเทนี้ของมู่อวิ๋น!
เขาลุกขึ้นยืน คิดจะไปดูนางสักหน่อย แต่ก็กล้ำกลืนไว้
นางเหนื่อยล้ามากแล้ว ให้นางพักผ่อนดีๆ สักคืนก่อนแล้วกัน
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็รอให้ถึงเย็นวันพรุ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน
….
กู้ซีจิ่วเหนื่อยล้ามากจริงๆ หลังจากกลับถึงเรือนตน ก็นอนหลับไปแทบจะทันที
เธอฝันอย่างหนึ่ง เป็นความฝันที่ค่อนข้างพิสดารอย่างยิ่ง
ในฝันเธอกลายเป็นทารกน้อยอายุไม่ถึงสามเดือนคนหนึ่ง นอนอยู่ในโลงแก้วผลึกที่เต็มไปด้วยของเหลวสีชมพูอ่อน เสมือนนักประดาน้ำที่ล่องลอยอยู่ด้านใน
และด้านนอกโลงแก้วผลึก มีชายร่างสูงที่หล่อเหลาในชุดกาวน์สีขาวคนหนึ่งยืนอยู่
หลงซี!
ไม่ถูกสิ คนๆ นี้ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนหลงซีทุกอย่าง แต่มีสง่าราศีกว่าหลงซีมาก มีรังสีกดดันชนิดหนึ่งอยู่รางๆ
คนๆ นีคือนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้น!
คนผู้นี้ยิ้มน้อยๆ มองดูเธอ ทาบมือลงบนโลงแก้วผลึกที่บรรจุเธอไว้ “หนูน้อย เธอสมบูรณ์แบบมาก สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าอาซีเสียอีก”
เธอทำได้เพียงเบิกตากว้างมองดูเขา
คนๆ นี้หัวเราะเบาๆ “มีสติปัญยาแล้วสินะ เป็หนูน้อยที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ไหน เรียกปะป๊าสิ”
หัวคิ้วน้อยๆ ของเธอขมวดนิดๆ ยังคงมองเขาเช่นเดิม
“หนูน้อย สามีภรรยาตระกูลเย่แค่อยากหาแหล่งอวัยวะสำรองสักคนให้ลูกสาวของพวกเขา แต่ปะป๊าไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอกนะ เธอเป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมา เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมากแข็งแกร่งกว่าลูกสาวที่สามีภรรยาตระกูเย่ให้กำเนิดมากนัก”
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นพูดเองเออเองกับเธอที่อยู่ในโลงแก้วผลึก พูดคุยกับเธออย่างอ่อนโยนอยู่พักหนึ่ง สักพักก็ฉีดของเหลวชนิดใหม่เข้าไปในโลงแก้วผลึกอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าของเหลวนั้นทำให้เธอทรมานมาก เธอดิ้นทุรนทุรายอยู่ในด้านใน สะบัดตัวเหมือนปลา
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นมองเออยู่ตลอด รับชมทุกปฏิกิริยาและทุกการกระทำของเธอ
ในที่สุด เธอก็ไม่ดิ้นทุรนทุรายแล้ว ร่างกายที่อยู่ภายในของเหลวเหลานั้นสงบลงอีกครั้ง ร่างกายของเธอคล้ายจะเติบโตขึ้นนิดหน่อย ดูเหมือนเด็กอายุหนึ่งขวบแล้ว
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นเหมือนจะศึกษาโลงแก้วผลึกของเธออยู่พักใหญ่ ถึงได้ถอดเสื้อกาวน์ออก ติดหนวดเคราลงบนหน้า จากนั้นก็ออกไป
ภาพในฝันสลับสับเปลี่ยนไปรวดเร็วยิ่ง และตัดสลับกันอย่างวุ่นวายอยู่บ้าง
สักพักนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นก็เข้ามาพูดคุยกับเธอ สักพักเด็กน้อยหน้าตาอ่อนเยาว์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาดูเธอเด้กคนนี้น่าจะเป็นหลงซีในวัยเด็ก!
แรกเริ่มหลงซีน้อยมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น ต่อมาไม่รู้ว่าคนอื่นพูดอะไรกับเขา ยามที่หลงซน้อยมองเธออีกครั้งนัยน์ตาก็ฉายแววประหลาดออกมา ราวกับมองตัวน่าสงสารตัวหนึ่ง…
หลงซีน้อยก็มาคุยกับเธอบ่อยๆ เหมือนกัน เพียงแต่เธอไม่เคยตอบโต้เขาเลย เพียงใชนัยน์ที่ขาวดำตัดกันชัดเจนมองดูเขา ฟังเขาพูดเจื้อยแจ้ว พูดถึงความกลัดกลุ้มของเขา
เมื่อพูดมาถึงตอนสุดท้าย หลงซีน้อยมักจะกำหมัดน้อยๆ ขึ้นมาแล้วกล่าวออกมาว่า “ข้าเกลียดสามีภรรยาตระกูลเย่! พวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป! เธอกับฉันป็นมนุษย์โคลนนิ่งเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่เห็นพวกเราเป็นคนเลยสักนิด เธอน่าสงสารกว่าฉัน พวกเขาแค่อยากใช้เธอต่างแหล่งอวัยวะสำรองเท่านั้น เป็นแหล่งอวัยวะให้ลูกสาวของพวกเขาตลอดไป เธอน่าสงสารกว่าฉัน…”
อาจเป็นเพราะท่าทางที่โบกกำปั้นไปมาของเขาดูน่าสนุก ปากเล็กๆ ของเธอที่อยู่ในโลงแก้วผลึกจึงแย้มยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก…
หลงซีน้อยพุ่งเข้ามาดวงตาฉายแววตื่นเต้นยินดี แทบจะนอนแปะอยู่บนโลงแก้วผลึก “เธอยิ้มเป็นแล้ว! ว้าว เธอยิ้มเป็นแล้ว! เธอยิ้มแล้วน่ามองจริงๆ”
เธอที่อยู่ในของเหลวนั้นพลิกตัวคราหนึ่ง มือน้อยๆ แนบลงบนตัวโลงแก้วผลึกโดยมิได้ตั้งใจ
————————————————————————————-