ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 891-892
บทที่ 891 มารสาวเจ้าเสน่ห์
ตี้ฝูอีเริ่มเร่งเร้าให้เธอไปเปลี่ยนชุด เขาอดใจรอชมการเต้นรำที่เธอจะแสดงแทบไม่ไหวแล้ว
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนควรเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สักหน่อยจึงเอ่ยว่า “ใช่แล้ว การเต้นชนิดนี้สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงยิ่งนัก ข้ารู้สึกว่าพอแสดงการเต้นรำนี้จบ ข้าคงไม่มีแรงใช้วิชาเหินหาวแล้ว”
ยามนี้ตี้ฝูอีเจรจาง่ายยิ่งนัก “ง่ายมาก หากถึงเวลาแล้วเจ้าหมดแรงจริงๆ รอบที่เหลือติดค้างไว้ก่อนได้ พรุ่งนี้ตอนค่ำค่อยมาทำต่อ”
กู้ซีจิ่วอับจนวาจา “ท่านคิดจะลงโทษข้าอยู่ตลอดเวลาหรือไง?”
ตี้ฝูอียืดอกตอบอย่างเต็มปาก “นี่มิใช่เหตุผลที่ดีที่สุดในการนัดเจ้าออกมาหรอกหรือ?”
กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “เช่นนั้นท่านก็ลงโทษข้าสักร้อยครั้งให้แล้วไปเถอะ!”
ตี้ฝูอีคล้อยตาม “เป็นความคิดที่ดี…”
กู้ซีจิ่วอยากถีบเขานัก คนผู้นี้ไม่เคยตามตื้อเด็กสาวจริงๆ ด้วย ยามนี้สมควรกล่าวว่า ‘ข้าหักใจทำไม่ลง’ มิใช่หรือ
ตี้ฝูอียกมือลูบหัวเธอ “รีบไปได้แล้ว ขืนยังไม่ไปอีกจะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัวจริงๆ นะ”
กู้ซีจิ่วปัดมือเขาทิ้ง เจ้าคนผู้นี้ชมชอบลูบหัวผู้อื่น เธอรู้สึกเสมอว่ายามที่เขาลูบเอราวกับโอ๋เด็กน้อย ทว่ากลับทำให้เธออบอุ่นใจ รู้สึกยินดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกเช่นนี้ อยู่ร่วมกับคนผู้หนึ่งเช่นนี้ แค่สนทนากันทั่วไป ก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งแล้ว
เธอเต้นรูดเสาได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เมื่อก่อนตอนที่ปลอมตัวเป็นสาวในบาร์เต้นเลื้อยรูดเสาอยู่บนเวที เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเสื้อผ้าที่ยังนับว่ามิดชิด แต่ผู้ชมด้านล่างเวลาเหล่านั้นกลับเลือดกำเดาไหลมากมาย…
….
เมื่อเธอเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วมายืนอยู่เบื้องหน้าตี้ฝูอี ตี้ฝูอีก็เพ่งพิศเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เพ่งพิศจากเท้าจรดหัว สายตาลึกล้ำยิ่งกว่าบึงน้ำลึก
กู้ซีจิ่วจงใจบิดเอวบ้าง ดัดเนื้อดัดตัวบ้างต่อหน้าเขา เรือนผมดำขลับดั่งม่านน้ำตกแฝงรัศมีดึงดูด เป็นอย่างไร? งามหรือไม่?”
ตี้ฝูอีสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ฝืนข่มความปรารถนาที่ต้องการทำบางอย่างลง “งามยิ่งนัก!”
รูปร่างของนางในยามนี้ล้ำเลิศนัก ปกติสวมเครื่องแบบสำนักศึกษาตัวหลวมเอาไว้จึงมองอะไรไม่ออก แต่ตอนนี้นางสวมเสื้อแขนกุดรัดรูปตัวจิ๋วสีฟ้าครามทอประกายระยิบระยับ กางเกงซับในแนบเนื้อ กระโปรงริ้วๆ ที่มีสีเดียวกัน พอหมุนตัวเล็กน้อย ต้นขาเรียวยาวใต้กระโปรงก็จะโผล่วับๆ แวมๆ
กระดูกไหปลาร้างามลออ สองแขนเรียวยาวใสกระจ่างปานหยก หน้าท้องแน่นกระชับ สองขาเหยียดตรง ล้วนเปิดเผยสู่ภายนอก
ทรวดทรงสะโอดสะองทรงเสน่ห์ ทรวงอกอวบอิ่ม เอวบางปานจะกำได้รอบ
บนเท้าที่งดงามน่าถนอมสวมรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง ขับเน้นให้สองขาของนางดูเรียวยาวยิ่งขึ้น ภายใต้แสงจันทร์นางดูราวกับมารสาวเจ้าเสน่ห์ที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางหมู่มนุษย์ ทุกอากัปกริยาล้วนปลิดชีพคนได้!
ไม่นึกเลยว่าเสื้อผ้าชุดนี้เมื่อสวมอยู่บนร่างนางจะมีผลลัพธ์ที่น่าตะลึงเช่นนี้ มือของตี้ฝูอีกดลงบนพิณ ข่มกลั้นแล้วข่มกลั้นอีก ถึงข่มใจไม่ให้พุ่งเข้าใส่ได้
บนนภาเหนือศีรษะมีห่านตัวหนึ่งโฉบผ่าน ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อพรึ่บ ห่านตัวนั้นร่วงลงพื้นทันที
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านยังหิวอยู่หรือ?”
ตี้ฝูอีโยนห่านตัวนั้นเข้าไปในดงหญ้า เอ่ยเพียงประโยคเดียว “หิวอย่างยิ่ง! รีบเต้นเถอะ!”
ต้องพูดเลยว่าตี้ฝูอีช่างเป็นอัจฉริยะในด้านดนตรีโดยแท้ เพลงภาษาอังกฤษเพลงนั้นเขาไม่เคยฟังมาก่อน ทว่าจังหวะลำนองทั้งหมดล้วนจดจำได้ทั้งสิ้น เนื่องจากเสียงร้องกับทำนองเพลงแตกต่างกัน เขาถึงขั้นเติมความคิดของตนลงไปด้วย เมื่อเสียงพิณเริ่มบรรเลงเสียงดนตรีที่กระตุ้นอารมณ์ออกมา กู้ซีจิ่วจึงเริ่มเต้นเลื้อยวนอยู่บนนั้น…
การเต้นชนิดนี้เพียงเริ่มเต้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว เดิมทีก็ดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนักอยู่แล้ว แถมกู้ซีจิ่วยังเป็นเลิศด้านวิชาตัวเบาด้วย พอกระโดดก็งามสง่าเย้ายวนเป็นพิเศษ ประเดี๋ยวก็ตัวอ่อนเลื้อยพันเสาดั่งงู ประเดี๋ยวก็ฉีกขาออก ตัวคนราวกับผืนธธงที่โบกสะบัด
————————————————————————————-
บทที่ 892 เจ้าหนีอะไร?
ประเดี๋ยวก็เหินทะยานขึ้นปีนป่ายอยู่บนเสาเหล็ก กระโปรงยาวพลิ้วไหวปานสายน้ำ ดั่งบุปผาที่ผลิแย้ม ประเดี๋ยวก็ไถลตัวลงมา ทว่ายามที่ใกล้จะร่อนสู่พื้นก็ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง สองเท้าป่ายวนไปทั่ว ทั้งร่างโค้งงอจนเกิดรัศมีมอมเมาคนชนิดหนึ่งขึ้น…
ตี้ฝูอีไม่เคยถูกรบกวนยามดีดพิณมาก่อนเลย ยามที่เขาปราบเหล่ามารปีศาจ มารสาวเปี่ยมเสน่ห์บางตนเต้นยั่วยวนอยู่เบื้องหน้าเขา สีหน้าเขาก็ไม่แปรเปลี่ยนหัวใจไม่เต้นแรง ทำนองดนตรีที่ปลายนิ้วกลายเป็นอาวุธสังหาร ฉีกกระชากร่างมารสาวเหล่านั้นทันที…
แต่ยามนี้เขาบรรเลงดนตรีประกอบการเต้นให้กู้ซีจิ่ว จิตใจกลับไม่สงบจนดีดผิดติดๆ กันหลายครั้ง ไม่ตรงทำนอสองหนแล้ว
ขาเป็นผู้ที่รักความสมบูรณ์แบบ การเต้นที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ย่อมคู่ควรกับดนตรีที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน มิเช่นนั้นเขาคงไม่ยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว มือหนึ่งดีดพิณ มือหนึ่งตีกลอง ดนตรีที่บรรเลงออกมาช่างกระตุ้นอารมณ์คนโดยแท้ ราวกับไหลรินอยู่ระหว่างฟ้าดิน
เมื่อการเต้นสิ้นสุด ดนตรีก็จบลง
กู้ซีจิ่วเหินวนบนเสาเหล็กรอบหนึ่ง หัวเราะเสียงกังวาน “วันนี้จบลงเท่านี้ ข้าไปแล้วนะ” พลางใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที…
แผนการของเธอคือใช้วชาเคลื่อนย้ายตรงกลับห้องนอนของตนในเรือนตนทันที
เนื่องจากดึกมากแล้ว เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายลึกล้ำขึ้นเรื่อย…
ดังนั้นการหลบหนีจึงเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดของเธอ
เพียงแต่แผนการที่เธอวางไว้อย่างงดงามยิ่ง ทว่าความจริงกลับห่างไกลกันยิ่งนัก
‘หวืด!’ เธอชนเข้ากับโดมโปร่งใสอันใดสักอย่าง!
โดมโปร่งใสนั้นอ่อนนุ่มไร้สีสัน ยืดหยุ่นยิ่งนัก เนื่องจากระดับความเร็วของวิชาเคลื่อนย้ายรวดเร็วเกินไป แรงปะทะย่อมไม่น้อยเลย ดังนั้นหลังจากเธอชนเข้า ร่างกายก็ถูดดีดสะท้อนกลับทันที จากนั้นก็ร่วงสู่อ้อมแขนของคนผู้หนึ่งเสียงดัง ‘ปึก!’
อ้อมกอดนั้นอวลด้วยกลิ่นหอมชื่นจางๆ ทำให้หัวใจเธอเต้นถี่รัวขึ้นมาทันที
เสียงของตี้ฝูอีดังขึ้นริมหูเธอ “หนีอะไรหืม? กลัวข้าจับเจ้ากินหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่าดึงดูงแฝงแววยั่วเย้า
กู้ซีจิ่วแทบจะแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนเขา กัดฟันกรอดๆ มองดูเขา “ท่านติดตั้งเขตแดนตอนไหนกัน?” ดูท่าเจ้าคนผู้นี้คงเดาได้ก่อนแล้วว่าพอเต้นเสร็จเธอก็จะหนี จึงติดตั้งเขตไว้ล่วงหน้าเพื่อขัดขวางเธอ
แปลกนัก เมื่อก่อนวิชาเคลื่อนย้ายของเธอไม่ว่าสิ่งใดล้วนขวางไว้ไม่ได้ ทำไมถึงถูกเขตแดนที่น่ารำคาญนี้ดีดกลับมาได้?
ปลายนิ้วตี้ฝูอีปัดผ่านริมฝีปากสีชมพูของเธอ ตอบคำถามของเธอ “ตอนที่เจ้าไปเปลี่ยนชุด”
ที่นี่คือหุบเขาลึก รอบด้านไร้ผู้คน แต่ตี้ฝูอีป้องกันไว้ก่อน จึงลอบติดตั้งเขตแดนไว้ที่นี่ กันไม่ให้เธอถูกคนนอกมาเห็นยามสวมชุดนั้น
อ้อมกอดเขาร้อนผ่าว สายตาที่มองเธอลุ่มลึกยิ่ง ลมหายใจเขาก็หอบเล็กน้อย…
“ซีจิ่ว การเต้นนี้ของเจ้า…เคยเต้นให้ผู้อื่นชมมากน้อยเพียงใด?” เขากอดเธอไว้แล้วนั่งลง ถามด้วยเสียงแหบพร่า
เคยเต้นให้คนอื่นดูกี่คนแล้วน่ะหรือ? เธอนับให้ถ้วนไม่ได้จริงๆ เนื่องจากชาติที่แล้วเธอเคยเต้นไปสามครั้ง ทุกครั้งล้วนมีคนเนืองแน่น ศีรษะเรียงกันเป็นพรืด ไม่รู้ว่ามีคนอยุ่มากน้อยเพียงใด
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงไม่เอ่ยตอบ
“ทำไมเงียบเล่า? ตอบไม่ไหนหรือ? หืม?” เมื่อหางเสียงคำสุดท้ายสูงขึ้น สูงจนกู้ซีจิ่วอกสั่นขวัญแขวน เธอหลุดปากเอ่ยออกไปว่า “ท่านรีบร้อนอันใด? ข้ากำลังนับอยู่…”
ใบหน้าหล่อเหลาของตี้ฝูอีเขียวครึ้มทันที มุมปากหยักขึ้นนิดๆ มองดุเธอ “ต้องนับเชียวหรือ?”
อันที่จริงหลังจากตอบไปแล้วกู้ซีจิ่วก็เสียใจภายหลัง เวลาที่ตนถูกเขากอดสมองจะรวนเสมอ ถ้อยคำที่หลุดปากออกไปทำให้เธอพูดจบก็อยากกลืนมันกลับไปยิ่งนัก
เธอยิ้มแห้งๆ แวบหนึ่ง “อันที่จริง อันที่จริงก็เท่าไหร่หรอก ไม่เท่าไหร่จริงๆ…” ก็แค่เจ็ดแปดร้อยคนเท่านั้น
ตี้ฝูอีกอดเธอไว้ แขนข้างหนึ่งโอบศีรษะเธอ ฝ่ามือวางลงบนกระดูกไหปลาร้าเธอ แขนอีกข้างโอบขาเธอ ข้อศอกอยู่บนหน้าขาเธอ ข้อมืออยู่ตรงบั้นเอวเธอ
————————————————————————————-