ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 905-906
บทที่ 905 ซ้ำยังติดค้างถึงสองครั้งแล้ว!
เด็กสาวคนนั้นมองเขาอย่างงุนงง “แต่ว่า…แต่ว่าคนเมื่อกี้บอกว่าคุณคือพี่หลงซีของฉัน และหน้าตาของพวกคุณก็เหมือนกันมาก”
น้ำเสียงหลงซือเย่เยียบเย็น “เขาหลอกเจ้า! ข้าคือหลงซือเย่ เจ้าสำนักถามสวรรค์”
เขายังคงอดได้ที่จะเพ่งพิศเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่ง ความเศร้าหมองในใจท่วมท้นขึ้นมาอีกระลอก นี่คือร่างที่เขาเตรียมไว้ให้กู้ซีจิ่ว นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อกู้ซีจิ่ว ถูกขายต่อให้เย่หงเฟิง…
อันที่จริงความรู้สึกที่เขามีต่อเย่หงเฟิงซับซ้อนยิ่งนัก
เขาคิดว่าเย่หงเฟิงเป็นเด็กน้อยร่างโคลนนิ่งคนนั้นมาโดยตลอด ในใจรู้สึกว่าเธอเป็นกาเหว่าแย่งรัง อีกทั้งเธอเป็นแก้วตาดวงใจของสามีภรรยาตระกูเย่ เป็นองค์หญิงน้อยที่ถูกทะนุถนอมไว้ในฝ่ามือ เขาแตะต้องไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อเธออย่างขอไปที ไม่อบอุ่นไม่เย็นชา
ภายหลังเขาตามหากู้ซีจิ่วพบ กลายเป็นครูฝึกของกู้ซีจิ่ว เดิมทีเป็นเพราะในใจรู้สึกติดค้าง จากนั้นก็หลงรักอีกฝ่ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในใจอยากสลับตัวทั้งคนคืนมาโดยตลอด ต่อมาหลังจากพบว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดเสีย แต่เวลาที่พบหน้าเย่หงเฟิงเขารู้สึกอึดอัดอยู่เสมอ หาวิธีหลบเลี่ยงเธอทุกครั้ง…
ต่อมาถูกสามีภรรยาตระกูลเย่กดดัน เขาไม่อยากให้กู้ซีจิ่วถูกสามีภรรยาตระกูเย่ฆ่า จึงแสร้งหมั้นกับเย่หงเฟิง ตอนนั้นในใจมีความคิดที่จะสลับวิญญาณทั้งสองคนแล้ว…
แน่นอน เพื่อหลอกล่อสามีภรรยาตระกูลเย่ ช่วงนั้นเขาดีต่อเย่หงเฟิงมาก พาเธอไปเที่ยว พาไปกินดื่มสังสรรค์ แต่ในใจเกลียดเธอมาก
เพราะหลังจากเธอค้นพบการมีอยู่ของกู้ซีจิ่วก็โวยวายกับสามีภรรยาตระกูลเย่ต้องการให้ฆ่ากู้ซีจิ่วซะ…
ดังนั้นหลงซือเย่จึงลงมือผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจเพื่อสลับวิญญาณอย่างไม่เสียใจภายหลัง ยามที่วางยาสลบเย่หงเฟิงแล้วควักหัวใจออกมาถึงขั้นรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ เพียงแต่ยามที่ลงมีดในใจค่อนข้างหักใจไม่ลงอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเด็กสาวคนนี้ก็เคยรักเขาดั่งชีวิต เชื่อฟังเขาทุกอย่าง เรียกเขาว่าพี่หลงซีอย่างไม่ขาดปากอยู่เสมอ…
การผ่าตัดครั้งนั้นเย่หงเฟิงถูกควักหัวใจก่อน พูดอีกอย่างคือ เย่หงเฟิงเป็นผู้ตายก่อน
เขาคิดว่าเย่หงเฟิงเป็นกาเหว่าแย่งรังมานานหลายปี เสพสุขกับผลประโยชนที่เดิมควรเป็นของกู้ซีจิ่วมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ถึงตายก็ไม่นับว่าขาดทุน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดต่อเธอเพียงนิดหน่อยเขาตายตามกู้ซีจิ่ว ชาตินี้ใช้เวลาตระเตรียมเนิ่นนานหลายปีเพื่อฟื้นคืนชีพให้กู้ซีจิ่ว ส่วนเย่หงเฟิงนึกถึงขึ้นมาเป็นบางครั้งเท่านั้น
แต่หนนี้เขาได้รู้ความจริงของที่สลับซับซ้อนในปีนั้นจากปากกู้ซีจิ่ว ที่แท้เด็กทั้งสองคนไม่ได้ถูกสลับตัวกัน ทุกอย่างที่เย่หงเฟิงได้รับก็เป็นสิ่งที่เธอสมควรได้อยู่แล้ว ถึงนิสัยของเธอจะไม่น่ารัก แต่เธอก็ไม่ได้ติดค้างใคร…
กลับเป็นเขาที่ติดค้างเธอ ซ้ำยังติดค้างถึงสองครั้งแล้ว!
ตอนนี้เธอฟื้นคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนนิ่งที่เขาสร้าง ใครจะบอกได้ว่ามิใช่สิ่งที่ปรภพชดเชยให้เธอ?
แต่ว่า…
วินาทีนี้หัวใจของหลงซือเย่สับสนว้าวุ่น ไม่ทราบเช่นกันว่าในใจตนรู้สึกอย่างไร
หากเป็นวิญญาณอื่นที่ครอบครองร่างแช่แข็งนี้ เขาคงสังหารอีกฝ่ายได้โดยไม่พูดอะไรเลย ทำให้ร่างแช่แข็งกลายเป็นร่างแช่แข็งเหมือนเดิม
แต่ผู้ที่ฟื้นคืนชีพคือเย่หงเฟิง…
เดิมทีเขาก็ติดค้างเธออยู่แล้ว หรือว่าคิดจะสังหารเธออีกครั้ง?
ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อกู้ซีจิ่วแลว เธอมีสังขารที่ดียิ่งกว่า ตัวตนใหม่ในยามนี้หลอมร่วมเข้ากับโลกนี้ได้เป็นอย่างดี…
โลหิตอุ่นร้อนซัดโหมอยู่ในทรวงเขา นิ้วมือภายในแขนเสื้อสั่นเทานิดๆ
ตี้ฝูอี เจ้าเห็นข้าเป็นดินโคลนในกำมือที่เจ้าจะบีบคลึงอย่างไรก้ได้จริงๆ ใช่ไหม?
เสียงพยัคฆ์คำรามแว่วมาจากที่ไกลๆ เย่หงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าใกล้เขา “พี่หลงซี ที่นี่ที่ไหนคะ? ฉันกลัว…”
————————————————————————————-
บทที่ 906 หุบปาก นั่งดีๆ
“จะพูดอีกครั้ง ข้าคือหลงซือเย่ มิใช่หลงซี! เรียกข้าว่าเจ้าสำนักหลง!”สุ้มเสียงหลงซือเย่เยียบเย็น อำนาจทั้งหมดแผ่ออกมา
เย่หงเฟิงหดกาย ไม่กล้ายั่วโมโหเขาอีก “คือ…เจ้าสำนักหลง…ฉัน…ฉันกลัว…คุณ…ท่านอย่าทิ้งฉันนะคะ…”
หลงซือเย่ปวดศีรษะ เขาย่อมไม่สามารถทิ้งเย่หงเฟิงไว้ตรงนี้ปล่อยให้เธอถูกสัตว์ร้ายอันใดขย้ำเป็นอาหารได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงพาเธอกลับไปด้วย
ชาติก่อนเย่หงเฟิงเป็นคุณหนูร่ำไฮโซที่หยิ่งผยองคนหนึ่ง ร่างแช่แข็งที่ครอบครองอยู่ในยามนี้ยังคงไม่มีพลังยุทธ์เลยเช่นเดิม จะเดินจะเหินล้วนลำบากยิ่งนัก และที่นี่ก็ไม่มีสัตว์พาหนะตัวอื่นด้วย หลงซือจึงทำได้เพียงพยุงเธอขึ้นหลังกระเรียนของตน
เธอเหมือนมนุษย์ปุถุชนไม่มีวรยุทธ์ ร่างกายหนักอึ้ง กระเรียนตัวนั้นบรรทุกเธอแล้วแทบจะบินไม่ขึ้น…
ตัวเธอก็นั่งบนหลังนักเรียนอย่างมั่นคงไม่ได้เช่นกัน เดิมทีหลงซือเย่คิดจะใช้เวทวิชาอย่างหนึ่งมัดเธอไว้บนหลังกระเรียน แต่พอเห็นสายตาละห้อยของเธอ เขาก็ยิ้มขื่นๆ ในใจอีกครา
เขาครองตัวให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อกู้ซีจิ่วมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่เคยชิดเชื้อกับสตรีเลย เคร่งครัดยิ่งกว่านักพรตเสียอีก
ตอนนี้ในใจเธอมีคนอื่นแล้ว ตกลงปลงใจจะครองคู่โบยบินกับทูตสวรรค์ฝ่ายว้ายผู้นั้นแล้ว แล้วเขาจะยังวุ่นวายอยู่ตรงนี้อีกทำไม? นางไม่ต้องการให้เขาปกป้องคุ้มครองแล้ว!
หัวใจของเขาโศกตรม โอบร่างเย่หงเฟิงที่อยู่บนหลังกระเรียนไว้ทันที
ดวงตาเย่หงเฟิงเปล่งประกาย “พี่หลงซี…เจ้าสำนักหลง…”
หลงซือเย่เอ่ยเตะคอกว่า “หุบปาก! นั่งดีๆ!”
กระเรียนมงกุฎแดงบรรทุกคนทั้งสองเหินขึ้นสู่ฟ้า เย่หงเฟิงกรีดร้องอีกครั้งด้วยความตกใจ หันกลับไปกอดเอวหลงซือเย่อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กอดแน่นไม่ยอมปล่อยมือ…
หลงซือเย่ตัวแข็งทื่อทันที เกือบโคจรพลัยุทธ์ดีดเธอออกไปแล้ว โชคดีที่เขาระงับการโคจรนี้ได้ทันการ เพียงดึงเธอออกจากอ้อมอกโดยไม่พูดอะไร แต่เธอกอดเขาไว้แน่น รากับคนจมน้ำที่กอดขอนไม้เพียงหนึ่งเดียวเอาไว้ ถ้าเขาไม่โคจรพลังยุทธ์ไม่ทางดึงเธอออกได้…
จิตใจเขาว้าวุ่น ขณะที่กำลังจะโคจรพลังวิญญาณ ฝืนดึงเธอออก ทันใดนั้นแผ่นหลังตรงบั้นเอวพลันชาหนึบ สมองราวกับมีบางอย่างพุ่งเข้ามา ทำให้สมองเขาขาวโพลนในชั่วพริบตา
และเด็กสาวในอ้อมอกเขาก็ยังคงกอดเอวเขาไว้แน่น มุมปากหยักขึ้นนิดๆ ยิ้มอย่างมาดร้ายแวบหนึ่ง…
….
จันนทราดวงโตดั่งแผ่นจาน ลอยสูงอยู่บนฟากฟ้า เมฆาหลายก้อนเคลื่อนคล้อยตามสายลม แสงจันทร์ทาบทาสีทองสายหนึ่งลงบนก้อนเมฆ งดงามเกินบรรยาย
พระจันทร์กลมมนบนภา บนพื้นตี้ฝูอีจูงมือกู้ซีจิ่วเดินล่องลอย
นี่คือเมืองหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก สิบห้าค่ำเดือนแปดคือเทศกาลไหว้พระจันทร์ บนถนนใหญ่ย่อมครึกครื้นยิ่งนัก
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีไม่ว่าเดินไปทางใดล้วนเป็นตัวตนที่ดึงดูดสายตา ทำให้คนทั้งหมดคุกเข่าลงอย่างง่ายดายยิ่ง เมื่อออกมากับเขากู้ซีจิ่วไม่อยาก ‘สะดุดตา’ ถึงเพียงนั้น ดังนั้นจึงกล่อมให้เขาเปลี่ยนชุด และแปลงโฉมเล็กน้อยด้วย
แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความลือที่ไม่พึงประสงค์ กู้ซีจิ่วก็แปลงโฉมด้วยเช่นกัน
ยามที่ทั้งสองเดินบนถนนใหญ่ถึงแม้ยังคงดึงดูดสายตายิ่งนักอยู่ แต่โชคดีที่ไม่มีใครจดจำฐานะของพวกเขาได้ ทั้งสองจึงสามารถเดินเล่นได้ตามสบาย
ทั้งสองเดินเที่ยวตลาดกลางคืน เยี่ยมชมแผงอาหารและแผงเครื่องประดับนับไม่ถ้วน…
ในใจกู้ซีจิ่วค่อนข้างรู้สึกอนิจจังยิ่งนัก ช่วงเทศกาลความรักเธอก็เคยลงมาเดินเที่ยวเหมือนกัน ตอนนั้นเธอเป็นโสด มีสัตวเลี้ยงสามตัวติดสอยห้อยตามรอบกาย ความจริงรู้สึกเหงามาก ต่อมาถึงแม้จะพบหลงซือเย่ ทั้งสองเดินเที่ยวด้วยกัน ซ้ำยังลอยประทีปด้วยกัน แต่ยามนั้นเธอรู้สึกว่าขาดอะไรไปอยู่เสมอ ฝืนร่าเริงทำให้ตัวเองมีความสุข ตนในยามนั้นแค่สพกดจิตไม่ให้ตัวเองผิดหวังจนเกินไปเท่านั้น…
————————————————————————————-