ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 917-918
บทที่ 917 คู่สวรรค์สรรสร้าง 2
กู้ซีจิ่วรู้สึกประสบความสำเร็จยิ่งนักในการแทะโลมเขา คนผู้นี้สูงส่งเหนือปวงชนมาโดยตลอด เกรงว่าคงไม่เคยถูกผู้อื่นกดไว้ด้านล่างเช่นนี้กระมัง?
ฮ่าๆ เธอได้กดเขาแล้ว!
หากเธอเป็นผู้ชาย เช่นนั้นยามนี้เธอก็คือเมะบ้าพลัง ส่วนเขาก็คือเคะราชินี…
เสียอย่างเดียวคือเขาสูงเกินไป เทียบกันแล้วเธอกระจ้อยร่อยกว่าเขามาก ต่อให้อยู่ด้านบนเขาก็ไม่มีกำลังยับยั้งมากขนาดนั้น
เธอกึ่งๆ คว่ำอยู่บนร่างเขา แขนข้างหนึ่งค้ำร่างท่อนบนของตนไว้ ส่วนอีกข้างลูบไล้ใบหน้าของเขา ใช้ปลายนิ้ววาดไปตามแนวคิ้วเขา หัวแม่มือแตะเบาๆ ที่สันจมูกเขา ฝ่ามือสัมผัสถึงแพขนตายาวของเขา เครื่องหน้าของคนผู้นี้งดงามเหลือเกิน เมื่อก่อนเธอทำได้เพียงมองอยู่ใกล้ๆ มากสุดก็ได้พิศดูใกล้ๆ แต่ตอนนี้เธอสามารถลูบคลำได้ตามอำเภอใจ…
ความรู้สึกประสบความสำเร็จของกู้ซีจิ่วแทบจะเอ่อล้นออกมา กดเสียงต่ำเอ่ยถามเขา “ที่รัก ความรู้สึกเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ตี้ฝูอีกะพริบตาปริบๆ แสดงท่าทางน่าเอ็นดูยิ่งนัก “เขินอายนัก…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
เขาเขินบ้าเขินบออะไร? หน้าไม่แดงลมหายใจไม่หอบถี่ ในดวงตาคล้ายมีสายน้ำไหวกระเพื่อมเท่านั้น เหมือนหมาป่าในฤดูผสมพันธุ์ที่แสร้งปลอมเป็นกระต่ายขาวตัวน้อย
มือกู้ซีจิ่วแตะแก้มเขาเบาๆ เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามเขา “เขินอาย? ไฉนหน้าไม่เห่อร้อนเล่า?”
ตี้ฝูอีถามเธออย่างใฝ่รู้ยิ่ง “เขินอายต้องหน้าร้อนด้วยหรือ?”
นี่ไร้สาระไปหน่อยไหม? เขินอายต้องหน้าร้อนใครหน้าไหนก็รู้ไม่ใช่หรือ? เธอแทะโลมเขาอยู่นานสองนานเจ้าคนผุ้นี้กลับไม่เขินอายเลย!
ตี้ฝูอีมองเธอ แนะนำด้วยท่าทีจริงใจยิ่ง “หน้าข้าไม่ร้อนเลย ดูเหมือนการแทะโลมของเจ้ายังไม่เพียงพอนะ เห็นทีว่าการแทะโลมระดับนี้จะอ่อนเกินไป มิสู้รุนแรงขึ้นอีกหน่อย?”
รุนแรงขึ้น?
กู้ซีจิ่วเม้มปาก นัยน์ตาสาดแสงแวบหนึ่ง
ดีร้ายอย่างไรชาติก่อนเธอก็เป็นนักฆ่า เพื่อปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงก็ต้องรับมือกับพวกผู้ชายอยู่บ่อยๆ เสน่ห์ล่อลวงยั่วเย้าฝ่ายตรงข้ามคือหลักสูตรบังคับผู้เป็นนักฆ่า
แน่นอนว่าเธอที่เป็นนักฆ่ามาหลายปีสิ่งที่พึ่งพาก็คือทักษะการฆ่าที่โหดเหี้ยมและการซุ่มโจมตีที่เฉียบขาด อย่างมากใช้มารยาหญิงเต้นรำอะไรสักอย่าง ก็สามารถดึงดูดเหล่าเสี่ยพุงพลุ้ยมาวนเวียนอยู่รอบตัวเธอได้แล้ว ไม่เคยต้องใช้แผนยั่วยวนล่อลวงอย่างอื่นเลย แต่ไม่เคยใช้ไม่ได้หมายความว่าเธอทำไม่เป็น
ยามนี้แทะโลมตี้ฝูอีอยู่นานสองนาน ผลคือเจ้าคนผู้นี้หน้าไม่แดงเลยสักนิด กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าความสามารถของตนถูกผู้อื่นหยามหมิ่น ดังนั้นเธอตัดสินใจงัดไม้ตายออกมา…
เธอโน้มร่างลงไป ลมหายใจอุ่นร้อยอ้อยอิ่งอยู่ที่โพรงหูเขา “อยากให้รุนแรงขึ้นหรือ? หืม?” น้ำเสียงเจือความแหบพร่ารางๆ หางเสียวดั่งติดตะขอแล้วเกี่ยวเบาๆ แฝงเสน่ห์ยั่วยวนตามธรรมชาติ
ดวงตาตี้ฝูอีฉ่ำรื้นน้ำ ลมหายใจถี่กระชั้นเล็กน้อย สองแขนเขารองศีรษะอยู่เช่นเดิม พยักหน้านิดๆ “เจ้ามาได้เลย!”
กู้ซีจิ่วยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง รอยยิ้มนั้นเย้ายวนยิ่ง ทำให้ลมหายใจตี้ฝูอีชะงักเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วจุมพิตลงบนติ่งหูเขา สัมผัสถึงร่างกายที่หดเกร็งของเขาได้ชัดเจน!
มีทางแล้ว! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะสยบเจ้าไม่ได้! ข้าไม่เชื่อว่าจะทำให้เจ้าหน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรงอย่างแท้จริงไม่ได้เลยสักครั้ง!
กู้ซีจิ่วรุกคืบเข้าไปอีก ลมหายใจหอมสดชื่นปานดอกกล้วยไม้เป่ารดริมหูเขา “ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงความร้ายกาจ!” จุมพิตที่แผ่เบาราวกับผีเสื้อสยายปีกไล่จากติ่งหู หลังหู ไปถึงปลายคางเขา จนถึงลูกกระเดือกเขา ประทับตรงนั้นซ้ำๆ หลายครา เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าลูกกระเดือกเขาเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้ง ร่างกายเขาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา…
เธอกึ่งๆ นอนคร่อมอยู่บนตัวเขา จึงรับรู้ได้ว่าจังหวะหัวใจที่อยู่ภายในทรวงอกเขาดวงนั้นทรงพลังยิ่ง ถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยมมาก เขาใจเต้นแรงแล้ว งั้นก็เหลือแค่หน้าเห่อร้อน…
เธอผละจากลูกกระเดือกเขาเคลื่อนต่ำลงด้านข้าง จุมพิตกระดูกไหปลาร้าเขา…
————————————————————————————-
บทที่ 918 คู่สวรรค์สรรสร้าง 3
เธอรับรู้ว่าร่างกายเขาที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ผ่านเสื้อคลุมตัวหลวมของเขา…
เนื่องจากจิตใจกู้ซีจิ่วมุ่งหมายแต่จะทำให้เขาหน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรงขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่ได้ใคร่ครวญถึงเรื่องอื่นชั่วคราว เอาจริงเอาจังเสมือนที่กระทำเองราวต่างๆ เมื่อเธอรู้สึกพอสมควรแล้ว จึงเงยห้าขึ้นมานิดๆ ใช้พวงแก้มของตนถูไถใบหน้าเขา รู้สึกปรีดาเมื่อพบว่าใบหน้าเขาร้อนกว่าตน…
เธอเชิดหน้าขึ้นดั่งผู้มีชัย “ท่านหน้าร้อนผ่านใจเต้นแรงแล้ว…” ทว่าวินาทีที่มองเห็นแววตาเขาก็หยุดชะงักลง!
แววตาเขาราบเรียบดั่งมหาสมุทรยามราตรี ทว่าด้านในกลับมีคลื่นใต้น้ำที่โหมเชี่ยว “เด็กน้อย ตาข้าแล้ว!”
สองแขนพลันออกแรง กดร่างเธอลงให้แนบชิดสนิทแน่นกับเขา…
ด้วยเหตุนี้ ทั้งร่างกู้ซีจิ่วจึงถูกยึดไว้ในอ้อมอกเขา อุณหภูมิในร่างเขาสูงมาก โอบล้อมเธออย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็พลิกตัวอีกครั้ง กู้ซีจิ่วพลิกหมุนรอบหนึ่ง ตัวคนถูกเขากดไว้ใต้ร่าง…
เลยเถิดไปใหญ่แล้ว!
หน้ากู้ซีจิ่วร้อนวาบ คิดดิ้นรนตามสัญชาตญาณ ทว่าริมฝีปากเขากลับทาบทับลงมาแล้ว
ริมฝีปากเขาไม่ได้ทาบลงบนปากเธอ แต่ทาบลงบนติ่งหูเธอก่อน เหมือนตอนที่เธอจุมพิตเขาก่อนหน้านี้ อมติ่งหูเธอไว้แล้วแทะเล็มเบาๆ…
นั่นคือจุดอ่อนไหวของเธอ สมองกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังตูม ขาวโพลนไปครู่หนึ่ง จุดที่แนบชิดกับริมฝีปากเขาไวต่อสัมผัสอย่างน่าประหลาด รู้สึกร้อนวูบวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่าง…
“ไม่…” เธอคิดจะผลักเขาออก แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับคล้ายเสียงคราง เธอกัดริมฝีปากไว้ทันที หน้าร้อนลวกเหมือนไข่ต้มสุก
ริมฝีปากยังคงไล่ต่ำลงไปอีก จุมพิตปรางแก้มเธอ ปลายคาง ลำคอ กระดูกไหปลาร้า…
จุมพิตนั้นแผ่วเบาดุจผีเสื้อแบบเดียวกับเธอเมื่อครู่นี้ ราวกับห่อหุ้มพายุไว้ แต่ก็ดูอ่อนโยนสง่างามดั่งตัวเขา ทว่าเนื้อในกลับแข็งกร้าวหญิงผยอง ไล่ต้อนเธอให้ปราชัยไปทีละขั้นๆ ไม่อาจครุ่นคิดหาหนทางต่อไปได้…
อุณหภูมิรอบข้างพุ่งสูงขึ้นอ่างรวดเร็ว ในสมองกู้ซีจิ่วสับสนวุ่นวาย ทว่าสัมผัสถึงลมหายใจของเขาได้ชัดเจน ตัวเขาร้อนระอุ ลมหายใจเขาสับสนวุ่นวายเหมือเธอ
สถานที่แห่งนี้คือวังบาดาลที่เขาสร้าง ไม่มีคนอื่นอยู่ มีเพียงเขาและเธอ
จันทราบนฟากฟ้าทั้งใหญ่ทั้งกลม ดวงดาราส่องสกาว เมฆขาวพลิ้วลอยบนนภา ดั่งม่านไหมที่เริงรำบนฟากฟ้า
บุปผาผลิบานรอบกายคนทั้งสอง กลิ่นหอมรวยรินล่องลอยไปตามสายลม…
คืนเดือนเพ็ญเช่นนี้ ในวังบาดาลแห่งนี้ เขาและเธอสามารถทำตามความปรารถนาที่แท้จริงได้ ไม่ต้องเกรงว่าจะถูกผู้ใดพบเห็นและซุบซิบนินทา…
เธอชอบเขา ไม่ทราบว่านำหัวใจไปผูกไว้บนร่างเขาตั้งแต่ตอนไหน ไม่เข้าใจตัวเองมาโดยตลอด และอาจเป็นเพราะเนื้อในไม่อาจแบกรับความเสี่ยงได้จึงไม่กล้าให้ตัวเองเข้าใจ เมื่อเธอรู้ตัวอีกทีเธอก็ไม่อาจหักใจจากเขาได้แล้ว เริ่มถลำลึกลงไปแล้ว ไม่อาจถอนเท้าออกได้อีก…
แนบชิดกับเขาหนึ่งวันก็ยิ่งถลำลึกลงไปอีกหนึ่งก้าว เธอเคยเกลียดความรู้สึกถลำลึกเช่นนี้ยิ่งนัก เนื่องจากความรู้สึกนี้ควบคุมไม่ได้ ทำให้เธอค่อนข้างกลัว ดังนั้นเธอจึงเคยหลีกหนี เคยทำให้ตัวเองปล่อยมือ
แต่เธอปล่อยไม่ได้ ยิ่งหลีกลี้ก็ยิ่งถลำลึก ยิ่งหลีกลี้ก็ยิ่งคะนึงหาเขา…
จวบจนวันนี้ จวบจนยามนี้
เธอย่อมทราบดีว่าถ้าปล่อยตัวปล่อยไปในยามนี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอถึงขั้นสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของร่างกายเขาได้ สัมผัสถึงความแข็งขืนและร้อนผ่าวอย่างแท้จริงของเขา จิตใจเธอก็รุ่มร้อนยิ่งนัก ว่างเปล่ายิ่งนักเช่นกัน เลือดลมในร่างพลุ่งพล่าน คลุ่มคลั่งด้วยความปรารถนา ปรารถนาจะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา…
ในสมองเธอว่างเปล่า สติปัญญาที่เคยคิดคำนวณอย่างปราดเปรื่องหยุดทานอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงสัญชาตญาณที่แผดเผากาย…
————————————————————————————-