ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 929-930
บทที่ 929 หิมะซานภาใส จันทร์ลอยเด่น
จิ้งจอกน้อยต้องการสหายร่วมกลุ่มที่สอดประสานกับนางได้เป็นอย่างยิ่ง และอิงเหยียนนั่วผู้นี้สำหรับนางแล้วถือเป็นสายฝนที่ตกลงมาทันท่วงที หลังจากเข้าร่วมกลุ่มของตนประสานงานกันเพียงเล็กน้อย ก็สามารถก้าวตามพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองทัน เมื่อทั้งสามคนสอดประสานกันแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เลย สามารถต่อยตีจนกลุ่มอื่นหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้…
กู้ซีจิ่วยินดีนัก ในที่สุดก็ไม่ต้องมองจิ้งจอกน้อยเป็นทุกข์เซื่องซึมอีกต่อไปแล้ว
….
หิมะเพิ่งตกอย่างหนัก
หิมะซานภาใส จันทร์ลอยเด่น
กู้ซีจิ่วผลักเบาๆ ให้ประตูบานใหญ่เปิดออก แล้วก้าวเท้าเข้าไปเรือน
ที่นี่คือสถานที่ที่ตี้ฝูอีเคยพักอาศัย หลังเขาจากไปที่นี่ก็ถูกปิดไว้ นอกจากกู้ซีจิ่วแล้วไม่มีบุคคลอื่นได้เข้ามา
ตี้ฝูอีนิสัยประหลาด สถานที่ของเขาไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าออกตามอำเภอใจ ดังนั้นหลังจากเขาจากไป กู่ฉานโม่จึงไม่ได้ส่งศิษย์มาปัดกวาดตามกิจวัตรประจำวัน
กลับเป็นกู้ซีจิ่วที่ส่วนใหญ่จะมาเดินเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ทุกสองสามวัน
มาปัดกวาดเช็ดถูที่นี่ เก็บกวาดบ้านเรือน
สถานที่แห่งนี้เธอเคยใช้ร่างของตี้ฝูอีพักอยู่กว่าครึ่งเดือน และเป็นที่พักพิงทางความรู้สึกด้วย โดยเฉพาะเมื่อตี้ฝูอีจากไป เธอจะมาที่นี่ทุกครั้งที่คิดถึงเขา…
คืนนี้เธอนอนไม่ค่อยหลับอีกแล้ว จึงตรงมาที่นี่
จันทรานวลกระจ่างดั่งแผ่นจานแขวนลอยอยู่ตรงนั้น เป็นคืนจันทร์เพ็ญอีกคืนหนึ่ง แต่ที่นี่ยังคงว่างเปล่าเช่นที่ผ่านมา
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนคาคบไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในลานเรือน มองกำไลบนข้อมือ จากนั้นก็มองจันทราบนฟากฟ้า “ตี้ฝูอี เจ้าบอกว่าเจ้าขอเวลาหนึ่งปี อีกหนึ่งปีให้หลังจะมาพบข้า แต่ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีห้าเดือนแล้ว เจ้ายังคงไร้ซึ่งข่าวคราว เจ้าผิดผิดนัดแล้ว!”
ไม่มีใครเอ่ยตอบเธอ กำไลสีทองบนข้อมือวงนั้นส่องประกายล้อแสง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เช่นกัน
เธอหัวเราะเบาๆ หยิบน้ำสุราขึ้นดื่มอึกหนึ่ง
สุราที่ดื่มอยู่ในปากนั้น ค่อนข้างขมเฝื่อนนิดๆ
หนึ่งปีกว่านี้เธอยุ่งยิ่งนัก ยุ่งกับการฝึกฝนยุ่งกับการเล่าเรียนยุ่งกับการฝึกฝนวิชาหลอมโอสถ ยุ่งกับการประดิษฐ์คิดค้น วุ่นวายหัวหมุนเหมือนลูกข่างทุกวัน
เธอเคยชินกับการเก็บความรู้สึกไว้ ดังนั้นคนนอกจึงมองไม่ออกว่าเธอมีอะไร และสิ่งที่ควรทำเธอก็ยังทำไปตามปกติ ทำตัวสดชื่นกระฉับกระเฉงทุกวัน ไม่มีใครรู้ว่าในใจเธอมีความคิดที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ เอ่อล้นกัดเซาะ…
มีเพียงยามราตรีที่ผู้คนหลับใหล เธอถึงอนุญาตให้ตัวเองปลดปล่อยออกมาเล็กน้อย มาคิดถึงเขาอยู่ที่นี่
เธอนั่งกอดเข่าครุ่นคิด ที่แท้รสชาติของความคิดถึงเป็นนี้นี่เอง เสมือนมีบางอย่างกัดแทะหัวใจ ฟุ้งซ่านเล็กน้อยในสมองก็เต็มไปด้วยเขา…
กู้ซีจิ่วเคาะกำไลบนข้อมือ “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ที่แท้เจ้าไปมุดอยู่ซอกหลืบรูไหนกัน? ดีชั่วอย่างไรก็ส่งข่าวมาบอกข้าบ้างสิว่ายังปลอดภัยดี! เจ้าเคยบอกว่ารอจนถึงตอนที่ข้าอายุสิบแปดจะมาสู่ขอข้า เจ้าคงไม่รอจนข้าอายุสิบแปดถึงค่อยมาพบข้ากระมัง?!”
กำไลย่อมไม่สามารถเอ่ยตอบเธอได้ เธอถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง ดื่มสุราเข้าไปอีกอึก
เป็นเพราเขาผิดนัด ครึ่งปีมานี้เธอจึงใช้สารพัดวิธีสืบถามข่าวคราวของเขา จนปัญญาที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดทราบร่องรอยของเขาเลย แม้แต่สี่ผู้คุ้มกันของเขาก็เหมือนจะหายตัวไปด้วย สาบสูญไร้ร่องรอย
อย่าว่าแต่หนึ่งปีครึ่งเลย สถิติที่ยาวนานที่สุดของเขาคือหายตัวไปห้าปี! ยามนั้นทุกคนล้วนนึกว่าทูตสวรรค์ฝฝ่ายซ้ายผู้นี้ประสบเคราะห์กรรมบางอย่างที่ไม่อาจเดาได้ไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าหี้ให้หลังเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างลอยชาย…
ดังนั้นการหายตัวไปครั้งนี้ของเขา ไม่มีผู้ใดเก็บมาใส่ใจเลย หมดโลกนี้คงมีเพียงกู้ซีจิ่วที่ร้อนรนกับการหายไปครั้งนี้ของเขา…
————————————————————————————-
บทที่ 930 เจ้าได้ยินเรื่องราวมาไม่น้อยเลยจริงๆ
“ตี้ฝูอี พอเจ้าได้ใจสตรีก็หนีหน้า! หรือเจ้าจะเป็นอย่างที่อาจารย์ใหญ่กู่ว่าไว้ ชอบฉกชิงคนรักของผู้อื่น พอฉกชิงมาได้ไม่สดใหม่อีกแล้ว ก็ปล่อยมือ…ทำให้ข้าผู้เฒ่าต้องชอกช้ำระกำใจอยู่ที่นี่…”
สุราเข้าย้อมใจ เธอดื่มเข้าไปมากมายโดยไม่ทันรู้ตัว อดไม่ได้จึงเตะลำต้นไปทีหนึ่ง แรงเตะทำให้หิมะบนต้นไม้ร่วงกราวลงมา
ใต้ต้นไม้มีคนผู้หนึ่งจามขึ้นมา กู้ซีจิ่วมองลงไปแวบหนึ่ง เห็นว่าใต้ต้นไม้มีเด็กหนุ่มในชุดสีม่วงอ่อนผู้หนึ่งยืนอยู่ เด็กหนุ่มสง่างามดั่งต้นหยก กำลังเงยหน้ามองเธอ “มิน่าเล่าไปจนทั่วก็ยังหาเจ้าไม่พบ ที่แท้วิ่งมาดื่มสุราย้อมใจอยู่ที่นี่”
เป็นอิงเหยียนนั่ว สหายร่วมกลุ่มของเธอในระยะนี้
เขาเหินกายขึ้นมา มองไม่เห็นว่าท่าทางเป็นอย่างไร ก็ร่อนลงบนคาคบไม้ใกล้ตัวกู้ซีจิ่วแล้ว นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
บนร่างของอิงเหยียนนั่วก็มีกลิ่นหอมติดกายเช่นกัน เป็นกลิ่นหอมเย็นๆ ที่อ่อนจาง สงบบริสุทธิ์ คล้ายกลิ่นหอมบนร่างตี้ฝูอียิ่งนัก แต่มีส่วนแตกต่างกันมาก ราวกับขาดเครื่องหอมชนิดหนึ่งไป กลิ่นหอมจึงเจือจางไปหน่อย ซ้ำยังมีกลิ่นไผ่สายหนึ่งเพิ่มเข้ามาด้วย
ทกครั้งที่กู้ซีจิ่วเข้าใกล้เขาจะรู้สึกสนิทสนมกับธรรมชาติมากเป็นพิเศษ อากาศสดชื่อกว่ายามปกติหลายเท่า
“ดึกดื่นค่อนคืนแล้วเจ้าตามหาข้าทำไม?” กู้ซีจิ่วอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่อยากพูดกับเขาให้มากความ
อิงเหยียนนั่วใช้แขนข้างหนึ่งยันไว้บนขา ตอบอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “อยากมาดื่มสุรากับเจ้า”
กู้ซีจิ่วในยามนี้ย่อมไม่ปฏิเสธการดื่มสุรา เธอโยนน้ำเต้าสุราให้เขาอย่างใจก้างยิ่ง “มา ดื่มนี่สิ ดีกรีแรงพอ!”
อิงเหยียนนั่วเปิดจุกน้ำเต้าออก เงยหน้าดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ยกนิ้วชื่นชม “สุราดี!” จากนั้นก็เพ่งพิศเธอแวบหนึ่ง “เจ้าพกสุราติดตัวมากน้อยเพียงใด?”
“มากมาย เพียงพอจะกรอกเจ้าให้เมาหัวทิ่มได้สิบแปดรอบ!” กู้ซีจิ่วตบถุงเก็บของตนเล็กน้อย
เธอชอบสุรา ในถุงเก็บของใบนี้บรรจุสุราเลิศรสไว้ไม่น้อย ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เธอซื้อหามายามออกไปปฏิบัติภารกิจด้านนอก และส่วนมากเป็นสุราดีกรีสูง
คนทั้งสองนั่งอยู่บนคาคบไม้ดื่มสุราแบบเจ้าคำข้าคำ
“ลูกพี่กู้ เจ้ามีเรื่องในใจใช่ไหม?” ดวงเนตรของอิงเหยียนนั่วดังระลอกคลื่น มองดูเธอ
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วพลางเอ่ยตอบ “ข้าจะมีเรื่องในใจอันใดได้?”
อิงเหยียนนั่วยิ้มแวบหนึ่ง “เห็นข้าวของแล้วคะนึงถึงตัวคนหรือ?” เขากวาดตามองรอบเรือนนี้แวบหนึ่ง “ได้ยินว่าเจ้าสนิทสนมกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างยิ่ง…นี่เป็นเรือนของเขากระมัง? ท่านมาดื่มสุราที่นี่น่าจะเป็นเพราะคิดถึงเขา…”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน ดื่มสุราเข้าไปอึกหนึ่ง ค่อยเอ่ยว่า “เจ้าได้ยินเรื่องราวมาไม่น้อยเลยจริงๆ!”
จากนั้นก็ดื่มสุราอีกอึก “เจ้าช่างชอบเรื่องซุบซิบเหลือเกิน เพียงแต่ตรรกะของเจ้าไม่ถูกต้อง หากยึดตามตรรกะของเจ้า ข้ามาดื่มสุราที่เรือนนี้คือคิดถึงเขา เช่นนั้นหากข้าไปดื่มสุราริมทะเลมิใช่คิดถึงกุ้งหอยปูปลานในทะเลหรอกหรือ?”
อิงเหยียนนั่วนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ถามยิ้มๆ “แล้วคิดถึงเขาจริงไหมล่ะ?”
ในใจกู้ซีจิ่วเกิดโทสะ “เหลวไหล! ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้ามาดื่มสุราที่นี่เพราะว่าที่นี่เงียบสงบ ไม่มีคนมารบกวน นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าจะตามมาถึงที่นี่ได้ สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกล่วงล้ำเข้ามา หากอาจารย์ใหญ่กู่ทราบว่าเจ้าเข้ามา เขาต้องลงโทษให้เจ้าคุกเข่าบนกระดานตะปูเป็นแน่!”
“ไม่กลัวหรอก หัวเข่าข้าด้านพอ ไม่กลัวการคุกเข่าเช่นนั้น” อิงเหยียนนั่วไม่แยแส ตบน้ำเต้าสุรานิดๆ “หนนี้ข้ามาเพื่อสละชีพร่วมกับสุภาพชน พรุ่งนี้ไม่มีเรียน วันนี้พวกเราก็ร่ำสุรากันอย่างไม่เมาไม่หยุดเถิด”
“ได้ ไม่เมาไม่หยุด!” กู้ซีจิ่วโยนน้ำเต้าสุราที่กลวงเปล่าลงพื้นเสียงดังตุบ คราวนี้เธอสิ่งที่เธอหยิบออกมาคือไหใหญ่ใบหนึ่ง…
วันมะรืนพวกเขาต้องออกไปทำภารกิจ ดังนั้นกู่ฉานโม่จึงให้พวกเขาหยุดเรียนหนึ่งวัน ต่อให้คืนนี้กู้ซีจิ่วดื่มจนกลายเป็นผีเมามาย ก็ไม่ทำให้เรื่องราวอันใดในวันพรุ่งล่าช้า
————————————————————————————-