ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 947-948
บทที่ 947 ข้าจะแบกเขาต่อสักพัก
หลังจากเขาบาดเจ็บ เยี่ยนเฉินกับเล่อชิงซิ่งก็ผลัดกันแบกเขาอยู่ตลอด เนื่องจากเยี่ยนเฉินวรยุทธ์สูงส่ง ดังนั้นระยะเวลาที่เยี่ยนเฉินแบกเขาจึงนานกว่า
ทุกคนหนีเอาชีวิตรอดจนเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ข้าวไม่ได้กล้ำน้ำไม่ได้กลืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แถมเยี่ยนเฉินยังต้องดูแลจิ้งจอกน้อยด้วย ดังนั้นเขาจึงเหนื่อยล้าที่สุด ยามนี้เขาแบกเชียนหลิงอวี่ไว้บนหลัง มือซ้ายกอดเสาธง มึงขวาดึงจิ้งจอกน้อยไว้ หยาดเหงื่อไหลไปตามกรอบหน้าเขาคล้ายจะกลิ้งหยดลงไปด้านล่าง…
ผีดิบชุดขาวที่อยู่เบื้องล่างเหล่านั้นคำรามโหยหวนอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยความโกรธเกรี้ยว ปรารถนาจะลากคนบนเสาธงมา
โชคดีว่าตำแหน่งที่ทั้งหกคนเกาะอยู่ค่อนข้างข้างสูง ผีดิบชุดขาวพวกนั้นจึงเข้าไม่ถึงตัวพวกเขาชั่วคราว ผีดิบชุดขาวเหล่านี้คล้ายจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง พวกมันเอื้อมไม่ถึงกลุ่มคน จึงเริ่มทุบโคนเสาธง ทุบจนเสาธงต้นนั้นสั่นไหวไม่หยุด เสาธงที่ทนทานถึงเพียงนั้นถูกพวกมันเขย่าจนส่งเสียงดังกึกๆ และทำให้ทั้งหกคนที่เกาะอยู่บนเสาเกือบจะหล่นลงไป
ครั้งหนึ่งในขณะที่สั่นไหว ข้อมือเยี่ยนเฉินพลันลื่น ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตระหนกของทุกคน ร่างกายไถลลงไปหนึ่งจั้ง โชคดีที่เขาเกาะเสาธงไว้สุดชีวิต หวุดหวิดไปอีกครา
เรี่ยวแรงเขาถดถอยลงไปมากแล้วจริงๆ…
เล่อชิงซิ่งก็ไถลตัวลงมาหนึ่งจั้งเช่นกัน ยื่นมือไปคว้าตัวเชียนหลิงอวี่บนหลังเยี่ยนเฉิน “ข้าจะแบกเขาต่อสักพัก!”
ทันทีที่เห็นใบหน้าของเชียนหลิงอวี่ ตัวคนก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีนิดๆ
เชียนหลิงอวี่รู้สึกว่าสมองมึนงงขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าสองแขนตนแข็งกระด้าง เขาหลับตาลง ยามที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าดวงตาของจิ้งจอกน้อยที่อยู่ใกล้ๆ เบิกกว้าง สายตาที่มองเขาค่อนข้างหวาดผวา
เขาใจหายวาบ ดวงตาคู่นั้นของจิ้งจอกน้อยใสกระจ่าง ในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าของตนอย่างชัดเจนแล้ว…
ทันใดนั้นหัวใจเขาราวกับถูกคนแช่แข็ง ดิ่งฮวบทันที!
นี่ตนกำลังจะกลายเป็นผีดิบใช่ไหม?
เขาหลุบตามองสองมือตน เล็บมือเขียวคล้ำ เริ่มงอกยาวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
กำลังจะหลายเป็นผีดิบจริงๆ สินะ…
ไม่ เขายอมถูกผีดิบที่อยู่ข้างล่างพวกนั้นฉีกกระชาก แต่ไม่ยอมกลายเป็นตัวประหลาดเช่นนั้น!
เขายิ้มเศร้าๆ แวบหนึ่ง สายตามองไปที่จิ้งจอกน้อย “อย่ากลัวเลย…ฝากบอกซีจิ่วด้วยว่าข้าขอโทษนาง…เจ้ารักษาตัวด้วยนะ!”
พลางหลับตาลง ปล่อยสองแขนออกทันที ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนกของทุกคน ร่างกายเขาดิ่งสู่เบื้องล่าง!
“เชียนหลิงอวี่!” หลานไว่หูกรีดร้อง โก่งเสียงร้องจนเส้นเสียงแทบเพี้ยน
ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็พุ่งเข้ามาดั่งสายฟ้าแลบ รับตัวเชียนหลิงอวี่ที่ร่วงหล่นอยู่กลางอากาศไว้ จากนั้นก็พลิกหมุนอย่างดงาม คนผู้นั้นหิ้วเชียนหลิงอวี่ไปหยุดอยู่กลางเสาธง
วินาทีที่เชียนหลิงอวี่มองเห็นผู้ที่รับตนอย่างชัดเจน ดวงตาพลันเบิกกว้าง เรียกด้วยเสียงสั่น “ซีจิ่ว!” หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากหางตาทันที
ในขณะเดียวกันนี้ เงาร่างอีกสายหนึ่งก็มาถึงแทบจะพร้อมกัน เป็นอิงเหยียนนั่ว เขายื่นมือไปหมายจะรับเชียนหลิงอวี่มา “ซีจิ่ว ส่งเขามาให้ข้า…”
กู้ซีจิ่วที่หิ้วเชียนหลิงอวี่ไว้หมุนตัวคราหนึ่ง หลบหลีกมือของอิงเหยียนนั่ว “เจ้าอย่าขยับ เขาถูกพิษแล้ว!”
จิ้งจอกน้อยที่อยู่ด้านบนก็ตะโกนออกมาด้วยความปรีดาเช่นกัน “ซีจิ่ว! ซีจิ่ว!” ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นคิดจะไถลลงมา เยี่ยนเฉินพยายามรั้งนางไว้ตรงนั้นสุดชีวิต “รออยู่ตรงนี้ก่อน! ข้าจะไปเป็นกำลังเสริมให้นาง!”
เรือนกายไหววูบ ไถลไปอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วทันที เท้าทะยานอากาศถีบผีดิบหลายตนที่หมายจะกระโดดขึ้นมาลงไป!
ตำแหน่งนี้ที่กู้ซีจิ่วหยุดอยู่ค่อนข้างอันตราย ขอเพียงผีดิบชุดขาวเหล่านั้นกระโดดสูงอีกนิดก็สามารถฉวยเท้าเธอได้แล้ว
“ซีจิ่ว เหยียนนั่ว พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ!” เยี่ยนเฉินเอื้อมมือมาดึงเธอ
หยาดน้ำตานองทั่วหน้าเชียนหลิงอวี่ “ซีจิ่ว ได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าตายก็ไม่เสียใจแล้ว…เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าถูกพิษแล้ว…”
————————————————————————————-
บทที่ 948 เช่นนั้นพวกเขายังจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่หรือ
“ข้าไม่อยากกลายเป็นแบบพวกมัน ให้ข้าลงไปสู้ตายกับพวกมันเถอะ…ข้ายอมถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆ แต่ไม่ยอมกลายเป็นตัวประหลาด…”
เขาไม่ได้เอ่ยส่วนท้ายของประโยคออกมา เนื่องจากกู้ซีจิ่วยัดโอสถเม็ดหนึ่งใส่ปากเขาโดยตรง “กลืนลงไป!”
เชียนหลิงอวี่สำลัก เขาไว้ใจนางยิ่งนัก เหยียดคอกลืนลงไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
แต่ลำคอเขาแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว เกือบจะกลืนไม่ลง สมองเริ่มมึนงงขึ้นเรื่อยๆ
“เชียนหลิงอวี่ เจ้าฟังข้านะ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย! นี่คือยาระงับการกลายเป็นผีดิบ เจ้าต้องยืนหยัดไว้เพื่อข้า! หลังจากออกไปแล้วข้าจะช่วยเจ้า! ได้ยินไหม?” กู้ซีจิ่วแทบจะตะโกนใส่หูเขา
จิตใจของเชียนหลิงอวี่ฮึกเหิมขึ้นมาทันที พยายามลืมตาสุดความสามารถ จากนั้นก็พยักหน้า กัดปลายลิ้นไว้สุดชีวิต ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตัวเองมีสติ
“ซีจิ่ว ดินแดนผีสางแห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ ไม่มีหนทางออกใดๆ เลย…” เยี่ยนเฉินบอกเล่าสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
กู้ซีจิ่วมองดูท้องฟ้า “ข้างบนล่ะ?”
เยี่ยนเฉินส่ายหน้า “ข้างบนมีเขตแดน…” เขาเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้ตนซัดฝ่ามือโจมตีเขตแดนออกมา
กู้ซีจิ่วหลุบตามองเสาธงที่กอดไว้ต้นนี้ เสาธงนี้เหล็กก็มิใช่ทองก็มิเชิง เกลี้ยงเกลาอย่างยิ่ง เมื่อกอดไว้ยังรู้สึกอุ่นนิดๆ ด้วย…
“ผีดิบของที่นี่สามารถสังหารได้ ใช้วิธีหักคอพวกมัน!” กู้ซีจิ่วเอ่ยด้วยเสียงลุ่มลึก
เมื่อได้ยินวาจาสายตาของทุกคนล้วนทอประกาย!
เหตุผลที่พวกเขาถูกไล่ต้อนอย่างจนตรอกเช่นนี้ก็เป็นเพราะหาวิธีสังหารเจ้าพวกนี้ไม่ได้ หากว่ามีวิธีสังหารพวกมัน เช่นนั้นพวกเขายังจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่หรือ?!
“การหักคอพวกมันต้องได้องศาที่เหมาะสม ต้อง…” ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังเอ่ยขั้นตอนลงมือ อิงเหยียนนั่วที่อยู่ข้างกายก็โผลงไปข้างลงแล้ว “ข้าจะทำเป็นตัวอย่างให้!”
เขาเคลื่อนไหวว่องไวปานฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็พุ่งไปถึงด้านหลังของผีดิบตนหนึ่ง ยื่นแขนออกไป ออกแรงบิดอย่างคล่องแคล่ว…
คอของผีดิบตนนั้นถูกบิดจนหัก ล้มลงพื้นทันที
คนที่เหลือมองแล้วฮึกเหิมเร่าร้อนขึ้นมา จางฉูฉู่ไถลลงมาจากเสาธง “ยังจะรออะไรอีกเล่า?! ฆ่าไอ้ลูกหลานบัดซบพวกนี้กัน!”
นางชิงชังผีดิบเหล่านี้ยิ่งนัก บัดนี้พอทราบวิธีสังหารพวกมันแล้ว นางจึงระงับกำลังที่ลุกโหมอยู่ในร่างไม่ไหว โฉบลงบนร่างผีดิบตัวหนึ่งโดยตรงราวกับเหยี่ยวก็มิปาน หักคออีกฝ่ายอย่างรุนแรงด้วยวิธีที่ถูกต้องทันที!
ผลคือออกแรงมากเกินไป ทำให้หัวอีกฝ่ายบิดหมุนสามร้อยหกสิบองศา ห้อยร่องแร่งเหมือนกระเป๋าขาดๆ
“ฮ่าๆๆ! มีความสุขนัก!” จางฉูฉู่หัวเราะเสียงดัง พุ่งเข้าหาผีดิบอีกตัวทันที…
เล่อจื่อซิ่ง เล่อชิงซิ่งก็กระโดดลงไปด้วย พวกเขาก็มีโทสะอัดแน่นอยู่เต็มท้องเช่นกัน ต้องการลงไปเตะต่อยระบายโทสะอย่างเร่งด่วน
ความกล้าหาญของหลานไว่หูถูกกระตุ้นขึ้นมาอยากพุ่งลงไปล้างแค้นเหมือนกัน
“จิ้งจอกน้อย เจ้าพาเชียนหลิงอวี่ไปรออยู่ข้างบนเถอะ เยี่ยนเฉิน เจ้านำคนอื่นกวาดล้างผีดิบข้างล่างให้สิ้นซาก กวาดล้างเสร็จก็หาสถานที่ปลอดภัยแล้วให้จิ้งจอกลงไป ข้าจะไปดูเขตแดนนั้นสักหน่อย!”
กู้ซีจิ่วสั่งการไปทีละคน จากนั้นก็ส่งเชียนหลิงอวี่ให้หลานไว่หู ใช้วิชาเคลื่อนย้าย พุ่งขึ้นไปทันที!
ดูเหมือนการมาถึงของพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองจะทำให้ขวัญกำลังใจของทุกคนเข้มแข็งขึ้นมา แม้แต่ดวงตาของจิ้งจอกน้อยก็เบิกกว้างกลมโตขึ้นเช่นกัน อาศัยเรี่ยวแรงมากมายที่คล้ายจะผุดออกมาจากอากาศ ลากเชียนหลิงอวี่ไต่เสาธงขึ้นไปปานลากลูกไก่น้อย ด้วยเกรงว่าเขาจะหมดสติไป จึงตะโกนใส่หูเขา “เชียนหลิงอวี่ ซีจิ่วมาแล้ว พวกเรามีทางรอดแล้ว! เจ้าห้ามยอมแพ้นะ! ได้ยินไหม! ระยะนี้เจ้าทำผิดต่อนางมาโดยตลอด เจ้ายังไม่ได้ขอโทษนางกับปากตัวเองเลย ได้ยินว่านางจะอภัยให้เจ้า…”
————————————————————————————-