ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 949-950
บทที่ 949 ซีจิ่วจะช่วยเขา
เชียหลิงอวี่พยักหน้ารัวๆ ดั่งตำกระเทียม “ข้าจะยืนหยัด! ข้ายืนหยัดได้แน่นอน! ข้ายังต้องฟื้นฟูกลุ่มสามสหายของพวกเรา อันที่จริงข้าฝันว่าอยากจะกลับไปเสมอ…” ยาในร่างเขาค่อยๆ ออกฤทธิ์แล้ว ความเร็วในการกลายร่างเป็นผีดิบชะลอลง แต่เนื่องจากฤทธิ์ของยา เส้นเอ็นและหลอดเลือดทั่วร่างจึงปวดร้าวอย่างมิอาจต้านทานได้ เต้นตุบๆ แต่เขากัดฟันฝืนข่มกลั้นไว้
เขารู้ดี ซีจิ่วจะช่วยเขา และจะช่วยเขาได้แน่นอน!
กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านบนก็ประสบปัญหายุ่งยากเช่นเดียวกับเยี่ยนเฉิน เขตแดนด้านบนเยียบเย็นยิ่งนัก แตะลงไปก็สามารถแช่ผิวหนังให้แข็งจนลอกออกมาได้ โชคดีที่กู้ซีจิ่วเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ใช้กรงเล็บสำหรับปีนเกาะลงไปโดยตรง หลังจากเกาะแน่นแล้ว เธอลงมือด้วยวิธีแบบที่ทำลายเขตแดนก่อนหน้านี้อีกครั้ง ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เช่นเคย
ดูเหมือนวิธีทำลายเขตแดนด้านนอกกับวิธีทำลายเขตแดนด้านในจะไม่เหมือนกัน กู้ซีจิ่วลอบกำหมัด
เขตแดนนี้เธอค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้าง ชาติก่อนตอนเธอเป็นนักฆ่าช่วงที่ติดตามเรียนรู้วิชากู่อยู่ข้างกายปรมาจารย์ ก็ศึกษาวิธีทำลายเขตแดนที่เกิดจากวิชากู่มาบ้าง และเขตแดนที่อยู่เบื้องหน้านี้คล้ายจะเป็นเขตแดนที่เกิดจากการผสมผสานวิชากู่ของยุคปัจจุบันกับเวทวิชาของยุคนี้เข้าด้วยกัน
ผู้คนของยุคนี้ใช้เวลาเนิ่นนานก็ไม่อาจทำลายได้ คงจะมีเพียงคนที่ศึกษาศาสตร์ทั้งสองแขนงมาอย่างเธอถึงสามารถหาทางทำลายได้…
ยังมีผีดิบชุดขาวที่ด้านล่างพวกนั้นอีก มันไม่ใช่ผีดิบแบบในตำนานดั้งเดิม แทนที่จะกล่าวว่าพวกมันเป็นผีดิบมิสู้เรียกว่าซากกู่ดีกว่า เกิดจากกู่บินชนิดหนึ่งคอยบงการควบคุมซากศพ กู้ซีจิ่วเคยมีโชคได้พบเห็นอยู่ครั้งหนึ่ง
เพียงแต่ซากกู่ที่เธอเจอตอนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลิงกอริลลา ยามนั้นซากกอริลลาตัวนั้นเข้าโจมตีเธอ เธอสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาลถึงหาวิธีจัดการสังหารมันได้
ตอนที่เธอเพิ่งบุกเข้ามาพอได้พบผีดิบชุดขาวเหล่านี้ เห็นเห็นรูปลักษณ์และรูปแบบการโจมตีของพวกมัน ก็ทราบแล้วว่าพวกมันคล้ายคลึงกับซากกอริลลาตัวนั้น ดังนั้นเธอจึงสามารถหาวิธีสังหารเจ้าพวกนี้ได้ทันที…
ตั้งแต่กู่ซีจิ่วทราบที่มาของปรมาจารย์กู่คนนั้นรวมถึงเรื่องที่เขายังไม่ตาย ก็ทราบว่าต่อไปคนผู้นี้คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ จะต้องหวนกลับมาอีกครั้งเป็นแน่
ดังนั้นกว่าหนึ่งปีมานี้นอกเหนือจากการฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว เธอยังศึกษาค้นคว้าวิธีการต่างๆ เพื่อต่อกรกับเขา หลอมตัวยาบางอย่างที่สัมพันธ์กันเตรียมไว้ข้างกาย ตอนนี้ได้ใช้การแล้วจริงๆ!
เพียงแต่เขตแดนนี้พิสดารยิ่งนัก ดูท่าว่าเธอจะทำลายจากด้านในไม่ได้ คงต้องหาตาค่ายให้เจอ
สถานที่แห่งนี้โหดร้ายเกินไป หากไม่ทำลายทิ้งเสีย ภายหน้าไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยเพียงใดที่หลงเอาชีวิตเข้ามาทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นครั้งนี้เธอไม่เพียงแต่ต้องพาคนของเธอออกไปเท่านั้น ยังต้องหาทางพังที่นี่ให้ย่อยยับไปอย่างสมบูรณ์ด้วย!
“มีวิธีไหม?” ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังขบคิดอยู่ตรงนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ตัว ทำให้เธอสะดุ้งโหยง
เธอปรายตามองแวบหนึ่ง อิงเหยียนนั่วลอยอยู่ข้างกายเธอ เขาใช้แขนเสื้อเกาะเขตแดนไว้เพื่อค้ำน้ำหนักตัว
แววตากู้ซีจิ่วไหวนิดๆ ด้วยวรยุทธ์ของเธอ ยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าอิงเหยียนนั่วเหาะมาถึงข้างกายเธอตั้งแต่ตอนไหน
วรยุทธ์ของเจ้าเด็กนี้ประหลาดนัก!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพลังยุทธ์คือพลังวิญญาณขั้นหกกับอีกสองส่วน แต่สามารถสำแดงกระบวนท่าที่อยู่ในระดับผู้มีพลังวิญญาณขั้นแปดได้ ศาสตร์บางอย่างสูงส่งจนน่าเหลือเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นศาสตร์ด้านการสืบรอยจับตามองคน…
กู้ซีจิ่วก็เป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนประหลาดใจอยู่บ่อยครั้งคนหนึ่ง แต่เธอรู้สึกว่าเจ้าเด็กที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เป็นปาฏิหาริย์ในปาฏิหาริย์อีกที ความสามารถคล้ายว่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่ยามปกติเหมือนแสร้งทำเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ จงใจทำตัวอ่อนแอ…
ที่แท้เขาเป็นใครกัน?
พฤติกรมยามปกติของเขาไม่เหมือนเด็กอายุสิบห้าเลยจริงๆ รอบรู้มากกว่าเด็กในวัยนี้ คงมิใช่ว่าทะลุมิติมาเหมือนกันกระมัง?!
————————————————————————————-
บทที่ 950 เหนียวหนึบยิ่งกว่าแผ่นยาหนังสุนัข
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างวิตกจริตแล้ว เห็นใครผิดเพี้ยนไปหน่อยก็นึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ทะลุมิติมา…
อิงเหยียนนั่วถูกเธอมองจนหนังศีรษะชา จึงเลิกคิ้วเอ่ยถาม “เป็นอะไร?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ทำไมเจ้าไม่อยู่กวาดล้างผีดิบที่ด้านล่างกับพวกเขา แล่นขึ้นมาข้างบนทำไม?”
อิงเหยียนนั่วกระแอมคราหนึ่ง “ข้างล่างมีพวกเขาเก็บกวาดก็พอแล้ว ข้าขึ้นมาดูว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม…”
หน้าที่ที่นายท่านมอบหมายให้เขาคืออยู่กับนางตลอดเวลา โดยเฉพาะยามที่มีอันตราย
ดังนั้นมู่เตี่ยนจึงตามติดกู้ซีจิ่วเป็นพิเศษ เหนียวหนึบยิ่งกว่าแผ่นยาหนังสุนัข
สี่ทูตที่ติดตามอยู่ข้างกายท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศทุกคน เป็นคนที่ท่านเทพศักดิ์ค่อยๆ เสาะหามาจากทั่วสารทิศ
ทุกคนไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณ เชี่ยวชาญการต่อสู้ มีทักษะรอบด้านเท่านั้นยังเป็นสิบแปดมงกุฎอีกด้วย ในช่วงคับขันแสร้งทำตัวองอาจหรือขายความน่ารักก็ได้
สามารถเล่นเป็นตัวโง่งมน้อยที่ทำอะไรไม่เป็นเลยได้ และสามารถเล่นเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งที่เก่งกาจเหนือสามัญได้
ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเลิศล้ำและแข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์สวรรค์เสียอีก เพียงแต่ไม่มีผู้ใดทราบ
แน่นอนว่าด้านพลังวิญญาณก็เช่นกัน
ทุกคนล้วนบรรลุพลังวิญาณขั้นเก้าขึ้นไป มู่เตี่ยนทราบว่าบทบาทที่ตนแสดงคือผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วน ดังนั้นจึงคอยระมัดระวังเก็บงำพลังที่แท้จริงอยู่ตลอด ทุกกระบวนท่าที่ใช้ล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วนสามารถฝึกฝนและสำแดงออกมาได้ทั้งสิ้น
แต่อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพของเขา ถึงแม้กระบวนท่าจะเป็นของขั้นหกสองส่วน แต่อานุภาพที่สำแดงออกมาก็ยังคงสูงมากอยู่ดี
พลังสายตา ความเร็วในการตอบสนอง รวมถึงพละกำลังล้วนสมบูรณ์เหมาะเจาะไปหมด
เขารู้สึกว่าตัวเองเล่นได้เหมือนมากแล้ว แต่แววตาที่กู้ซีจิ่วมองมาคล้ายว่าจะค่อนข้างสงสัยในตัวเขาบ้างแล้ว…
เขาค่อยๆ ออกห่างเธอเล็กน้อยอย่างไร้สุ้มเสียง มองเขตแดนที่อยู่ด้านบน “ใช้วิธีก่อนหน้านี้ของเจ้าทำลายได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ได้ ต้องตามหาตาค่ายข้างล่างแล้วทำลาย เจ้ามีวิธีดีๆ บ้างไหม?”
มู่เตี่ยนก็เป็นมือดีด้านการทำลายเขตแดนเช่นกัน เขาใคร่ครวญอยู่ว่าหากใช้กระบวนท่าของขั้นเก้ามาฝืนทำลาย น่าจะทำลายกระดองเต่านี้ได้ แต่แบบนั้นคงจะเป็นการเปิดโปงอย่างสิ้นเชิง…
ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่มี!”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง สูดหายใจเบาๆ “เช่นนั้นพวกเราลงไปคิดหาทางกันเถอะ!” พลันเคลื่อนย้ายลงไปข้างล่างเสียงดังวิ้ง
มู่เตี่ยนสบถออกมาคำหนึ่ง วิชาตามรอยของเขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเลิศ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการติดตามเป้าหมายที่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายนั้นค่อนข้างกินแรงอยู่บ้าง…
เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะเกิดอุบัติเหตุ จึงกระโจนพรวดลงไปทันที
ด้านล่างพวกเยี่ยนเฉินกวาดล้างจนได้ที่ว่างผืนหนึ่งแล้ว ผีดิบชุดขาวส่วนหนึ่งล้มตายเกลื่อนกลาด หลานไว่หูกอดเชียนหลิงอวี่นั่งอยู่ใต้เสาธง กำลังรออย่างกระวนกระวาย
เดิมทีก็เป็นฤดูหนาวอยู่แล้ว ซ้ำอุณหภูมิของที่นี่ยังต่ำกว่าโลกภายนอกหลายองศา เชียนหลิงอวี่ได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ความเร็วในการเปลี่ยนเป็นผีดิบจะชะลอลงแล้ว แต่ร่างกายก็กลายเป็นอ่อนแอลงมาก ค่อนข้างไม่ถูกกับอากาศหนาวยิ่งนัก ใบหน้าซีดเขียวดั่งคนตาย หนาวปากคอสั่นฟันกระทบกันกึกๆ
หลานไว่หูทนไม่ไหวจึงกอดเขาไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้ความอบอุ่น ซ้ำยังดึงผ้าคลุมขนเตียว (ขนมิ้งค์) บนร่างออกมาห่มให้เขาด้วย ไม่ลืมจะเอ่ยปลุกขวัญเขา “เชียนหลิงอวี่ ยืนหยัด ยืนหยัดไว้! อย่ากลายเป็นตัวประหลาดนะ!”
เชียนหลิงอวี่ไม่อยากให้นางกอด พยายามจะเขยิบออกสุดกำลัง “อย่า…อย่าเข้าใกล้ขนาดนี้ ข้ากลัวว่าหากควบคุมไว้ไม่อยู่…จะข่วนเจ้าบาดเจ็บได้…”
หลานไว่หูพยายามควบคุมเขาอย่างเต็มที่ “เจ้าต้องยืนหยัดไว้จะได้ไม่ข่วนข้าจนบาดเจ็บ…” เธอทุ่มเทกำลังกว่าเดิมปกป้องเขาไว้ในวงแขนอย่างแน่นหนา ซ้ำยังจับมือเย็นเฉียบที่เริ่มเป็นสีเขียวคล้ำของเขาไว้ “อย่ากลายเป็นผีดิบนะ ถ้ากลายเป็นผีดิบข้าจะเป็นคนแรกที่เจ้าทำร้าย…แน่นอนว่าเจ้าหักใจทำไม่ลงหรอกใช่ไหม?”
————————————————————————————-