ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 951-952
บทที่ 951 นางจะอ่อนแอต่อไปไม่ได้แล้ว
“จิ้งจอกน้อย…” จมูกของเชียนหลิงวี่แสบร้อน เขาเคยทอดทิ้งสหายทั้งสองเพราะความเคียดแค้นชิงชังของบ้านเมือง แต่สหายทั้งสองของเขากลับไม่เคยทอดทิ้งเขาเลย
ช่วงที่ผ่านมานี้เมื่อจิ้งจอกน้อยเห็นเขาจะร้องเหอะคราหนึ่งแล้วเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ไม่แต้แต่จะทักทายเขา เขายังนักว่านางคงเกลียดเขาไปแล้ว ที่แท้ยามตกอยู่ในอันตรายเข้าจริงๆ นางยังคงห่วงใยเขายิ่งนัก ยอมสละชีวิตเพื่อเขาได้!
อันที่จริงในสมองเขาประเดี๋ยวก็แจ่มใสประเดี๋ยวก็เลอะเลือน เล็บมือก็เดี๋ยวงอกเดี๋ยวหด เขาถึงขั้นเกิดความปรารถนาจะฉีกทึ้งทุกอย่าง แต่กลับฝืนข่มตัวเองไว้ตลอด ถึงแม้จะต้องกัดลิ้นเพื่อรักษาสติไว้อยู่บ่อยครั้งก็ตาม…
จิตตานุภาพของมนุษย์ช่างแข็งแกร่งเหนือทุกสิ่งโดยแท้
ยามที่กู้ซีจิ่วร่อนลงมา ได้เห็นว่าถึงแม้สองตาของเขาจะเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง แต่สติสัมปชัญญะกลับแจ่มใสยิ่งนัก ยังส่งยิ้มให้กู้ซีจิ่วด้วย “ซีจิ่ว! ข้างบน…ข้างบนเป็นยังไงบ้าง?”
กู้ซีจิ่วมองน้ำลายที่ไหลยืดของเขา ทราบว่าการกลายร่างเป็นผีดิบของเขาอยู่ในภาวะวิกฤต รอจนรอดออกไปถึงค่อยรักษาเขาไม่ได้แล้ว
เธอสูดหายใจเบาๆ ให้อิงเหยียนนั่วคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง เธอจัดแจงเชียนหลิงอวี่ที่จิ้งจอกน้อยกอดไว้ให้อยู่ในท่าตะแคง ฉีกแขนเสื้อทั้งแขนของเขาออกเสียงดังแควก เผยให้เห็นบาดแผลที่น่าสยดสยองของเขา
บาดแผลนี้ยาวครึ่งฉื่อ ทั้งบวมทั้งดำ โลหิตหนืดข้นสีดำทะลักออกมาจากปากแผล
“เชียนหลิงอวี่ ข้าต้องทำการรักษาเจ้าตอนนี้ จะค่อนข้างเจ็บปวด เจ้าต้องยืดหยัดไว้นะ!” กู้ซีจิ่วจ้องตาเชียนหลิงอวี่
เชียนหลิงอวี่พยักหน้า “ได้ ข้า…ไม่กลัว! เจ้าลงมือได้เต็มที่ลย!”
ยามที่บาดแผลเพิ่งถูกข่วนเกิดอาการเจ็บปวด แต่ต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นด้านชาขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกินยาของกู้ซีจิ่วเข้าไป บาดแผลนั้นกลับเปลี่ยนเป็นไวสัมผัสขึ้นมาอีกครั้ง แตะเพียงนิดก็เจ็บปวดปานโดนแมงป่องต่อย
กู้ซีจิ่วล้วงมีดเงินเล่มหนึ่งออกมา ขณะที่กำลังจะลงมือ ทันใดนั้นก็เห็นว่าใบหน้าของจิ้งจอกน้อยซีดเซียว จึงหยุดการเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง “จิ้งจอกน้อย หันหน้าไปซะ เจ้าอย่ามองเลย!”
จิ้งจอกน้อยค่อนข้างกลัวเลือด จิตใจก็อ่อนแอ กู้ซีจิ่วเกรงว่าถ้านางเห็นขั้นตอนการลงมือแล้วจะเป็นลมไปทันที…
หลานไว่หูส่ายหน้า “ไม่ ซีจิ่ว ข้าจะดู! ข้าจะศึกษาไว้…” นางจะอ่อนแอต่อไปไม่ได้แล้ว นางจะต้องเรียนรู้ทักษะไว้ให้มาก ยามคับขันจะได้ช่วยเหลือสหายได้…
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ “ได้!”
ความยากลำบากทำให้คนเติบโตอย่างรวดเร็ว ในที่สุดหลานไว่หูก็เติบโตขึ้นแล้ว
“จิ้งจอกน้อย เจ้าต้องร่วมมือกับข้า อย่ากลัว ทุกอย่างล้วนมีข้าอยู่!” กู้ซีจิ่วยัดอุปกรณ์ส่วนหนึ่งใส่มือหลานไว่หู
หลานไว่หูพยักหน้าอย่างหนักแน่นดวงตาเบิกขึ้นทั้งกว้างทั้งกลม
อันที่จริงวิธีรักษาของกู้ซีจิ่วค่อนข้างเลือดสาดอยู่บ้าง ต้องกรีดเปิดบาดแผลนั้นอีกครั้ง ขูดเนื้อเน่าทิ้ง เชื่อมต่อหลอดเลือดและเส้นเอ็นเป็นต้น…
การผ่าตัดนี้ทารุณยิ่งกว่าการขูดกระดูกรีดพิษเสียอีก และไม่อาจใช้ยาชาได้
ฝีมือของกู้ซีจิ่วช่ำชองว่องไว พยายามทุกวิถีทางเพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยให้น้อยลง แต่ภายใต้การผ่าตัดครั้งนี้ หยาดเหงื่อเย็นเฉียบหลั่งชโลมทั่วร่างเชียนหลิงอวี่ซ้ำๆ ร่างกายหดเกร็งอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่เขาก็กัดฟันแน่น ไม่ร้องออกมาสักแอะ
ใบหน้าพริ้มเพราของจิ้งจอกน้อยก็ซีดเผือดเช่นกัน แต่นางก็จับจ้องอยู่ตลอดเวลา ไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ ยื่นอุปกรณ์ผ่าตัดบางอย่างส่งให้กู้ซีจิ่วบ้างเป็นครั้งคราว แถมยังช่วยเช็ดเหงื่อให้เชียนหลิงอวี่ด้วย
ตัวยาที่กู้ซีจิ่วให้เชียนหลิงอวี่กินเข้าไปก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่มีฤทธิ์ระงับพิษผีดิบเท่านั้น ยังขับพิษในจุดที่บาดเจ็บได้ด้วย ขัดขวางไม่ให้มันรุกเข้าสู่สมอง
แน่นอนว่าตัวยามีฤทธิ์สกัดกั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะชำระล้างพิษอย่างแท้จริงต้องใช้คู่กับวิธีรักษาแบบพิเศษ ใช้พลังวิญญาณขับออกมาโดยเฉพาะ ค่อยๆ ขับพิษที่กระจายไปทั่วร่างให้ มาอยู่ที่บาดแผลเขา…
————————————————————————————-
บทที่ 952 ต่อไปไม่มีใครคอยแบกเจ้าแล้วนะ
อันที่จริงการรักษาเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก หลังจากเสร็จสิ้นการรักษา กู้ซีจิ่วก้เหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งศีรษะ
ระหว่างขั้นตอนรักษา อิงเหยียนนั่วเฝ้าอยู่ข้างกายพวกเธอสามคนตลอด บางครั้งแนวป้องกันของพวกเยี่ยนเฉินก็ถูกทะลวงแตกบ้าง ผีดิบชุดขาวที่กระโจนเข้ามาใกล้หมายจะโจมตีล้วนตกตายทั้งสิ้น…
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม โลหิตที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเชียนหลิงอวี่เป็นสีแดงแล้ว เล็บมือที่ดำคล้ำของเขาก็กลับมามีสีสันตามปกติ
กู้ซีจิ่วถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เย็บแผลให้เขา จากนั้นก็ทาตัวยาบางอย่างที่สัมพันธ์กันให้แล้วพันแผลไว้
เนื่องจากสถานการณ์ฉุกละหุก เพื่อทำการรักษาให้เชียนหลิงอวี่ กู้ซีจิ่วต้องกึ่งๆ คุกเข่าอยู่ข้างกายเขาตลอด เมื่อผ่าตัดเสร็จ แข็งขาเธอล้วนเมื่อยล้าไปหมด ไอเย็นแทรกเข้าไปในหัวเข่า พอลุกขึ้นมาก็ส่ายโงนเงน
เชียนหลิงอวี่มองเธอด้วยหัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ เบ้าตาแดงก่ำ “ซีจิ่ว!”
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย รีบโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ ต่อไปไม่มีใครคอยแบกเจ้าแล้วนะ!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา
“ได้!” เชียนหลิงอวี่เริ่มนั่งสมาธิโคจรพลังทันที
….
พวกเยี่ยนเฉินวิ่งพล่านอยู่ในเขตแดนนี้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว โดยพื้นฐานย่อมเข้าใจที่นี่อย่างแจ่มแจ้ง ขณะนั้นผีดิบชุดขาวสองสามร้อยตัวไล่ล่าพวกเขา เนื่องจากทราบวิธีสังหารเจ้าพวกนี้แล้ว ทั้งสี่คนจึงลงมือปานหั่นผักหั่นแตงอยู่รอบนอก สังหารได้มากมาย กองระเกะระกะเกลื่อนพื้น
ผีดิบชุดขาวเหล่านี้แต่ละตัวล้วนมิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน เคลื่อนไหวว่องไว กระบวนท่าดุร้าย ซ้ำทุกตัวยังได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่นับว่ารับมือได้ง่ายๆ
เคราะห์ดีที่พวกเยี่ยนเฉินล้วนเป็นสุดยอดนักสู้ ความสามารถของทุกคนล้วนล้ำเลิศ เงาร่างของพวกเขาซอกซอนไปมาในฝูงผีดิบชุดขาว ประหนึ่งเงาภูตผี โรมรันสังหารได้ไม่ถึงสองชั่วยาม พวกเขาก็กำจัดผีดิบชุดขาวไปแล้วสองร้อยตัว…
หลังจากกู้ซีจิ่วรักษาเชียนหลิงอวี่เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าร่วมขบวนสังหารผีดิบชุดขาวเช่นกัน และอิงเหยียนนั่วมักจะอยู่ไม่ห่างเธอเสมอ ระหว่างที่ลงมือก็ดุเดือดเฉียบขาด ไม่อืดอาดยืดยาดสักนิด ความเร็วในการสังหารผีดิบชุดขาวไม่ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย…
หลานไว่หูเฝ้าอยู่ข้างกายเชียนหลิงอวี่ เพื่อปกป้องเขา
พวกกู้ซีจิ่วกระจายตัวโอบล้อมเสาธงไว้ สกัดพวกผีดิบชุดขาวทั้งหมดไว้วงนอก ไม่ปล่อยให้ล้ำเส้นเข้าไปได้สักตัว
เนื่องจากมีพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองเข้าร่วมทัพด้วย ความเร็วในการสังหารผีดิบชุดขาวจึงเร็วขึ้นมาก
สังหารเช่นนี้อยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ผีดิบชุดขาวที่ถูกพวกเขาสังหารก็เกือบสามร้อยตัวแล้ว
แต่รอบข้างยังคงสลัวมัวซัว มีผีดิบกระโจนเข้ามาอยู่เนืองๆ เช่นเคย
ไม่ปกติแล้ว!
จำนวนของผีดิบเหล่านี้ผิดปกติ! ราวกับเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงกลุ่มของของเยี่ยนเฉินจะเป็นยอดฝีมือทุกคน แต่การสังหารอย่างไม่หยุดมือในสภาวะที่มีความกดดันสูงเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาอ่อนล้า ผีดิบรอบข้างดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะพักหายใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าพวกเขาจะมีช่วงที่เหนื่อยล้าทั้งกายใจจนพลาดท่าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“ซีจิ่ว นี่ไม่ปกติแล้ว หรือสถานที่ผีสางแห่งนี้จะมีผีดิบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาตลอด?” เยี่ยนเฉินกล่าวข้อสงสัยของตนออกมา “ก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่ได้มีผีดิบมากมายขนาดนี้…”
กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเบาๆ เธอก็สังเกตความเคลื่อนไหวของผีดิบเหล่านี้อยู่เช่นกัน พวกมันจู่โจมเข้ามาเป็นระลอก คล้ายกับมีใครคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง
เธอนึกถึงเหล่าคนที่คอยควบคุมหุ่นตายชุดเขียวคราวก่อน เป็นการใช้วิชาขลุ่ยมาควบคุม และเสียงขลุ่ยนั้นก็เป็นคลื่นเสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยิน ยามนี้ยากจะบอกได้ว่าในส่วนลึกของเมืองพายุหิมะแห่งนี้มีคนเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ด้วยหรือไม่…
———————————————————————————–