ลำนำบุปผาพิษ - ตอนที่ 957-958
บทที่ 957 ข้าทำลายพวกมันทิ้งรวดเดียวได้!
บุรุษชุดสีมรกตขมวดคิ้ว “เช่นนั้นยามนี้จะทำเช่นไร?”
ผู้อาวุโสหลงใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ระงับการปล่อยผู้ฟื้นจากความตายออกไปข้างนอก จากนั้นก็รอ!”
“รออะไร?”
ผู้อาวุโสหลงกล่าวเอ่ยเยือกเย็น “พวกเขาติดอยู่ที่นี่ออกไปไม่ได้ รอให้พวกเขาขาดน้ำขาดอาหารจนอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยไปจับตัวพวกเขามาก็ได้”
เด็กพวกนี้ล้วนยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นตัดธัญพืชทั้งห้าอย่างแท้จริง ยังต้องกินข้าวกินน้ำอยู่
และพวกเขาก็ไม่ได้พกพวกเสบียงอาหารแห้งมาสักเท่าไหร่ ติดอยู่ที่นี่สามวันขึ้นไปจะขาดแคลนอาหาร ติดอยู่สักแปดวันสิบวันทุกคนจะหิวจนแม้แต่แรงจะเดินก็ไม่มีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นมิใช่จะปล่อยให้พวกเขาบีบขยี้ได้ตามอำเภอใจหรอกหรือ?
สายตาเขาจดจ้องร่างกูซีจิ่วที่ปรากฏตัวขึ้นกลางลาน สาวน้อยรวมกลุ่มกับสหายของเธอแล้ว แม้อิงเหยียนนั่วคนนั้นก็กลับไปแล้ว
การกลับมาของเธอทำให้สหายเหล่านั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เยี่ยนเฉินถามไถผลลัพธ์ กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “พายุหิมะตกหนักเกินไป พวกเจ้าเลยตาฝาด ข้าตรวจดูจนทั่วแล้วก็ไม่เห็นว่ามีผีดิบโผล่ออกมาจากไหน…”
เยี่ยนเฉินไม่คิดจะถามอะไรอีก กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “สถานที่แห่งนี้ประหลาดจริงๆ ในสถานที่บางแห่งข้าพบกระจกหยินหยางจำนวนหนึ่งด้วย ข้าเดาว่าฤทธิ์ของกระจกหยินหยางเหล่านั้นก็คือทำให้คนเห็นภาพหลอน เกิดภาพลวงตาว่ามีพายุหิมะตกหนักยิ่ง ดังนั้นข้าจึงใช้ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ กับกระจกหยินหยางพวกนั้น”
“กระจกหยินหยาง?”
“ลูกไม้อันใด?” ทุกคนพากันซักถาม
กู้ซีจิ่วยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง รอยยิ้มนั้นค่อนข้างลำพองนิดๆ น่าชังหน่อยๆ ผู้อาวุโสหลงใจเต้นแรงแวบหนึ่ง สังหรณ์ใจไม่ดีทันที!
“ข้าทำลายพวกมันทิ้งรวดเดียวได้! เมื่อถึงยามนั้นภาพมายาพายุหิมะเหล่านี้ก็จะหายไป!” กู้ซีจิวยกมือขึ้น ฝ่ามือพลันมีบางอย่างส่องวาบขึ้นมา
‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’ ‘ตู้ม!’
เสียงระเบิดหลายสิบเสียงดังขึ้นจากทุกแห่งทั่วทั้งเมือง ม่านฝุ่นสีเหลืองระคนกับหิมะนับไม่ถ้วนพวยพุ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว…
ทุกคนตกตะลึง
ผู้อาวุโสหลงที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในวังใต้ดินกำมือแน่นทันที!
กระจกฉาบปรอทในวังใต้ดินของเขาที่สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ภายนอกทั้งหมดดับมืดสนิทลงเกือบหมด!
ติดตามความคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นทุกทิศทางโดยไร้จุดอับสายตาไม่ได้อีกต่อไป!
ชัดเจนยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ยามที่สาวน้อยค้นหาตามซอกมุมต่างๆ ได้พบ ‘กล้องวงจรปิด’ ที่ติดตั้งไว้ในจุดซ่อนเร้นเหล่านั้นแล้ว จากนั้นก็เล่นลูกไม้ ติดตั้งบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับระเบิดเวลาลงไป…
น่าตายนัก! เขาลืมไปได้ยังไงว่าชาติก่อนสาวน้อยคือนักฆ่าผู้ล้ำเลิศ ย่อมเป็นอัจฉริยะด้านการทหารที่โดดเด่นคนหนึ่ง สามารถประดิษฐ์สิ่งของจำพวกดินระเบิดได้
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในยุคโบราณ ขอเพียงมีวิธีการอยู่ในมือ สร้างระเบิดไดนาไมต์ขึ้นมายังพอไหว เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงื่อนไขจึงสร้างดินระเบิดอานุภาพสูงไม่ได้
แต่ยุคนี้กลับเป็นยุคสมัยแห่งพลังวิญญาณ สามารถคว้าจับสสารต่างๆ ในอากาศได้ การสร้างสิ่งของจำพวกดินระเบิดอานุภาพสูงขึ้นมามีความเป็นไปได้ว่าจะประสบความสำเร็จ ขอเพียงเข้าใจหลักการเหล่านั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสร้างอาวุธที่มีอานุภาพสูงได้…
บุรุษชุดสีมรกตต่อยลงบนแท่น “นังเด็กคนนั้นดูหมิ่นผู้อื่นนัก! ผู้อาวุโสหลง ปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกไปกำจัดไอ้เด็กเหลือขอพวกนี้ทิ้งได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสหลงเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ไม่ได้!”
เมื่อพวกเขามองไม่เห็นความเคลื่อนไหวด้านนอกก็ยิ่งปล่อย ‘ราชาผู้ฟื้นจากความตาย’ ออกไปไม่ได้ ถ้าปล่อยออกไปแล้วจะเอามันกลับมายังไง? หากเจ้าสิ่งนี้ซุ่มจู่โจมในจุดอับ คนของเขาก็จะบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน!
ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวคือสังหารคนที่อยู่ด้านนอกเหล่านี้ทิ้งหรือไม่ก็ปล่อยตัวออกไป หลังจากทำให้ที่นี่กลับเป็นปกติแล้ว เขาค่อยออกไปติดตั้ง ‘กล้องวงจรปิด’ เหล่านั้นด้วยตัวเองอีกครั้ง
การสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้นซากในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ง่ายดายเลย…
————————————————————————————-
บทที่ 358 หลุดพ้น
การสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้นซากในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ง่ายดายเลย…แต่การรั้งให้คนเหล่านี้อยู่ที่นี่จนถึงที่สุดก็เป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่คอยติดตามข้างกายกู้ซีจิ่วคนนั้น เกรงว่าฝีมือคงไม่ธรรมดา หากปล่อยให้พวกเขาหาที่นี่พบ จะต้องเกิดศึกสังหารขึ้นแน่นอน อีกทั้งเขาไม่สามารถปลดปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกมาช่วยเหลือได้ เมื่อถึงยามนั้นเกรงว่าจะบาดเจ็บสูญเสียกันทั้งสองฝ่ายโดยแท้…
เห็นทีว่าทำได้พียงปล่อยคนพวกนี้ออกไปก่อน
โชคดีที่คนพวกนี้ยังไม่พบฆาตกรตัวจริงของที่นี่ ก็ปล่อยให้พวกเขาสังหารผีดิบชุดขาวด้านนอกเหล่านั้นแล้วนึกว่าที่นี่จบลงเพียงเท่านี้แล้ว…
อย่างมากเขาก็แค่หาวิธีทำลายสิ่งปลูกสร้างด้านนอกทิ้งเสีย ทำให้ที่นี่กลับเป็นทุ่งหิมะผืนหนึ่งเหมือนเดิม ผีน้อยเหล่านั้นจะได้นึกไปเพียงว่าต้องวิชามายาเข้า ไม่ตรวจสอบลงลึกอีก
ต่อให้ในใจพวกเขายัคงสงสัยอยู่ รายงานไปยังเบื้องบน แล้วพาคนมาตรวจสอบอีกก็เป็นเรื่องในอีกหลายวันข้างหน้า ยามนั้นเขาจะจัดแจงที่นี่ใหม่อีกครั้ง ทำให้คนเหล่านี้หาไม่พบอีกต่อไป…
ในใจผู้อาวุโสหลงมีสารพัดความคิดวิ่งวนอยู่ หลังจากชั่งผลดีผลเสียแล้วก็สั่งการบุรุษชุดสีมรกตทันที “หาทางทยอยเรียก ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ เหล่านั้นกลับมา เหลือไว้ด้านนอกสักสามสิบสี่สิบตัวก็พอ!”
บุรุษชุดสีมรกตไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”
ผู้อาวุโสหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสเช่นข้าจะกระทำสิ่งใดล้วนต้องอธิบายให้เจ้าเข้าใจหรือว่าเพราะอะไร?”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้บุรุษชุดสีมรกตพูดไม่ออกแล้ว
เขายังคงค่อนข้างกริ่งเกรงผู้อาวุโสหนุ่มที่หล่อเหลาผู้นี้อยู่ จึงทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ที่อยู่ด้านนอกไม่มีความสามารถในการตามตัวภายหลัง เหลือไว้เพียงสามสิบสี่สิบตัวก็ฆ่าเวลาได้ดีมากแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วยาม บนพื้นด้านนอกก็ไม่มีผีดิบชุดขาวปรากฏตัวขึ้นอีก แม้แต่พายุหิมะที่รุนแรงก็หยุดลงแล้ว
เมื่อผีดิบชุดขาวตัวสุดท้ายล้มลงไป ท้องฟ้าที่เดิมทีมีเมฆคลุมหนาทึบจนคนมองไม่เห็นสีสันของนภาก็เริ่มปรากฏลักษณะเดิมออกมาช้าๆ…
“เขตแดนนี้กำลังจะสลายแล้ว!” หลานไว่หูโห่ร้องขึ้นมาด้วยความยินดี
พวกเยี่ยนเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาถูกขังไว้ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็ได้เห็นแสงสว่างแล้ว!
จางฉูฉู่เอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนกะจกหยินหยางที่ซีจิ่วทำลายทิ้งพวกนั้นจะเป็นตาค่ายของค่ายกลใหญ่แห่งนี้ เมื่อกระจกหยินหยางแตกไป ผีดิบเหล่านี้จึงไม่ดาหน้าเข้ามาอย่างไร้ที่สิ้นสุดอีก”
คนที่เหลือพากันพยักหน้าเห็นด้วย
ทุกคนมองไปรอบๆ เนื่องจากพายุหิมะที่บ้าคลั่งหยุดลงแล้ว ทัศนะวิสัยจึงดีขึ้น มองปราดเดียวก็เห็นสภาพของเมืองร้างทั้งเมืองแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่เหล่านี้ ก็คาดการณ์ได้ว่าเมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างน้อยหลายทศวรรษแล้ว ผนังกำแพงชำรุดทรุดโทรม ดูเปลี่ยวร้างอย่างยิ่ง
และลานกว้างที่พวกเขาอยู่นี้น่าจะเป็นลานนวดข้าวของเมือง ใต้หิมะที่ทับถมมีผืนดินเหลืองแน่นแข็ง ส่วนเสาธงสูงตระหง่านต้นนั้นยามนี้ก็ดูผุพังเช่นกัน ก่อนหนานี้ยามที่อยู่ในค่ายอาคม เสาต้นนี้ดูค่อนข้างประหลาดทองก็ไม่ใช่เหล็กไม่เชิง แต่ยามนี้เมื่อค่อยๆ สลายไป เมื่อมองไปที่เสาธงต้นนั้นอีกครั้งก็เห็นทำมาจากไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง ด้านบนมีรอยแตกร้าว ไม่โดดเด่นสะดุดตา
เมื่อจางฉูฉู่เห็นสภาพรอบข้างก็ค่อนข้างตกตะลึงคลางแคลง “มารดามันเถอะ สามารถปรับเปลี่ยนเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งให้ร้ายกาจได้ขนาดนี้เชียวหรือ? พวกเราต้องทำลายสถานที่ผุพังแห่งนี้ทิ้งหรือไม่? กันไม่ให้ผู้อื่นหลงเข้ามาติดกับอีก…”
“ไม่ต้องหรอก ค่ายกลของที่นี่พังไปแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป พวกเรารีบไปกันเถอะ” กู้ซีจิ่วกล่าว
“แต่ที่นี่…” จางฉูฉู่ยังคิดจะพูดต่อ
กู้ซีจิ่วโบกมือพลางเอ่ยว่า “ค่ายกลพังไปแล้ว ที่นี่ก็เป็นแค่บ้านเรือนผุผังไม่กี่หลังเท่านั้น ไม่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นหรอก พวกเราต้องออกจากที่นี่ก่อน ทุกคนตามหาสถานที่อบอุ่นแล้วค่อยพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เถอะ สถานที่ผีสางแห่งนี้ ข้าไม่คิดจะรั้งอยู่นานกว่านี้แล้ว! เอาล่ะ ไปได้แล้ว!” พลางเหินนำไปทางตะวันออกเฉียงใต้ก่อน
————————————————————————————-