ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1029+1030
บทที่ 1029 ข้าไป! ไปแน่นอน
เจ้ารีบไล่ตามไป “เอาล่ะ พวกเราออกไปเดินเล่นกัน…”
….
คืนนี้ไม่ใช่วันที่เหมาะจะเดินเล่นเลย พระจันทร์บนฟากฟ้าโค้งกิ่ว บางเสียยิ่งกว่าขนคิ้ว
ต้นฤดูใบไม้ผลิเยียบเย็น อากาศหนาวยะเยือกยิ่งลมพัดมาคราหนึ่ง อากาศหนาวแทบจะเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก บนถนนก็มีคนสัญจรน้อยมาก ต่อให้มีก็เร่งรีบเดินผ่านไป
กู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่เดินไปตามถนนใหญ่…เพื่อเดินเล่น
ดูเหมือนหลงซือเย่จะโกรธจริงๆ แล้ว ระหว่างเดินอยู่ไม่พูดเลยสักประโยค
กู้ซีจิ่วจำต้องเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบก้นเย็นๆ ของเขาเกลี้ยกล่อมเขา คุยสัพเพเหระกับเขา
เจ้าพูดจนปากคอแห้งผาก ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากเขาเลยสักคำ ค่อนข้างกระดากอยู่บ้าง จึงกระแอมคราหนึ่งครุ่นคิดว่าต้องเล่าเรื่องขำขันให้เขาฟังก่อนหรือไม่ เมื่อก่อนหลงซีชอบเรื่องขำขันของเจ้ามาก บอกว่าเรื่องขำขันที่เจ้าเล่านั้นแป้กมาก ทำให้เขาต้องหัวเราะออกมา
นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เปิดปากพูด ตรงมุมถนนก็ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งขึ้น อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ท่ามกลางสายลมหนาวยะเยือกสะดุดตายิ่งนัก “อาจารย์!”
กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า คนผู้นั้นคือเย่หงเฟิง
ดวงหน้าขาวผ่องของเย่หงเฟิงซับสีแดงจางๆ “อาจารย์ ข้ากำลังตามหาท่านอยู่เลย”
หลงซือเย่ที่เดิมทีสีหน้าเย็นชามาโดยตลด พอเห็นเย่หงเฟิงในที่สุดความเย็นชาก็หลอมละลายไป น้ำเสียงก็อ่อนโยน “ตามหาข้ามีเรื่องอะไร?”
เย่หงเฟิงมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง ละล้าละลัง
กู้ซีจิ่ยังคงรู้จักวางตัว กล่าวขึ้นทันที “พวกท่านศิษย์อาจารย์คุยกันไปก่อนเถิด ข้าจะไปเดินเล่นที่อื่นก่อน…”
“เจ้าไม่ต้องปลีกตัวหรอก เย่หงเฟิงกับข้าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดคุยเป็นการส่วนตัว หงเฟิง อยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เถิด”
ก็ได้ กู้ซีจิ่วยืนอยู่ต่อ
เย่หงเฟิงเม้มริมฝีปาก “อาจารย์ วันนี้คือวันเกิดของท่าน หงเฟิงเตรียมโต๊ะจีนไว้อยากแสดงความกตัญญูต่ออาจารย์…”
หลงซืเย่พยักหน้านิดๆ เอ่ยว่า “เจ้าใส่ใจอย่างที่หาได้ยากนัก”
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว
วันนี้เป็นวันเกิดหลงซือเย่หรือ?
เธอขบคิดอยู่ในสมองอย่างรวดเร็ว เหงื่อตกทันที!
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันเกิดในชาติก่อนของหลงซือเย่! เมื่อก่อนเจ้าเคยจัดฉลองให้เขา
ระยะนี้ยุ่งจนหัวหมุนไปหมดจริงๆ ถึงได้ลืมเรื่องนี้ไป ไม่แปลกใจเลยที่หลงซือเย่จะโกรธเจ้า
เจ้ากำลังจะแสดงท่าทีบางอย่าง หลงซือเย่ก็มองเจ้าแวบหนึ่งเอ่ยปากขึ้น “ไปด้วยกันไหม?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเย่หงเฟิงไม่อยากให้เจ้าไปแน่นอน และเจ้าก็ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอพวกเขาด้วย…
ดังนั้นเจ้าจึงคิดจะมอบของขวัญวันเกิดให้เขาสักชิ้นก่อแล้วค่อยบอกปัดคำเชิญนี้ มือเพิ่งจะยื่นเข้าไปในถุงเก็บของ หลงซือเย่ก็กล่าวอย่างเย็นชาแล้ว “งานเลี้ยงวันเกิดข้าเจ้าจะไม่ไว้หน้าเข้าร่วมหน่อยหรือ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน พรูลมหายใจออกมา ตอบโดยไม่มองสีหน้าที่ซีดขาวนิดๆ ของเย่หงเฟิง “ข้าไป! ไปแน่นอน”
….
ณ ห้องรับรองอันหรูหราห้องหนึ่ง
โต๊ะจีนโต๊ะหนึ่งที่อุดมด้วยอาหารเลิศรสครบครัน
ทั้งสามคนนั่งล้อมวง ต้องบอกเลยว่าเย่หงเฟิงเข้าใจรสชาติที่หลงซือเย่โปรดปรานยิ่งนัก โต๊ะนี้เต็มไปด้วยอาหารที่เขาชอบกิน
เย่หงเฟิงช่างเอาใจใส่จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ายังทำเค้กวันเกิดก้อนหนึ่งออกมาด้วย!
แน่นอน ด้วยเงื่อนไขที่มีจำกัด เค้กวันเกิดก่อนนี้จึงนำไปเทียบกับเค้กพวกนั้นในยุคปัจจุบันไม่ได้ แต่ก็จำลองได้สมบูรณ์มากแล้ว
แถมยังมีเทียนเล่มเล็กๆ อีกหลายเล่ม หลังจากจุดไฟก็ค่อนข้างเหมือนแล้ว
“อาจารย์ อธิษฐานเถิด” เย่หงเฟิงมองหลงซือเย่ด้วยสายตาเปล่งประกาย
สายตาของหลงซือเย่หันเหไปที่ใบหน้ากู้ซีจิ่ว “เจ้าร้องเพลงวันเกิดให้ข้าได้ไหม”
“อาจารย์ ให้ข้าร้องดีไหม? ข้าร้องเพลงนี้เก่งมากเลย” กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้เปิดปาก เย่หงเฟิงก็สอดปากแล้ว
“ไม่ต้องหรอก เจ้าจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้อาจารย์ก็ใส่ใจมากแล้ว ให้นางร้องเถอะ”
————————————————————————————-
บทที่ 1030 เขาไม่เก็บมาใส่ใจเลย
หลงซือเย่มองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่งด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “คงไม่ใช่ว่าแม้แต่เพลงนี้เจ้าก็ไม่อยากร้องให้ข้ากระมัง?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก วันนี้หลงซือเย่ราวกับกินดินปืน[1]เข้าไป พูดจาเสียดสีประชดประชัน
เธอแย้มยิ้ม “เจ้าสำนักหลง ท่านคิดมากไปแล้ว ซีจิ่วว่านอบน้อมมิสู้ลงมือทำ” เธอร้องขึ้นมาทันมี
เนื่องจากเธอหลอมโอสถมาทั้งวัน เฝ้าเตาหลอมอยู่ตลอด ลำคอไม่เพียงแต่อ่อนล้าเท่านั้นยังแหบแห้งด้วย จึงร้องไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่
หลงซือเย่ฟังเธอร้องจนจบอยู่เงียบๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ไม่พูดอะไร
เย่หงเฟิงบ่นพึมพำประโยคหนึ่ง “ร้องสู้ข้าก็ไม่ได้ แค่พอฟังได้เท่านั้นแหละ”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอตั้งใจร้องมากแล้วจริงๆ นะ!
เธอมองหลงซือเย่แวบหนึ่ง ทว่าหลงซือเย่ไม่ได้มอง และทำราวกับไม่ได้ยินวาจาเหน็บแนมประโยคนั้นของเย่หงเฟิง หันไปพูดคุยกับเย่หงเฟิงสองสามประโยค ล้วนเป็นการถามถึงสภาพการฝึกฝนของนาง
สองศิษย์อาจารย์หนึ่งถามหนึ่งตอบ อบอุ่นปรองดอง
กู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ตรงนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่าความจริงแล้วตนค่อนข้างเป็นส่วนเกิน แต่งานเลี้ยงยังไม่จบ เธอไม่อาจขอตัวจากไปได้
ไม่ง่ายเลยกว่าจะสบจังหวะที่ศิษย์อาจารย์คู่นั้นหยุดสนทนากัน เธอหยิบเตาหลอมโอสถสีดำทองใบหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ ประคองยื่นให้หลงซือเย่ “ครูฝึกหลง สุขสันต์วันเกิด สถานการณ์ฉุกละหุกไม่ได้เตรียมของดีอะไรไ เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ใบนี้สร้างจากเหล็กอุกกาบาต สามารถหลอมโอสถระดับแปดได้ ข้าบังเอิญพบในหุบเขาลูกหนึ่งเมื่อปีก่อน ข้าลองใช้ดูแล้ว ใช้ดีมาก”
อันที่จริงการเซอร์ไพรซ์ที่หลงซือเย่เคยทำให้เธอในวันเกิดอายุสิบห้าเมื่อปีนั้น เธอยังคงซาบซึ้งมาก ยามนั้นจึงสาบานไว้ว่าจะเตรียมของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับวันเกิดของหลงซือเย่เพื่อตอบแทนเขา
ต่อมายามที่ออกไปทำภารกิจด้านนอก เธอพบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ในภูเขาลูกหนึ่ง เธอทุ่มเทเรี่ยวแรงไปมากมายถึงเอามันออกมาได้ แถมยังต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่เฝ้าพิทักษ์อย่างดุเดือดยกหนึ่งด้วย ได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลย
เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ใบนี้เก่าแก่กว่าเตาหลอมหยกม่วงที่เธอเคยได้รับเสียอีก เมื่ออ่านจารึกที่สลักไว้ด้านบนจึงทราบว่าเป็นสมบัติของปรมาจารย์หลอมโอสถชั้นยอดม่านหนึ่งในสมับโบราณ คุณสมบัติย่อมยอดเยี่ยมนัก
กู้ซีจิ่วเก็บไว้ในถุงเก็บของตลอด เตรียมไว้สำหรับหาโอกาสมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเขา
รู้สึกว่าพอเขาเห็นแล้วจะต้องรับรู้ถึงความจริงใจของเธอแน่นอน ทราบว่าเธอยังคงใส่ใจเพื่อนอย่างเขาเป็นที่สุด
ยามนี้ในที่สุดเธอก็ได้มอบให้แล้ว
นึกไม่ถึงว่าหลงซือเย่จะเหลือบมองเตาหลอมโอสถใบนั้นแค่แวบเดียว เอ่ยขอบคุณคราหนึ่ง รับไปอย่างไม่อินังขังขอบ มองอีกสักแวบก็ไม่มอง โยนเข้าไปในถุงเก็บของตัวเองทันที
ชัดเจนยิ่งนักว่าของขวัญที่กู้ซีจิ่วมอบให้ชิ้นนี้ธรรมดาสามัญเกินไป เขาไม่เก็บมาใส่ใจเลย
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ ไม่พูดอะไรอีก จดจ่อกับการกินอาหารเท่านั้น
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้กินเวลานานเหลือเกิน หลงซือเย่พุดคคุยกับเย่หงเฟิงอยู่ตลอด ไม่สนใจกู้ซีจิ่วอีกเลย ส่วนเย่หงเฟิงพูดคุยไม่กี่ประโยคก็จะเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง แววตานั้นเต็มไปด้วยความลำพองใจ…
กู้ซีจิ่วแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทำได้เพียงภาวนาให้อาหารมื้อนี้จบลงโดยเร็ว เธอจะได้กลับโรงเตี๊ยมไปนอนเสียที
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลงซือเย่ไม่คุยเรื่องอาการป่วยของตี้ฝูอีกับเธอแล้วแน่นอน ดังนั้นคืนนี้เธอถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่ได้รับประโยชน์อีก เอาไว้ค่อยถามพรุ่งนี้แล้วกัน
อาหารมื้อนี้กินกันจนถึงยามกะสาม หลงซือเย่ยังไม่มีท่าว่าจะบอกให้แยกย้ายเลย
ทว่ากู้ซีจิ่วกินจนค่อนข้างจุกแล้ว เธอรู้สึกว่าหลงซือเย่คงคิดจะโต้รุ่งแล้ว เธอเป็นก้างขวางคออยู่ที่นี่ทั้งคืนเห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงหาข้ออ้างลุกขึ้นขอตัวลา
ในที่สุดหลงซือเย่ก็หันมามองเธอ กล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าไม่อยากฟังข้าวิเคราะห์อาการป่วยสหายคนนั้นของเจ้าแล้วหรือ?”
————————————————————————————-
[1] กินดินปืน หมายถึง ฉุนเฉียวใส่อารมณ์