ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1059+1060
บทที่ 1059 ซีจิ่ว เจ้าไม่เชื่อใจข้าจริงๆ หรือ
เสียงนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่าก็มิปาน โหวกเหวกก่อกวนให้เธอหงุดหงิดใจ เลือดลมพลุ่งพล่าน มีความคิดชั่ววูบว่าอยากกุมกระบี่สังหารคนทั้งโลกขึ้นมา…
ด้านหน้าของเธอจู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล กู้ซีจิ่วเข่นฆ่าจนตาแดงก่ำแล้ว ไม่ได้มองให้ชัดว่าคนผู้นั้นเป็นใครก็แทงกระบี่เข้าไปดั่งสายอสุนีบาตแล้ว!
ปลายกระบี่ถูกคนกุมไว้ทันที เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู “ซีจิ่ว!”
เป็นเสียงที่คุ้ยเคยยิ่งนัก กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจนก็เบิกตากว้าง
คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวที่หลวมกว้างยิ่งนัก บนเสื้อคลุมสีขาวปักลวดลายเอาไว้ ลวดลายนั้นคล้ายมังกรตัวเล็กๆ หลายตัวเลื้อยคดเคี้ยว แต่ก็คล้ายอักขระอาคมหลายเส้นที่หมุนวนอยู่ด้วย ท่ามกลางทะเลโลหิตอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้อาภรณ์สีขาวของเขาสะดุดตายิ่งนัก ราวกับแสงตะวันสายหนึ่งที่ส่องลอดเข้ามาในความมืดมิด ทำให้โลกมืดมนที่แดงฉานไปด้วยโลหิตแห่งนี้สว่างไสวขึ้นมา
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
แถมยังเปนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แบบไม่ใส่หน้ากากด้วย!
คิ้วตาดั่งวาดแต้มไม่แปดเปื้อนโลหิตคาวเหียนของโลกนี้เลยสักนิด มือข้างหนึ่งของเขากุมกระบี่เธอไว้ ดวงตามองสบตาเธอ “ซีจิ่ว! ตื่นได้แล้ว!”
ท่ามกลางการเข่นฆ่าอันไร้ที่สิ้นสุดคมกระบี่ของเธอเดิมทีกลายเป็นสีแดงเข้มไปแล้ว แทบจะมองไม่เห็นสีเดิม แต่ยามนี้เมื่อถูกเขากุมไว้สีโลหิตนั้นกลับค่อยๆ จางหายไป เผยให้เห็นตัวกระบี่เฉียบคมสีขาวราวหิมะ
จากนั้นสายตาที่เฉียบไวของเธอก็มองเห็นว่าฝ่ามือของเขาที่กุมกระบี่ของเธอไว้มีโลหิตไหลออกมา เพียงแต่โลหิตนี้ของเขาจะมีฤทธิ์บริสุทธิ์ ไหลผ่านที่ใด ที่นั้นจะกลับสู่สีสันดั้งเดิม
เธอมองเขาด้วยความตะลึง เสียงสั่นนิดๆ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…ตี้ฝูอี?”
“เป็นข้าเอง ซีจิ่ว ออกไปกับข้า…” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนแฝงเสน่ห์ดึงดูดไว้รางๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาหาเธอ “มาเถอะ ส่งมือมาให้ข้า ข้าจะพาเจ้าออกไป”
ฝ่ามือเขาเรียวยาวขาวกระจ่าง ข้อนิ้วปานหยก ยามที่ยื่นมายังเบื้องหน้าเธอเปรียบเสมือนหนทางรอดของเธอ
เธอปรารถนาจะจับมือข้างนี้ไว้เหลือเกิน แต่ว่า…
จะเชื่อใจเขาได้หรือ? ก่อนหน้านี้ล้วนมีเพื่อนสนิทหลายคนเคยปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเธอเช่นนี้ บอกว่าจะพาเธอออกไป ผลคือฉวยโอกาสที่เธอไม่ทันระวังแทงเธออย่างง่ายดาย!
เธอมองมือนี้ของเขา ในดวงตามีความคลางแคลงและมีความปรารถนาด้วย ถึงขั้นมีความเหนื่อยล้าและเปราะบางแฝงอยู่เล็กน้อยด้วย…
“ซีจิ่ว แม้แต่ข้าเจ้าก็ไม่เชื่อใจแล้วหรือ?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามเธอ แววตาอ่อนโยน “คนมากมายที่ทำร้ายเจ้าเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง นี่คือฝันร้ายของเจ้า เชื่อเถอะ ส่งมือมาให้ข้า ข้าจะพาเจ้าออกไป”
ฝ่ามือของเขายังมีบาดแผลจากการถูกกระบี่ล้ำค่าของเธอบาดอยู่เลย เธอรู้สึกว่าค่อนข้างเสียดแทงสายตา อยากจะทำแผลให้เขายิ่งนัก ทว่าไม่กล้าเข้าไป และไม่กล้าจับมือที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อยามที่คนเหล่านั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอก็พูดจาแบบเดียวกับเขา มีส่วนที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…
เธอจับกระบี่ในมือแน่น จับจนข้อนิ้วขาวโพลนไปหมดแล้ว ท่ามกลายทะเลโลหิตที่ท่วมท้นมีเพียงกระบี่เล่มนี้ที่จะไม่หักหลังเธอ คอยพิทักษ์อยู่ข้างกายเธอตลอด ช่วยเธอสังหารผู้รุกรานทั้งหมด
หากว่ายามนี้คนที่ปรากฏตัวเป็นใครอื่นสักคน เธอคงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรฟันกระบี่ใส่ไปนานแล้ว!
คิดจะหลอกเธออีกแล้วหรือ? ไม่มีทางหรอก!
แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเขา! เป็นเขา!
เธอไม่มีทางลงมือได้ แต่ก็ไม่อาจคลายปมในใจแล้วยื่นมือให้เขาอย่างกล้าหาญได้…
คนทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นเจ้ามองข้าข้ามองเจ้าต่าฝ่ายต่างแข็งทื่อกันไปครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีความอดทนสูงยิ่งนักมาโดยตลอด “ซีจิ่ว เจ้าไม่เชื่อใจข้าจริงๆ หรือ?”
“เจ้าคือ…ตี้ฝูอี…”
“ใช่!”
“ไม่ถูกสิ! โกหก!” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ตอนนี้เขายังเป็นเด็กอยู่! ไม่ได้เป็นแบบเจ้าในยามนี้! น่าตายนัก เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว! ปลอมเป็นเขามาหลอกข้า!”
เธอโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ฟันกระบี่ออกไป!
กระบี่นี้แทบจะรวบรวมสาระสำคัญทั้งหมดที่เธอเรียนรู้มาทั้งชีวิตเอาไว้ เพิ่งจะแทงออกไปก็ก่อให้เกิดสียงลมฟ้าคะนองรางๆ แล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 1060 ข้าจะพาเจ้าออกไป! อย่ากลัวเลย ข้าอยู่นี่!
กระบี่นี้แทบจะรวบรวมสาระสำคัญทั้งหมดที่เธอเรียนรู้มาทั้งชีวิตเอาไว้ เพิ่งจะแทงออกไปก็ก่อให้เกิดสียงลมฟ้าคะนองรางๆ แล้ว ในช่วงนี้เอง หมอกโลหิตที่ฟุ้งอยู่รอบกายเธอถูกสายลมจากกระบี่ของเธอปลุกเร้า ซัดตลบขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ฝ่ามือเขาพลิกหมุนดั่งบุปผาดอกหนึ่ง จับคมกระบี่ของเธอไว้อีกครา “ซีจิ่ว! นี่คือฝันร้ายของเจ้า ข้าเข้ามาในความฝันของเจ้า ยามต้องเป็นร่างดั้งเดิม…”
มือเขาที่จับกระบี่ของเธอไว้ถูกบาดหนักยิ่งกว่าเดิม คมกระบี่เฉือนเข้าเนื้อ ธารโลหิตสายเล็กๆ ไหลริน ทว่าเขากลับไม่ปล่อยมือ และไม่ใช้พลังวิญญาณทำลายกระบี่ เพียงจับเอาไว้เท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดแรงสะท้อนมหาศาลใส่เธอ และไม่ปล่อยให้เธอแทงตนเข้าจริงๆ
“ซีจิ่ว เชื่อข้าสิ ข้าไว้ใจได้! เจ้าบาดเจ็บหนักจนฝันร้าย ข้ามาช่วยเจ้าออกไป! เจ้าจะต้องออกไปกับข้า! มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก!”
กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อ มองดูเขาไม่พูดไม่จา แพขนตาสั่นไหวนิดๆ ดูเหมือนจะพยายามวิเคราะห์อย่างสุดกำลังว่าคำพูดเขาเป็นจริงหรืเท็จ
บางทีอาจเป็นเพราะมองเห็นแววตาที่ตนคุ้นเคยจากดวงตาของเขา มือเธอที่กุมกระบี่อยู่จึงค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง แสดงให้เห็นว่าในที่สุดท่าทีเป็นอริของเธอก็อ่อนลงแล้ว
แต่ปมในใจก็ยังไม่ได้คลายไปอย่างสมบูรณ์ ศีรษะเชิดขึ้นเล็กน้อยเม้มปากแน่น “ข้าไม่เชื่อ…” เธอบอกว่าไม่เชื่อ แต่น้ำเสียงกลับเจือความสั่นเครือแล้ว
เธอเข่นฆ่าอย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งอยู่ในทะเลโลหิตแห่งนี้มาเนิ่นนานนัก อ่อนล้าสุดขีดแล้ว ปรารถนาจะหาสักบ่าให้ซบลงยิ่งนัก ทว่าไม่มีใครที่เชื่อใจได้เลยสักคน
ตอนนี้เขามาแล้ว ความจริงเธออยากจะเชื่อใจเขายิ่งนัก บนโลกนี้เหมือนจะมีเพียงเขาที่ไว้ใจได้
แต่ว่า…แต่ว่าถ้าหากเขาก็หลอกตนเช่นกันจะทำอย่างไรเล่า?
เธอข่มความเปราะบางในดวงตาลงไป ใช้แววตาที่ดุดันเหี้ยมหาญยิ่งนักจ้องมองเขา ราวกับต้องการจ้องให้ร่างเขาทะลุเป็นโพรง
ตี้ฝูอีที่อยู่ตรงหน้ามองดูเธอ เอ่ยขึ้นช้าๆ “ซีจิ่ว เป็นดวงวิญญาณของข้าที่เข้ามาในความฝันของเจ้า ข้ามาช่วยเจ้าออกไป เจ้าสามารถไม่เชื่อใจข้าได้ ถึงขั้นสามารถสังหารข้าได้! แต่ข้าจะบอกเจ้าไว้ หากเจ้าสังหารข้าที่นี่ ข้าก็จะตายไปจริงๆ…”
ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับกระบี่ขอเธอไว้ มอบอิสระให้เธออย่างเต็มที่ “ถ้าหากเจ้ายังไม่เชื่อข้าอีก ก็ลงมือได้เลย ข้าจะไม่หลบเลี่ยง!” แล้วพริ้มตาลงเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วเบิกตากว้างมองดูเขา ไม่ปล่อยผ่านการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของเขา…
สีหน้าเขาสงบยิ่งนักอยู่ตลอด กางแขนออกให้เธอ
นี่เป้นท่าโจมตีที่ทรงอานุภาพท่าหนึ่ง ขอเพียงเธอแทงกระบี่เข้าไปก็สามารถทะลวงหัวใจเขาได้อย่างง่ายดาย!
ท่าทางเช่นนี้ก็ดึงดูดคนยิ่งนักเช่นกัน อ้อมอกของเขาเป็นท่าเรือพักพิงที่เธอโหยหามาโดยตลอด ทำให้เธออยากพักผ่อนแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดนั้นยิ่งนัก
ปรารถนายิ่งนักจริงๆ!
เขาน่าจะเป็นตัวจริง เนื่องจากทุกคนที่เธอพบในทะเลโลหิตแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่จับกระบี่ของเธอไว้โดยไร้ซึ่งการป้องกันอย่างเขาเลยสักคน…
ผ่านไปครู่หนึ่ง กระบี่ล้ำค่าที่เธอกุมไว้ในมือมาตลอดก็ร่วงลงพื้นเสียงดังตุบ
เขาลืมตาขึ้นมา มือน้อยๆ ที่สั่นระริกของเธอวางลงบนฝ่ามือเขา มือเล็กๆ นั้นเยียบเยียบและเปียกชื้น ยามที่วางลงบนฝ่ามือเขาเสมือนนำเอาโลกทั้งใจของเธอมาวางเข้าไป แพขนตายาวหลุบลง “ข้าเชื่อท่าน!”
เขาไม่พูดอะไร กุมมือเธอไว้แล้วดึงเธอเข้าสู้อ้อมแขนทันที จากนั้นก็กอดเธอไว้แน่น “ซีจิ่ว ข้าจะพาเจ้าออกไป! อย่ากลัวเลย ข้าอยู่นี่!”
ถ้อยคำสั้นๆ ไม่กี่ประโยคำให้เบ้าตาที่อ่อนล้ายิ่งนักของเธอแดงเรื่อ ยามที่ถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมอกเดิมทีร่างเธอแข็งทื่อไปชั่วขณะ ถึงขั้นที่จรดนิ้วเตรียมร่ายคาถา…
แต่หลังจากเข้าสู่อ้อมกอดเขาแล้ว พลันมีกลิ่นหอมอันคุ้นเคยที่ทำให้เธอสบายใจยิ่งนักอบอวลอยู่ตรงปลายจมูก ในที่สุดเธอก็คลายกำแพงในใจออกอย่างสมบูรณ์ กางแขนกอดเอวเขาไว้
————————————————————————————-