ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1073+1074
บทที่ 1073 ค่าตอบแทนของการยั่วยุตี้ฝูอีคืออะไร!
ถ้าคนเหล่านี้วางแผนปองร้ายตัวเขาตี้ฝูอีก็ไม่เป็นไรหรอก เขาก็แค่รับมือตรงๆ แล้วหาความรื่นเริงใส่ตัวสักหน่อย
แต่ยามนี้พวกเขากลับลงมือกับกู้ซีจิ่ว! นี่เป็นการท้าทายขีดจำกัดของเขาแล้ว!
เขาจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่า ค่าตอบแทนของการยั่วยุตี้ฝูอีคืออะไร!
เรื่องล้างแค้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ยามนี้ภารกิจที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือพาดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วกลับมา
ตอนนี้เย่หงเฟิงครอบครองสังขารของกู้ซีจิ่วอยู่ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่เย่หงเฟิงผู้นี้จะเป็นคนของมารสวรรค์ การที่นางเสิงร่างได้สำเร็จก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเวทวิชาเฉพาะตัวของมารสวรรค์ นางจะต้องรายงานให้มารสวรรค์รู้แน่นอน
ก่อนที่จะพาดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วกลับมาได้ ตี้ฝูอีต้องไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น
ดังนั้นถึงเมื่อเมื่อครู่ตี้ฝูอีจะมองออกว่าผู้ที่ถือครองสังขารนั้นเปลี่ยนเป็นเย่หงเฟิงแล้ว ก็ยังคงเล่นตามเกมของอีกฝ่ายต่อ แสร้งทำเป็นมองไม่ออก ทำให้นางตายใจก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตั้งแต่ ‘กู้ซีจิ่ว’ ฟื้นขึ้นมาหลังจากมีไข้สูง อารมณ์ของตี้ฝูอีก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายครั้งดั่งนั่งรถไฟเหาะก็มิปาน แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยอยู่ตลอด ทำให้ ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่จ้องเขาอยู่ตลอดมองอะไรไม่ออกเช่นกัน
เขาสาวเท้าก้าวออกมา พลางสั่งการมู่เฟิงสองสามประโยค ให้เขาจับตาดูอยู่ที่นี่ต่อไป ส่วนตัวเข็เรียกอาชาเวหามา เหินฟ้าจากไป…
เมื่อครู่มู่เฟิงติดต่อมู่เตี่ยนผ่านป้ายหยกสื่อสารแล้ว มู่เตี่ยนจึงมาถึงอย่างรวดเร็วนักยามที่มาถึงมู่เตี่ยนได้แปลงโฉมเป็นรูปลักษณ์ในปัจจุบันของตี้ฝูอี เข้าไปทำให้ ‘กู้ซีจิ่ว’ ตายใจต่อ ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีเลยจากไปอย่างวางใจยิ่ง
ภายในถ้ำ
หลังจาก ‘กู้ซีจิ่ว’ เห็นเงาหลังตี้ฝูอีหายลับไป ถึงได้ฝืนยกมือขึ้น ทำมุทราพิสดารอย่างหนึ่ง จากนั้นก็หลับตาลง ใช้วิชาห้วงจิตติดต่อคนผู้หนึ่ง ‘นายท่าน ทุกอย่างราบรื่นดีเจ้าค่ะ’
‘เหยียนนั่วผู้นั้นไม่สงสัยไม่ใช่ไหม?’ เสียงคนผู้นั้นประหนึ่งเสียงโลมา มีทำนองประหลาดอย่างหนึ่ง
‘ไม่เจ้าค่ะ ร่างกายเขาฟื้นฟูสู่สภาพปกติแล้ว เขารับปากข้าว่ารอให้อาการบาดเจ็บของข้ามั่นคงกว่านี้สักหน่อยจะพาข้าไปส่งให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’
‘ดีมาก!’ คนผู้นั้นหัวเราะน้อยๆ ‘เย่หงเฟิง เจ้ารับมือกับเขาต่อไป’
‘เจ้าค่ะ!’ เย่หงเฟิงตอบรับ แล้วตัดการเชื่อมต่อกับคนผู้นั้น
ถึงแม้วิชาห้วงจิตนี้สามารถใช้ติดต่อกับกับคนผู้นั้นห่างไกลกันถึงเพียงนั้นได้ แต่ก็สิ้นเปลืองพลังต้นกำเนิดมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อเธอรายงานอย่างรวบรัดได้ใจความจบแล้ว ก็รีบยุติวิชานี้ทันที
เธอเหนื่อยจนเหงื่อโซมศีรษะ ในใจสบถด่ามารดาคราหนึ่ง หลังจากเธอเข้าครองร่างนี้ ดูเหมือนจะหนักหนากว่าที่คิดไว้ มือเท้าราวกับลากของหนักๆ ไว้ ขยับเพียงเล็กน้อยก็เหงื่อออกไปทั้งตัว
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากตี้ฝูอีใช้วิชารักษาให้เธอ บาดแผลบนร่างเธอก็เจ็บยิ่งกว่าเดิมอีก แถมยังมีทีท่าว่าจะเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ด้วย…
เห็นทีว่ายาที่ตี้ฝูอีให้เธอไว้ก่อนที่จะออกไปได้ออกฤทธิ์แล้ว!
ความเจ็บปวดนั้นเจ็บปวดเสมือนยามที่ให้กำเนิดบุตร เกร็งเป็นพักๆ แต่ล่ะพักก็เจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอเจ็บจนแทบจะเกลือกกลิ้งแล้ว! แต่ยามที่ตี้ฝูอีออกไปคงจะต้องการใหเธอพักผ่อนดีๆ เลี่ยงไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล ดังนั้นจึงสกัดจุดเธอไว้ ตอนนี้เธอสามารถขยับแขนคอและศีรษะได้แค่ไม่กี่ทีเท่านั้น ส่วนอื่นๆ เสมือนตายไปแล้ว ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย ดังนั้นต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนเธอก็ทำได้เพียงทนรับความทุกข์ทรมาน…
เธอไม่มีความอดทนต่อความเจ็บปวดเป็นพิเศษ แถมความเจ็บปวดนั้นยังทำให้เจ็บปวดเหลือคณาด้วย ทำให้เธอแทบแหลกสลาย!
ยามที่แทงกู้ซีจิ่วเธอเกรงว่าจะแทงได้ไม่ลึกและไม่โหดเหี้ยมพอ ยามนี้ตัวเองต้องมาอยู่ในร่างนี้ ลิ้มรสความทุกข์ทรมานที่อยู่มิสู้ตายจากน้ำมือตน ในที่สุดก็สำนึกเสียใจแล้ว!
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธอร้องโหยหวนออกมา ความเจ็บปวดนี้ยาวนานเป็นพิเศษ เธอทนทุกข์อยู่เกือบหนึ่งชั่วยามเต็ม ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก นางรีบหุบปากทันที ฝืนข่มความเจ็บปวดช้อนตามอง พบว่าเหยียนนั่วกลับมาแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 1074 ความสุกเอาเผากินของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
ราวกับเธอได้พบดาวช่วยชีวิต เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “เหยียนนั่ว สิ่งนี้…เจ็บปวดเกินไปแล้ว! มียาระงับความเจ็บปวดบ้างหรือไม่?”
เหยียนนั่วผู้นี้ย่อมเป็นมู่เตี่ยนที่แปลงโฉมมา เขาถูกตี้ฝูอีเรียกตัวกลับมาอย่างเร่งด่วนยิ่ง จากนั้นก็ถูกบังคับให้แปลงโฉมเป็น ‘เหยียนนั่ว’ในยามนี้อีกครั้ง เข้ามาหลอกล่อกู้ซีจิ่วตัวปลอมผู้นี้…
ตี้ฝูอีรีบจากไปอย่างร้อนรนใจ เพียงแต่ก่อนจะจากไปได้เล่าเรื่องราวส่วนใหญ่กับมู่เฟิงแล้ว มู่เฟิงก็น้ำประเด็นสำคัญมาบอกแก่มู่เตี่ยนแล้ว ดังนั้นมู่เตี่ยนจึงทราบคร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เขามองกู้ซีจิ่วตัวปลอมผู้นี้อย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับเรียบเฉย เลียนแบบกริยาท่าทางของเหยียนนั่วทุกกระเบียดนิ้ว ดังนั้นจึงเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจริงใจ “ถึงแม้ยานี้จะเจ็บปวดไปบ้าง แต่มีประโยชน์ต่อบาดแผลเจ้าแน่นอน ทนต่อไปอีกหน่อยนะ”
เย่หงเฟิงพูดไม่ออกแล้ว
….
อาชาเวหาของตี้ฝูอีเป็นสัตว์พาหนะที่บินได้ว่องไวที่สุดในโลกนี้ ระยะทางหลายร้อยลี้เขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มาถึงแล้ว
ถึงแม้ค่ายกลป้องกันหุบเขาของเขาถามสวรรค์จะร้ายกาจยิ่งนัก แต่ไม่มีทางขัดขวางตี้ฝูอีผู้ชำนาญด้านค่ายกลได้ เขาเข้าไปในเขาถามสวรรค์แห่งนี้ประหนึ่งเข้าสวนหลังบ้านของตนก็มิปาน
เขามาถึงด้านนอกห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่อย่างรวดเร็วยิ่ง มู่เหล่ยรายงานให้เขาทราบ หลังจากหลงซือเย่พาเย่หงเฟิงเข้าไปก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย น่าจะยังอยู่ด้านใน
ตี้ฝูอีพยักหน้า เขามองอาคมหวงหามด้านนอกห้องหลอมโอสถแห่งนี้ก่อน หาวิธีทำลายพบอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้มู่เหล่ยจึงติดตามเจ้านายของบ้านตนเลาะซ้ายป่ายขวาในอาคมหวงห้ามอยู่หลายรอบ เดินหน้าถอยหลังอยู่หลายก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ประตูใหญ่ของห้องหลอมโอสถก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!
ประตูบานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นประตูกลไก จานหมุนเหล็กไหลอยู่อันหนึ่ง บนจานหมุนมีตัวเลขยิบย่อย จากหนึ่งถึงร้อย เรียงแถวกันเป็นยันต์แปดทิศ หนำซ้ำตัวเลขเหล่านี้ยังมีสีสันต่างกันไปอีกด้วย ดูลายพร้อยจนทำให้คนตาลาย
มู่เหล่ยไม่นึกเลยว่าหลงซือเย่ที่เย็นชาเสมอมาจะสร้างสิ่งของพิกลเช่นนี้ออกมา ประตูกลในใต้หล้านี้เขาพบเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว เพิ่งเคยเห็นประตูกลเช่นนี้เป็นครั้งแรก
เขามองเจ้านายของตน ตี้ฝูอีกลับสูร่างที่แท้จริงแล้ว สวมอาภรณ์ม่วงพราวระยับ หน้ากากเงินบนใบหน้าทอประกายเยียบเย็นอยู่ท่ามกลางราตรี
ถึงแม้วรยุทธ์ของเขาในยามนี้ยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ ร่างกายก็ยังไม่กลับสู่สภาพเดิมอย่างแท้จริง แต่เขาสามารถใช้วิชาแปลกายได้แล้ว การแปลงกายให้เป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของตนนั้นเป็นเรื่องที่เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น เพียงการการใช้วิชาแปลงกายนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ หากไม่ถึงคราวจำเป็นเขาก็จะไม่ใช้
มู่เหล่ยติดตามอยู่ข้างกายตี้ฝูอีมานานหลายปี และเป็นมือดีด้านการแก้กลไก เขากำลังจะเข้าไปลองแก้ประตูกลบานนี้ดู ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นประตูกลเช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็มีประสบการณ์ยิ่งนัก ให้เวลาเขาสักครึ่งชั่วยามเขาน่าจะแก้แล้วเปิดได้
นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีที่มักจะคอยวางแผนสั่งการยู่เบื้องหลังเสมอมากลับโบกมือไปทางเขา ให้เขาหลบไปอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ใช้ลำแสงสีขาวที่ร้อนแรงสายหนึ่งผ่าเข้าไปโดยตรง!
มู่เหล่ยตกตะลึง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทำเรื่องราวอย่างสุกเอาเผากินแล้ว!
ลำแสงสีขาวสายนี้ของตี้ฝูอีทำลายได้ทุกสิ่ง หลอมละลายได้ทุกอย่าง ลำแสงสีขาววนเป็นวงอยู่บนประตูรอบหนึ่ง พริบตาเดียวก็เกิดรูที่พอให้คนตัวโตๆ ผู้หนึ่งมุดเข้าไปได้ขึ้น จากนั้นเรือนกายตี้ฝูอีพลันไหววูบ มุดเข้าไปข้างในทันที
มู่เหล่ยก็รีบตามเข้าไปเช่นกัน
หลังจากเข้ามาแล้วเขาก็ตะลึงงัน
ห้องหลอมโอสถของหลงซือเย่ขนาดไม่เล็กเลย ตรงกลางคือเตาหลอมโอสถใบหนึ่ง บนผนังรอบข้างมีชั้นวางรูปทรงประหลาดอยู่ บนชั้นวางมีอุปกรณ์บางอย่างที่เรียกชื่อไม่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แถมยังมีขวดโหลที่มีขนาดแตกต่างกันไปอยู่ด้วย ขวดโหลเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนโปร่งใส ด้านในบรรจุของเหลวหลากสีสันไว้ ในของเหลวเหล่านี้แช่บางสิ่งเอาไว้…
————————————————————————————-