ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1175+1176
บทที่ 1175 มรสุมพิธีสมรส 2
แค่โซ่ตรวนเพียงหกเจ็ดเส้นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
โม่เจ้านิ่งเงียบครู่หนึ่ง วางฝ่ามือลงบนหัวไหล่กู้ซีจิ่ว “คำพูดเจ้าสาวข้ามีเหตุผล เช่นนี้แล้วกัน เจ้าไปปลดตรวนสลายวิญญาณให้เขาสี่เส้น เหลือไว้เพียงสองเส้นก็พอ” กุญแจกึ่งโปร่งใสดอกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ยื่นให้ตรงหน้ากู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปปลดด้วย? ตัวเขามีแต่เลือด ให้ข้าไปปลดกลัวว่ามือจะสกปรก…กุญแจนั้นก็ดูซับซ้อน ข้าเกรงว่าข้าจะปลดไม่ได้ง่ายๆ…”
ครั้งนี้โม่เจ้ายิ้มออกมา “ก็จริงของเจ้า วันนี้เจ้าสาวเป็นใหญ่ที่สุด ข้าจะฟังคำเจ้า”
เขาแกว่งกุญแจดอกนั้น เดินไปปลดตรวนสลายวิญญาณให้ตี้ฝูอีสี่เส้น เหลือไว้สองเส้นบนมือและเท้าทั้งสองข้าง…
แน่นอนว่าเขายังกังวลใจ จึงแอบสกัดจุดตี้ฝูอีไว้เจ็ดถึงแปดจุดตอนที่ปลดตรวนให้ วิธีที่เขาใช้ล้วนแก่กล้า ต่อให้เป็นผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้า หากต้องการคลายจุดนี้ก็ยากเย็นเช่นการปีนขึ้นฟ้า
เขารังเกียจตี้ฝูอีที่มีคราบเลือดกระดำกระด่างขัดลูกตาไปทั้งตัวเช่นกัน จึงโยนเสื้อคลุมให้เขาตัวหนึ่ง พูดพลางยิ้มว่า “เจ้าเป็นคนรักสะอาดมาตลอด วันนี้ต้องมาเปรอะเปื้อนเยี่ยงนี้คงรู้สึกไม่สบายตัวแน่ เสื้อตัวนี้ให้เจ้าไว้ใช้คลุมแล้วกัน”
ร่างของตี้ฝูอีที่คลุมด้วยเสื้อของเขายังขยับเขยื้อนไม่ได้ ทำได้เพียงพูดอย่างแผ่วเบา “ข้าคลุมเสื้อตัวนี้ของเจ้าต่างหากถึงจะเรียกว่าสกปรกจริง ข้าไม่ต้องการความหวังดีจากเจ้า เอาหนังหมูนี้ของเจ้าออกไป”
โม่เจ้ากล่าวอันใดไม่ออก เขาแค่นเสียงคราหนึ่ง ไม่สนใจและไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือความไม่สงบสุขของตี้ฝูอี ตี้ฝูอียิ่งทนทุกข์ทรมานเท่าใด เขาก็ยิ่งเบิกบานใจเท่านั้น
ยิ่งตี้ฝูอีไม่ต้องการเสื้อคลุมของเขา เขายิ่งไม่เอามันออกมา
กู้ซีจิ่วยืนดูอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินตี้ฝูอีกล่าวเช่นนี้ เธอขบเม้มริมฝีปากเล็กของตน “ฮึ ไม่รู้จักดีชั่ว!” ก่อนดึงมือของโม่เจ้าแล้วเดินจากไป “พี่โม่ ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว!”
ยากนักที่หญิงงามจะเป็นฝ่ายจูงมือของเขาก่อน โม่เจ้าดีใจยิ่งนัก
อย่างไรเสียวันคืนที่ผ่านมาถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเรียกเขา ‘พี่โม่’ ไม่ขาดปาก อีกทั้งยังเชื่อฟังเขา ทว่าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็นฝ่ายจูงมือเขาก่อน…
เดิมทีตอนนี้ควรจะจูงแพรแดงอีกครั้ง ทว่าในเมื่อจับมือกันไปแล้ว แพรแดงก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ขณะที่เขากำลังจะโยนแพรแดงในมือทิ้ง กู้ซีจิ่วหันกายเหยียบชายกระโปรงตัวเองเข้า จึงโซซัดโซเซไปด้านข้าง เกือบจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของตี้ฝูอี!
เคราะห์ดีที่การตอบสนองของโม่เจ้ารวดเร็ว ดึงรั้งนางไว้ได้ทันท่วงที “เป็นอะไรไป?”
ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วแดงระเรื่อ “ชายกระโปรงยาวเกินไป ข้า…” ชายกระโปรงด้านหลังของชุดแต่งงานนี้ยาวระพื้นอย่างไม่เข้าที หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยอาจจะสะดุดเข้าได้ และเธอก็เหยียบครึ่งหนึ่งของชายกระโปรงเข้าอย่างแรง…
“เด็กโง่ เดินไม่ระวัง” โม่เจ้าฉีกชายกระโปรงครึ่งหนึ่งที่นางเหยียบออก คราวนี้กู้ซีจิ่วจึงเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น
ฉากโหมโรงเล็กๆ จึงผ่านไปเช่นนี้แล
โม่เจ้าเหลือบมองตี้ฝูอีอีกครา หญิงผู้เป็นที่รักกำลังจะเข้าพิธีมงคลสมรส ทว่าเจ้าบ่าวกลับไม่ใช่ตน ใบหน้าของตี้ฝูอีค่อนข้างซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด เขาลดสายตาลงราวกับไม่ต้องการเห็นภาพฉากนี้
ส่วนหมอหลี่ผู้นั้นยืนจ้องถมึงทึงดั่งเสือรอตะครุบเหยื่ออยู่ข้างเขา มือถือกริชขาวพิสุทธิ์จี้ไว้ที่เอวด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นการป้องกันเผื่อเขาเล่นตุกติกอันใด…
โม่เจ้ากระตุกริมฝีปาก วางใจได้แล้ว!
เสียงพิณยังคงดังกึกก้อง ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มงคลแล้ว
ผู้ดำเนินพิธีตะโกนเสียงดัง “ได้ฤกษ์มงคลแล้ว ขอเชิญบ่าวสาวร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน…”
“หนึ่ง คำนับฟ้าดิน!”
———————————————–
บทที่ 1176 มรสุมพิธีสมรส 3
“สอง คำนับฟ้าดิน…” เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเป็นบุตรที่ไร้บิดามารดา ดังนั้นสองคำนับพ่อแม่ในที่นี้จึงยังคงเป็นการคำนับฟ้าดิน
ส่วนหลงฟั่น ถึงแม้เขาจะเป็นผู้สร้างกู้ซีจิ่วขึ้นมา อย่างไรเสียก็เป็นลูกน้องของโม่เจ้า โม่เจ้าย่อมไม่ยอมรับเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่…
กู้ซีจิ่วคำนับตามอย่างเชื่อฟังโดยตลอด เธอไม่ค่อยคุ้นชินกับการสวมใส่กระโปรงแบบนี้ เมื่อหมุนตัวมักสะดุดอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้คนโดยรอบหัวร่อกันไม่หยุดหย่อน แม้แต่ผู้บรรเลงพิณนางนั้นยังอดยิ้มไม่ได้
โม่เจ้าเกรงว่านางจะสะดุดล้มลงไปตอนกราบไหว้ฟ้าดิน จึงคอยระวังนาง เตรียมพร้อมคอยรับหญิงงามไว้ตลอดเวลา
อาจเพราะนางได้รับยามากเกินไป หลังจากสูญเสียความทรงจำการทรงตัวของนางจึงไม่ค่อยดีนัก ช่วงนี้ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โม่เจ้าตัดสินใจแล้วว่ารอให้เสร็จสิ้นพิธีเรียบร้อยแล้ว เขาไม่เพียงแต่จะหยุดยาทุกชนิดที่ให้นาง อีกทั้งยังต้องให้หลงฟั่นทำให้นางฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพปกติให้ได้
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้นางฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดได้ ก็แต่งงานกับตัวเขาโม่เจ้าไปแล้ว ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก บางทีอาจถึงขั้นมีครรภ์แล้วก็เป็นได้ นางทำได้เพียงยอมรับในโชคชะตาเท่านั้น…
“บ่าวสาวคำนับกันและกัน…” ในที่สุดผู้ดำเนินพิธีก็ส่งเสียงตะโกน
สุ้มเสียงนี้ดังก้องกังวานเป็นพิเศษ ทำให้เสียงพิณของนักพิณนางนั้นดังตามขึ้นไปอีกระดับ!
กู้ซีจิ่วกับโม่เจ้ายืนหันหน้าเข้าหากัน ขอเพียงคำนับซึ่งกันและกันก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ วันข้างหน้าถึงแม้จะไม่ได้ร่วมอภิรมย์ใดๆ แต่กู้ซีจิ่วก็ทำได้เพียงเป็นภรรยาของตัวเขาโม่เจ้า
โม่เจ้าทอดถอนใจเบาๆ โค้งคำนับหลังจากเสียงตะโกน กลับรู้สึกชาบริเวณหัวเข่าขึ้นมาในทันใด ราวกับถูกตัวต่อต่อยเข้า เขาซวนเซเล็กน้อย!
กู้ซีจิ่วที่อยู่เบื้องหน้ายื่นมือไปประคองเขา แต่ไม่อาจประคองเขาได้รวดเร็วนัก ซ้ำยังสะดุดชายกระโปรงตัวเองอีก ไม่ทันได้คว้าโม่เจ้า ตัวนางเองกลับโผเข้าสู่อ้อมกอดของโม่เจ้าเสียแล้ว…
นางกระโจนเข้าไปอย่างรุนแรง หัวเข่าของโม่เจ้ารู้สึกชาวาบขึ้นมาอีกครั้ง ถูกผลักล้มหงายโดยไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนให้มั่นคง หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมาฉับพลัน! ดั่งถูกเหล็กแหลมแทงเข้ามาอย่างจัง…
ทันใดนั้น ดวงตาเขาเบิกโพลง ยื่นมือดันคนในอ้อมกอดออก!
เขาเป็นถึงมารสวรรค์ กลับถูกวางแผนลอบทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเป็นที่สุด หากฝ่ามือนี้ได้ผล กู้ซีจิ่วผู้มีเสน่ห์น่าหลงใหลในอ้อมกอดจะถูกเขาขยี้จนแหลกเป็นจุณ…
“เปรี้ยง!” เงาคนพาดผ่านด้านหน้าราวสายฟ้าฟาด ยับยั้งฝ่ามือของเขาไว้!
สองฝ่ามือปะทะกัน พละกำลังของทั้งสองไม่น้อย เสียงปะทะดังจนทำให้คนใจหายใจคว่ำ ประหนึ่งอัสนีบาตกลางทุ่งกว้างอันเวิ้งว้าง สั่นสะเทือนโสตประสาทของฝูงชน…
โม่เจ้าไม่เพียงใบหูดังหึ่งๆ ฝ่ามือของเขาก็เจ็บปวดยิ่งนัก เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เล่นตามหลักปกติ ฝ่ายตรงข้ามมีของบางสิ่งในฝ่ามือ ซึ่งเจาะทะลวงฝ่ามือของโม่เจ้าในทันใด!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ กู้ซีจิ่วที่อยู่ในอ้อมกอดก็จู่โจมเขาอีกหนึ่งฝ่ามือในเวลาเดียวกัน ซัดเข้าไปตรงหัวใจที่ถูกทิ่มแทง!
เขาเจ็บปวดจนดวงตาทั้งสองพลันพร่ามัว ถอยออกไปเจ็ดแปดก้าวติดกัน
ส่วนกู้ซีจิ่วใช้พลังฝ่ามือนั้นหลบจากเงื้อมมือเขา ร่างกายพลันล่าถอยไป…
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก! เร็วจนทำให้คนในงานต่างแข็งทื่อกันไปหมด…
รอจนฝูงชนที่สับสนมึนงงแยกแยะออกได้ว่าใครเป็นใคร ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างสายตาแล้ว
กู้ซีจิ่วในชุดแต่งงานสีแดงชาดยืนอยู่ไม่ไกล
แต่ตี้ฝูอีซึ่งเดิมทีถูกตรึงไว้บนเก้าอี้กลับยืนอาภรณ์พลิ้วปลิวไสวอยู่ข้างกาย ปกป้องนางไว้อยู่ด้านหลังอย่างเงียบเชียบ ยังคงไม่ลืมตำหนิไปว่า “เจ้าทำเสี่ยงเกินไปแล้ว!”
กู้ซีจิ่วกระตุกริมฝีปากยิ้ม “ไม่เข้าถ้ำเสือมีหรือจะได้ลูกเสือ หากไม่เสี่ยงจะลอบทำร้ายเขาได้อย่างไร?”
———————————————-