ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1189+1190
บทที่ 1189 หมากของตี้ฝูอี 2
แต่ผู้คุมกันของตำหนักใต้ดินเหล่านี้ล้วนถูกพิษกันหมด วิ่งธรรมดาก็กลายเป็นปัญหาแล้ว หากลาวาทะลักเข้ามา พวกเขาอยากวิ่งก็วิ่งไม่ได้แล้ว!
ท่านเจ้าของพวกเขาไม่แยแสความเป็นความตายของพวกเขาเลย…
หลงฟั่นก็ทอดทิ้งพวกเขาแล้วหนีไป ท่านเจ้าคิดจะลากพวกเขาให้ตายตกไปตามกัน ที่แท้ความจงรักภักดีของพวกเขาเป็นเพียงเรื่องน่าขัน…
ผู้คุ้มกันเหล่านี้เนื่องจากเดิมทีถูกพิษจนหน้าเขียวคล้ำแล้ว ยามนี้กลับซีดเทาทันที!
ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดเช่นนี้ พวกเขาจึงเลิกภักดี มีคนไม่น้อยก่นด่าออกมาแล้ว ถ้อยคำที่ก่นด่ากล่าวทำนองว่าโม่เจ้าจิตใจโหดเหี้ยงเยี่ยงเดรัจฉาน พวกเขาตาบอดแท้ๆ ที่ติดตามเขา…
ถึงยามนี้ สามารถกล่าวได้ว่าโม่เจ้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างสมบูรณ์แล้ว
ลูกน้องเหล่านี้ของเขาหากว่าไม่ถูกพิษจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เกรงว่าคงพากันรุมสกรัมเขาไปแล้ว
โม่เจ้าช่างสมกับที่เป็นมารสวรรค์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมไว้สี่ทิศเช่นนี้ก็ยังคงสงบนิ่งยิ่งนัก เขามองตี้ฝูอีอย่างเยือกเย็น “เจ้าช่างสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเสียจริง วางแผนได้ยอดเยี่ยมนัก!”
ตี้ฝูอีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือเท้าศีรษะอย่างเอื่อยเฉื่อย “พูดได้ดี! รับมือกับคนอย่างเจ้า ย่อมต้องวางแผนให้รัดกุมเสียหน่อย ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
โม่เจ้ายิ้ม “ยินดีพนันย่อมต้องยินยอมรับความพ่ายแพ้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด เพียงแต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่กระจ่าง หวังว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะคลายข้อสงสัยให้”
ตี้ฝูอีผลิยิ้มแล้ว “เจ้าอยากถามใช่ไหมว่าเจ้าตรวจสอบอย่างเข้มงวดถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดคนของข้ายังแทรกซึมเข้ามาได้กระมัง? อยากถามใช่ไหมว่าเจ้าติดตั้งกล้งวงจรปิดไว้จนทั่วแล้ว เหตุใดคนของข้ายังติดตั้งกลไกไว้ในโถงใหญ่แห่งนี้ได้? อยากถามใช่ไหมว่าคนของเจ้าถูกพิษใดกัน?”
โม่เจ้าเงียบงัน คนผู้นี้เป็นวิชาอ่านใจหรืออย่างไร?!
“ในเมื่อเจ้าทราบว่าข้าอยากถามสิ่งใด เช่นนั้นคงจะให้คำตอบได้กระมัง?”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”
โม่เจ้าพูดไม่ออก
คนผู้หนึ่งวางแผนการนับไม่ถ้วนเพื่อเล่นงานคนอื่น เมื่อประสบความสำเร็จมิใช่ว่าควรเล่าออกมาอย่างภาคภูมิใจหอกหรือ?!
เขากัดฟัน “เจ้าไม่คิดจะให้ข้าได้เป็นผีรู้แจ้งเลยหรือ?”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ได้ปล่อยให้เจ้าเป็นผีฉงนข้าจะรู้สึกดียิ่งกว่า” เขาไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับโม่เจ้าแล้ว โบกมือให้พวกมู่เหล่ยคราหนึ่ง “จับตัวเขา!”
โม่เจ้าเชิดหน้าหัวเราะ “จับกุมข้า? เจ้านึกว่าอาศัยฝีมืออย่างพวกเขาจะสามารถจับข้าได้หรือ?”
จู่ๆ รอบกายเขาก็เปล่งแสงสีแดงออกมา ปลายของลำแสงสีแดงแฝงเร้นแสงห้าสีไว้ด้วย…
แย่แล้ว! คนผู้นี้จะระเบิดตัวเองอีกแล้ว!
“ระวัง! ขากำลังจะระเบิด!” กู้ซีจิ่วตะโกน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่อกำแพงสีเขียวสายหนึ่ง ปกป้องหลายคนฝั่งพวกเขาไว้
‘ตูม!’ โม่เจ้าระเบิดอีกครั้งแล้วจริงๆ…
เพียงแต่การระเบิดครั้งนี้กลับไม่ได้ระเบิดจนแหลกเละฝนโลหิตโปรยปราย เพียงระเบิดตรงหน้าอกจนเป็นรูใหญ่…
ซากศพล้มลง ดวงวิญญาณของโม่เจ้าก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอีกครั้ง
เขามองซากร่างที่อยู่บนพื้นอย่างไม่กล้าเชื่อสายตาของตน! เงยหน้ามองไปทางตี้ฝูอีทันที ในดวงตาคู่นั้นเส้นฝอยแทบจะแตกซ่านแล้ว “เจ้าเล่นเล่ห์อีกแล้ว!”
อานุภาพการระเบิดร่างกายของเขาผสานกับพลังวิญญาณดั้งเดิมของร่างนี้ว่ากันตามสัดส่วนแล้ว พลังวิญญาณยิ่งสูง อานุภาพยิ่งร้ายแรง
อย่างเช่นตอนที่เขาระเบิดออกมายามที่สิงอยู่ในร่างของหรงเช่อ อานุภาพของการระเบิดคือพลังวิญญาณขั้นห้าตอนกลาง ยามนั้นทั้งตำหนักบรรทมโดนระเบิดจนแทบถล่มออกมาทั้งหมด
และครั้งนี้ถึงแม้ร่างนี้ของเขาจะมีอาการเสื่อมสมรรถภาพ แต่พลังวิญญาณนั้นสูงอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา เขายังนึกอยู่ว่าต่อให้การระเบิดครั้งนี้ไม่อาจระเบิดทุกคนในห้องโถงให้ตายได้ อย่างน้อยก็น่าจะระเบิดห้องโถงแห่งนี้ให้ถล่มลงมาได้…
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาโคจรพลังวิญญาณทั้งหมดแล้วก็ยังทำได้เพียงระเบิดทรวงอกตนให้เป็นรูเท่านั้น…
————————————————————————————-
บทที่ 1190 หมากของตี้ฝูอี 3
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างอ่อนโยน ครานี้ได้คลายข้อสงสัยให้เขา “นี่คือสรรพคุณของอีกอย่างหนึ่งของลูกกลอนสามหยาง ความชอบนี้มิใช่ของข้า เป็นของเจ้าสำนักหลง”
หลงซือเย่ที่อยู่ด้านเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “ข้าไม่กล้ารับความชอบ แผนร้ายนี้เป็นเจ้าที่ออกความคิด!”
สีหน้าของโม่เจ้าเขียวคล้ำ…
เขาหลงนึกว่าหนนี้จับตี้ฝูอีไว้อยู่หมัดแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายวางกับดักตนนับไม่ถ้วนอย่างไร้สุ้มเสียง!
ส่วนเขาที่ระวังแล้วระวังอีก ก็ยังคงติดกับเข้าจนได้! หมากตานี้เขาสมควรได้ชัยแล้วชัดๆ!
สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าตี้ฝูอี “ข้าเสียใจยิ่งนักที่ไม่ได้สังหารเจ้าทิ้งทันที!”
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างจริงจัง “บนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลังให้กินหรอก”
“ตี้ฝูอี แม้แต่การถูกจับเป็นเชลยครั้งนี้เจ้าก็วางแผนไว้ก่อนแล้วใช่ไหม? เจ้าประเคนตัวมาให้ข้า มิใช่ง่ายดายเพียงเพื่อช่วยนางกระมัง” โม่เจ้าชี้นิ้วไปที่กู้ซีจิ่ว
เพียงแต่เขาเพิ่งจะชี้ ตี้ฝูอีก็ซัดฝ่ามือใส่เขาแล้ว “อย่าได้นำอุ้งเท้าของเจ้ามาชี้นาง ข้าไม่ชอบ!”
ถึงแม้โม่เจ้าจะเป็นร่างจิต ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองยังคงว่องไวนัก เคลื่อนกายไปด้านข้างทันที หลบหลีกฝ่ามือนี้ของตี้ฝูอี เขายิ้มเยาะ “ถูกข้าพูดแทงใจเข้ารึไง?”
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างได้อรรถรส “เจ้าใช้แผนยุแยงตะแคงรั่วเช่นนี้ไม่ค่อยฉลาดเลยนะ”
โม่เจ้ายิ้มแวบหนึ่ง “ใช่รึ?” เขาเห็นกู้ซีจิ่วปกป้องคุ้มครองอยู่ข้างกายตี้ฝูอีตลอดจึงรู้สึกขัดตาจริงๆ จึงคิดจะสุมไฟใส่ใจนางสักหน่อย
ยามนี้เทียนจี้เยวี่ย เชียนเยวี่ยหร่าน มู่เหล่ย มู่เตี่ยนก้าวเข้ามาอยู่สี่มุมอย่างเงียบเชียบ ต่างจรดนิ้วเตรียมร่ายอาคมต่อกรกับร่างจิต
กำจัดวัชพืชต้องขุดรากถอนโคน พวกเขาชังเขายิ่งนัก ดังนั้นจึงไม่ได้คิดจะจับเป็นเขา แต่คิดจะโจมตีดวงวิญาณเขาให้แตกสลายไปโดยตรง!
แต่ทว่า…
มุมปากของโม่เจ้ากระตุกเป็นรอยยิ้มประหลาด “ตี้ฝูอี ครั้งนี้เจ้าชนะ เพียงแต่ เจ้าจะไม่ได้หัวเราะในตอนจบ!” เขากระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรง!
ประกายแสงห้าสีผุดออกมาจากไต้ฝ่าเท้าเขาดั่งสายรุ้ง เกิดเสียงปังดังสนั่น พื้นใต้ฝ่าเท้าเขาเหมือนถูกกระตุ้นกลไกบางอย่างเข้า ทรุดตัวลงทันที!
‘ตูม!’ เสาลาวาขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาเสมือนภูเขาไฟระเบิด และเงาร่างของโม่เจ้าก็หายลับไปในพริบตา…
‘ตูม!’
‘ตูม!’
ดูเหมือนจุดที่โม่เจ้ากระทืบจะเป็นกลไกทำลายวังใต้ดินทั้งหลังทิ้ง ทั่วทั้งตำหนักใต้ดินเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นไม่หยุด มีหลายจุดที่ปะทุขึ้นมาคล้ายภูเขาไฟระเบิด พื้นดินสั่นสะเทือน
น่าตายนัก!
กู้ซีจิ่วลอบสบถคราหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายโม่เจ้าจะยังมีลูกเล่นเช่นนี้อยู่
ฝูงชนย่อมนึกไม่ถึงเช่นกัน พากันสะกิดเท้าเหินทะยานออกไปด้านนอก…
….
ลาวาสีแดงฉานปะทุขึ้นทุกหนทุกแห่งในตำหนักใต้ดิน ราวกับทั้งโลกถึงกาลอวสานแล้ว
พวกกู้ซีจิ่วยังว่าดี ถึงอย่างไรก็ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ พวกเขาดหินทะยานไปเกือบถึงทิศทางที่เรือหินอัคคีที่สร้างขึ้นเพื่อออกไปโดยเฉพาะเหล่านั้นแล้ว
น่าเวทนาก็แต่ผู้คุ้มกันของตำหนักใต้ดินเหล่านั้น พวกเขาถูกพิษแล้วไม่มีทางเหาะทะยานได้ ถึงขั้นที่จะวิ่งก็วิ่งได้ไม่เร็ว ถูกลาวาทับถมจนเกิดเสียงกรีดร้องแว่วขึ้นไม่หยุด…
ในใจของกู้ซีจิ่วยังคงเป็นกังวลยิ่งนัก เกรงว่าเรือเหล่านั้นจะถูกทำลายไปแล้วเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเกรงว่าพวกเขาล้วนต้องถูกฝังกลบไว้ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้กันหมด!
ค่อยยังชั่วว่าพอพวกเขาหนีมาถึงสระลาวาด้านนี้ มู่เฟิ่งกับพวกกู่ฉานโม่ก็ปรี่เข้ามาหา
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย หลงฟั่นผู้นั้นที่หนีออกมาก่อนหน้านี้คิดจะมาทำลายเรือพวกนี้ทิ้ง โชคดีที่ผู้เฒ่าพบเห็นเข้าทันกาล…” กู่ฉานโม่ตะโกนมาแต่ไกล
“นายท่าน รีบขึ้นเรือเถอะขอรับ คนของพวกเราควบคุมเรือพวกนี้ไว้แล้ว!” มู่เฟิงก็รายงานอย่างเร่งด่วนเช่นกัน
————————————————————————————-