ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1221+1222
บทที่ 1221 เจ้าก่อเรื่องอะไรมาอีก?
ประมุขเผ่าเงือกถอนหายใจ “เราตกใจเหลือเกิน! ยากนักกว่าพี่หวงจะมีคู่หมั้น ผู้น้องย่อมต้องแสดงท่าทีออกมาบ้าง เอาแบบนี้แล้วกัน วันนี้เป็นวันจัดงานชุมนุมบุปผาพอดี สามอย่างแรกที่ท่านซื้อในงานชุมนุมบุปผาให้ลงบัญชีเราไว้…”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “เมื่อก่อนข้าเคยส่งของขวัญให้เจ้าถึงเจ็ดแปดชิ้น เจ้าซื้อให้ข้าแค่สามอย่างเท่านั้นหรือ?”
ประมุขเงือกหัวโตแล้ว ทว่ายังกล่าวหยอกล้ออย่างไม่มีเหตุผลอยู่ “ข้ารับสนมหนึ่งนางท่านก็ให้เพียงหนึ่งชิ้นนี่นา ถ้ามีฝีมือท่านก็แต่งหลายๆ คนสิ…”
ตี้ฝูอีมองเขาด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ถ้ามีฝีมือเจ้าก็ลองพูดอีกรอบสิ!”
ประมุขเงือกหนาวสะท้าน กล่าวด้วยสีหน้าปวดใจ “ก็ได้ๆ ยากนักกว่าท่านจะแต่งภรรยา เราก็จะไม่ขัดเรื่องมงคลของท่าน ของห้าอย่างแรกที่ท่านซื้อในงานชุมนุมบุปผาให้ลงบัญชีเราไว้หมดเลย”
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “รอประโยคนี้จากเจ้าอยู่เลย!” พลันดึงแขนเสื้อกู้ซีจิ่ว “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปจับจ่าย”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ตี้ฝูอีพาเธอมาทวงซองมงคลนี่เอง
ประมุขเงือกผู้นี้ถึงแม้จะเป็นบุรุษที่งดงามปานสตรี แต่กลับมิใช่พวกตัดแขนเสื้อ ซ้ำยังแต่งสนมอีกเจ็ดแปดนางด้วย และทุกครั้งที่แต่งหนึ่งคนก็จะโผล่หน้าไปหาตี้ฝูอี ถือโอกาสขอซองมงคล ถลุงตี้ฝูอีไปไม่น้อยเลย
ยามนี้ในที่สุดตี้ฝูอีก็มีคู่หมั้นแล้ว ย่อมต้องพามาคิดบัญชี
นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีก็มีสหายเสเพลเช่นนี้ด้วย และเห็นได้ชัดว่าหลานเหยากวงผู้นี้ทราบนามที่แท้จริงของตี้ฝูอี เห็นทีว่าจะรู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว
“พี่หวง ยากนักกว่าท่านจะมา ผู้น้องมีเรื่องอยากหารือกับท่านสักเรื่อง” เรือนกายหลานเหยากวงไหววูบ ขวางทางทั้งสองคนที่กำลังจะจากไปไว้
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง วรยุทธ์ของหลานเหยากวงผู้นี้เก่งกาจนัก!
เธอสายตาดีถึงเพียงนี้ ยังเห็นไม่ชัดเลยว่าหลานเหยากวงเคลื่อนย้ายมาได้อย่างไร!
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “เจ้าก่อเรื่องอะไรมาอีก?”
หลานเหยากวงหน้าเจื่อน “ที่ไหนกันๆ ผู้น้องไม่ได้ก่อเรื่องมาหลายร้อยปีแล้ว คร้งนี้ผู้น้องบังเอิญพบความยุ่งยากเล็กน้อยเข้าจริงๆ ขอเชิญพี่หวงไปนั่งที่ห้องหนังสือของผู้น้องเถิด ให้ผู้น้องได้บอกกล่าแก่ท่านอย่างละเอียด”
สุ้มเสียงเขาเคร่งขรึมจริงจังยิ่งนัก ดูเหมือนจะมีเรื่องขึ้นจริงๆ และเชื้อเชิญตี้ฝูอีไปเพียงผู้เดียวด้วย…
โชคดีที่ประมุขเผ่าเงือกผู้นี้กระทำการมีระเบียบยิ่งนัก เขาสั่งให้สนมที่ตนโปรดปรานเอ็นดูที่สุดนางหนึ่งไปเที่ยวเล่นที่สวนขวัญด้านหลังวังเงือกเป็นเพื่อนกู้ซีจิ่ว
ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบตกลง กำชับกู้ซีจิ่วสองสามประโยค แล้วไปกับหลานเหยากวง
….
สวนขวัญหลังวังเงือกแตกต่างกับสวนของแดนมนุษย์
ปะการังเป็นพฤกษา กระดองเต่ากระเป็นแท่น
พลิ้วไหวอยู่บนพื้นดั่งแพรยาว มีพืชพรรณแมกไม้ที่กู้ซีจิ่วไม่เคยมาก่อนกระจายอยู่รอบข้าง
รสนิยมความชอบของชาวเงือกนั่นซับซ้อน ไม่ว่าสิ่งใดล้วนสร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจงเป็นพิเศษ พืชพรรณแต่ละชนิดล้วนถูกตัดแต่งออกมาอย่างน่าสนใจ กู้ซีจิ่วก็ชมอย่างสนอกสนใจยิ่ง
สนมคนนี้ของหลานเหยากวงย่อมเป็นสาวงามเช่นกัน อยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วปฏิบัติตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดียิ่งนัก อธิบายทุกอย่างในสวนให้เธอฟังเป็นครั้งคราว บางครั้งก็คิดจะหลอกถามที่มาที่ไปของกู้ซีจิ่ว ล้วนถูกกู้ซีจิ่วยิ้มให้แวบหนึ่ง ไม่ตอบอะไร
จากถ้อยคำของสนมนางนี้ กู้ซีจิ่วจึงทราบว่าตี้ฝูอีกับหลานเหยากวงรู้จักกันมาอย่างน้อยหกพันปีแล้ว!
หลานเหยากวงผู้นี้เจ้าสำราญนัก ทำตัวเหมือนเจียเป่าอวี้อยู่เสมอ พูดจาทำนองว่าเลือดเนื้อของสตรีสร้างขึ้นจากน้ำ ต้องปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีถึงจะถูก
วิธีที่เขาปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีก็คือเมื่อพบคนที่ต้องตาต้องใจเข้าจริงๆ ก็จะรับเป็นสนม จากนั้นก็รักถนอมประคองไว้กลางฝ่ามือเสมือนสมบัติล้ำค่า ขอดาวย่อมมิให้เดือน รักใคร่เอ็นดูสตรีข้างกายอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้รักมั่นยืนยาวนัก ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่เขาชมชอบมากเพียงใดเมื่อแต่งให้ถึงมือแล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 1222 ใครเล่าจะรู้ได้ว่าคนผู้หนึ่งจะรักได้เนิ่นนานเพียงใด?
ปกติแล้วรั้งอยู่ได้ไม่ถึงพันปี ความรู้สึกสดใหม่ของเขาก็จะหมดไป แล้วออกตามล่าเป้าใหม่อีกครั้ง…
แน่นอน เขาเจ้าสำราญมากรัก ต่อให้เป็นสนมที่เขาไม่โปรดปรานอีกแล้วก็ยังเลี้ยงดูอุ้มชูไว้ในวังปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดี แต่จะไม่มอบวาสนาให้พวกนางอีกเลย ความโปรดปรานเชิดชูมีให้เพียงนางสนมใสซื่อที่เพิ่งแต่งให้ในปัจจุบัน…
หลานเหยากวงผู้นี้มักอ้างตัวอยู่เสมอว่าเป็นนักรักอันดับหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าตนเจ้าชู้เสเพลเลย
เขาเคยกล่าวไว้ว่า บุรุษในแดนมนุษย์มีสามภรรยาสี่อนุอยู่ทั่วไป ต่อให้บางครั้งมีบุรุษที่แต่งภรรยาเพียงคนเดียว ก็ครองคู่กันเพียงหนึ่งชาติไม่กี่สิบปีเท่านั้น
เขากลับรักใคร่เอ็นดูสนมทุกนางเกือบหนึ่งพันปี นับว่ารักมั่นอย่างยิ่งแล้ว
สนมที่อยู่เป็นเพื่อนข้างกายกู้ซีจิ่วในยามนี้เป็นสนมคนใหม่ที่เพิ่งแต่งให้เขา แต่ก็เป็นระยะเวลาสองร้อยปีแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ปกติแล้วยามที่คิดเรื่องใดก็จะใช้วิสัยของมนุษย์ขบคิด ในความคิดของเธอรักมั่นกันไปชั่วชีวิต นับเป็นความรักที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนริษยาตาร้อนยิ่งนักได้แล้ว
แต่สำหรับเทพเซียนที่เป็นอมตะเช่นนี้ ความรักของพวกเขาจะเป็นยังไง?
แดนมนุษย์ยังมีอาถรรพ์รักเจ็ดปีเลย บอกว่าคนที่รักกันอย่างฟ้าสิ้นดินสลายเมื่อกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว เนื่องจากอยู่กับคนๆ หนึ่งหลายปีเข้า ความหวือหวาเร่าร้อนทั้งหมดจะค่อยๆ หายไป ส่วนใหญ่แล้วความรักจะแปรเปลี่ยนเป็นความผูกพัน แต่ผู้ชายชอบคนหรือสิ่งที่กระตุ้นสัญชาตญาณการต่อสู้ได้ ดังนั้นในช่วงเจ็ดปีของการแต่งงาน ฝ่ายชายจะปันใจไปชอบคนอื่นได้ง่ายมาก…
ส่วนเทพเซียนที่ไม่แก่ไม่ตายเช่นนี้ ให้พวกเขาพบใบหน้าเดิมๆ พันปีหมื่นปี ย่อมไม่มีความคึกคักเร่าร้อนแล้ว
สนมนางนี้แสดงให้กู้ซีจิ่วเห็นความอนิจจังของกาลเวลาที่ไร้ซึ่งความปราณี
ตามที่นางบอกมา อายุขัยของชาวเงือกมีประมาณหนึ่งหมื่นปี และตอนนี้นางก็เพิ่งอายุหนึ่งพันสามร้อยปีเท่านั้น ยังอยู่ในช่วงสาวสะพรั่งพอดี แต่หลังจากอยู่กับหลานเหยากวงมาแล้วสองร้อยปี หลานเหยากวงก็ไม่ได้รักใคร่ทะนุถนอมนางเฉกเช่นสมบัติล้ำค่าเหมือนในอดีตแล้ว และไม่ได้ตอบสนองต่อความต้องการของนางเหมือนเมื่อก่อน…
สนมนางนี้บอกเล่าลูกเล่นทั้งหมดที่หลานเหยากวงใช้เกี้ยวพานางเมื่อปีนั้นให้กู้ซีจิ่วฟัง ลูกเล่นมากมายที่ไม่ว่าหญิงสาวคนไหนก็ต้องใจเต้นรัว ทุกวันจะไปร้องเพลงหน้าเรือนเปลือกหอยที่นางพำนักอยู่ ร่ายรำเพื่อนางต่อหน้าสาธารณชน ส่งของขวัญสารพัดให้นาง เมื่อนางตกอยู่ในอันตรายก็สู้สุดชีวิตเพื่อช่วยเหลือนาง จบเกือบทำลายรูปโฉมอันงดงามที่เขาหวงแหนเสมอมาแล้ว…
ภายใต้การรุกคืบที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สนมนางนี้ย่อมถูกยึดครองเป็นธรรมดา เดิมทีนางเป็นธิดาของอัครเสนาบดีแห่งอาณาจักรเงือก เต็มใจที่จะเป็นสนมลำดับที่แปดของเขา
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าการไปชมสวนก็ถูกสาดน้ำแกงไก่พิษ[1] ชามหนึ่งใส่ได้ด้วย เนื่องจากพอสนมนางนี้รำพึงรำพันจบ ก็กล่าวกับกู้ซีจิ่วว่า “แม่นางกู้ อันที่จริงข้าอิจฉาเจ้ามาก”
กู้ซีจิ่วถามออกไปประโยคหนึ่ง “อิจฉาอะไรข้า?”
สนมนางนี้ถอนหายใจพลางเอ่ย “อายุขัยของมนุษย์อย่างพวกเจ้าแสนสั้น ดูจากพลังวิญญาณของเจ้าน่าจะประมาณขั้นหกตอนกลางแล้วกระมัง? ต่อเจ้าฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้าได้ อายุขัยก็ประมาณพันปีเท่าน้น เมื่อเป็นเช่นนี้ มากสุดเจ้าก็อยุ่ข้างกายคุณชายหวงได้ไม่กี่ร้อยปี เขาสามารถรักเจ้าไปชั่วชีวิตได้อย่างแท้จริง ทำให้เจ้าไม่ต้องลิ้มรสความรักที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ถูกสาดน้ำแกงไก่พิษใส่เช่นนี้ ทำให้เธอนึกถ้อยคำอะไรมาตอบกลับไม่ออกไปชั่วขณะ
ความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้นจริงๆ เมื่อได้รักก็จะรักให้ล้ำลึก หากว่าไม่รักแล้วก็เลิกราเสีย ใครเล่าจะรู้ได้ว่าคนผู้หนึ่งจะรักได้เนิ่นนานเพียงใด?
แม้แต่ตัวเธอเองก็รับประกันไม่ได้ว่าจะรักได้เนิ่นนาน และเธอก็ดูไม่เหมือนคนที่รักมั่นยืนยาวนัก ไม่แน่เธออาจจะเป็นฝ่ายที่เปลี่ยนใจก่อนก็ได้…
เธอใส่ใจแค่ว่าเคยได้ครอบครอง ไม่ใส่ใจว่าจะยืนยาวชั่วนิรันดร์หรือไม่ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะอยากอยู่กับตี้ฝูอีไปชั่วนิรันดร์ยิ่งนัก แต่เรื่องราวในอนาคตผู้ใดเล่าจะทราบได้?
เธอรู้แค่ว่าตอนนี้เธอรักเขา และเขาก็รักเธอเท่านี้ก็พอแล้ว
————————————————————————————-
[1] น้ำแกงไก่พิษ เป็นศัพท์แสลงของชาวจีน หมายถึง พลังหรือความคิดเห็นที่เป็นไปในทางลบ ทำให้รู้สึกย่ำแย่