ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1321+1322
บทที่ 1321 ร่วมเรียงเคียงหมอน 2
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้พักผ่อนมาสี่วันแล้ว ยามนี้พอโล่งอกได้ ก็ฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากแยกจากเขาเพื่อกลับไปพักที่เรือนของตน เกรงว่าถ้าตนไปเดี๋ยวเขาจะสลบไปอีก
ดังนั้นเธอจึงคิดเล็กน้อย ขยับเตียงให้เข้าใกล้ฝั่งนี้อีกหน่อยเสียเลย จากนั้นขึ้นไปนอนแล้วหาวออกมาทีหนึ่ง “ข้าจะงีบสักตื่น ท่านปรับลมปราณไปก่อนนะ”
เธอง่วงจนแทบไม่ไหวแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทนจนชินไปแล้วหรือไม่ หลังจากนอนลงไป เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าดวงตาเมื่อยล้าจนแทบไม่ไหวแล้วกลับนอนไม่หลับ เธอจึงใช้วิชาลับนับแกะของตนเสียเลย เพิ่งจะได้หนึ่งร้อยสิบตัว ทันใดนั้นก็จับสัมผัสบางอย่างได้ ลืมตาขึ้นมาทันที จากนั้นก็กระเด้งตัวขึ้นจากเตียง
ตี้ฝูอีลงจากเตียงแล้ว!
เพียงแต่เขาไม่มีแรงจริงๆ เพิ่งจะลงพื้นสองขาก็อ่อนยวบ ลื่นล้มใส่เตียง…
หัวใจของกู้ซีจิ่วแทบจะเด้งออกมา เธอเคลื่อนกายไปอยู่เบื้องหน้าเขา ยื่นมือไปพยุงเขาไว้ “ท่านจะทำอะไรอีก?!” กล่าวประโยคหนึ่งออกมาอย่างจนปัญญา “ตี้ฝูอี ท่านอยู่สงบๆ หน่อยไม่เป็นหรือ?”
ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะยื้อชีวิตเขากลับมาได้ เขาคิดจะหาเรื่องอีกหรือไง?
หลังจากพูดจบก็รู้สึกว่าถ้อยคำนี้คล้ายว่าจะคุ้นหูอยู่บ้าง…
ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวครานี้เห็นได้ชัดว่าสะเทือนบาดแผลเข้า เหงื่อเย็นเฉียบโซมศีรษะเขา แต่ดวงตากลับมองดูเธอ “ข้าอยากกอดเจ้า…”
ประโยคนี้ของเขาคล้ายจะเป็นการออเซาะ กู้ซีจิ่วอับจนวาจา เห็นแก่ที่เขาเพิ่งปีนกลับมาจากประตูนรกได้ เธอจะหยวนๆ ให้สักหน่อยแล้วกัน กู้ซีจิ่วพยุงเขาขึ้นเตียงอย่างระมัดระวังก่อน โชคดีที่เรี่ยวแรงของเธอมากพอ ไม่ถึงกับประคองไม่ไหว
ท่าทางของเธอเหมือนโอบเครื่องเคลือบที่เปราะบางชิ้นหนึ่งไว้ โอบเบาๆ วางเบาๆ ตี้ฝูอียุดแขนเสื้อเธอไว้ “ขึ้นมาอยู่กับข้า”
กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “ได้ ได้” ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ กู้ซีจิ่วจึงไม่กังวลว่าเขาจะช่วยโอกาสเอาเปรียบ ด้วยเหตุนี้เธอจึงขึ้นไปบนเตียงเขาด้วย เลิกผ้าห่มแล้วมุดเข้าไป
เตียงนี้ใหญ่โตพอ สามารถนอนกันสองคนได้
กู้ซีจิ่วนอนตรงริมเตียง “แบบนี้ได้แล้วกระมัง?”
ตี้ฝูอีมองช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง เพียงพอจะให้คนตัวเล็กๆ ขึ้นมานอนได้อีกคน…
เขาไม่พูดอะไร เตรียมจะกระเถิบเข้ามาอย่างลำบากลำบน
กู้ซีจิ่วรีบกดเขาไว้ “ท่านห้ามขยับ!”
ตี้ฝูอีมองเธอ “งั้นเปลี่ยนเป็นเจ้าขยับแทนไหม?”
กู้ซีจิ่วเงียบไป ทำไมเธอรู้สึกว่าบริบทของรูปประโยคนี้ค่อนข้างไม่ถูกต้องกันนะ!
เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเล่นลูกไม้อะไรอีก กู้ซีจิ่วจึงกระเถิบไปอยู่ข้างกายเขา อยู่ติดกับเขาเสียเลย
เช่นนี้ร่างกายของทั้งสองคนจึงแนบชิดกัน ได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน
จมูกได้กลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยจากร่างเขา ตอนที่ตี้ฝูอีสลบอยู่กลิ่นหอมเย็นนี้อ่อนจางจนแทบไม่ได้กลิ่นเลย
ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นอีกครั้ง ดวงตาของกู้ซีจิ่วจึงแสบร้อนเล็กน้อย ความจริงแล้วเธอโหยหาอ้อมกอดของเขายิ่งนักเสมอมา ทุกครั้งที่มุดอยู่ในอ้อมแขนเขา เธอจะรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ
เพียงแต่ยามนี้เธอไม่กล้ามุดเข้าไป ประการแรกคือยังไม่ได้สะสางกันให้ชัดเจน ประการที่สองคือเขายังเจ็บหนักอยู่ เธอกลัวว่าการเคลื่อนไหวจะกระทบกระเทือนบาดแผลเขาเข้า…
เธอคิดจะจับชีพจรเขาอีกครั้งตามสัญชาตญาณ เป็นความเคยชินที่ก่อตัวขึ้นในหลายวันมานี้
ตี้ฝูอีก็ปล่อยให้เธอจับ แขนข้างหนึ่งโอบเข้ามา กอดเธอไว้ครึ่งหนึ่ง ครั้งนี้ไม่มีลวดลายแล้ว “หลับเถอะ ข้าจะมองเจ้าหลับ”
กู้ซีจิ่วมีค่อนข้างมีปมต่อคำว่า ‘หลับ’ “แล้วท่านจะหลับไหม?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้าเบาๆ “ไม่หรอก” เขาหลับมามากพอแล้ว!
กู้ซีจิ่วถึงได้วางใจเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เธอจึงปิดตาลง เตรียมจะงีบสักตื่น
จะว่าไปก็แปลก ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอนอนคนเดียวไม่ว่ายังไงก็นอนไม่หลับ แต่พออิงแอบอยู่ข้างกายเขา ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะผล็อยหลับไปรวดเร็วนัก
ตี้ฝูอีหลุบตามมองนาง…
—————————————————————
บทที่ 1322 ร่วมเรียงเคียงหมอน 3
ตี้ฝูอีหลุบตามมองนาง สภาพของนางในยามนี้จนตรอกมอซอโดยแท้ แต่เขากลับรู้สึกว่านางน่ามอง น่ามองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นางหลับสนิทยิ่งนัก แพขนตาหลุบลู่ดั่งพัดเล่มน้อย
เมื่อนางหลับเล่ห์เหลี่ยมจะลดน้อยลง เสมือนเด็กน้อยที่ไม่หือไม่อือ
เขาอดกลั้นต่อความเจ็บปวดดึงนางมากอดไว้ในอ้อมอก นางก็โอบเอวเขาไว้ตามสัญชาตญาณ
ใบหน้าน้อยๆ ของนางซุกอยู่ใกล้ทรวงอกเขา ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกนั้นอบอุ่นอย่างยิ่ง
ตี้ฝูอีอดใจไม่ไหวจึงก้มลงไปจุมพิตหน้านางคราหนึ่ง ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่ได้กอดนางไว้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
ดังนั้นเขาที่พออกพอใจอยู่จึงกอดนางไว้แล้วหลับตาปรับลมปราณเล็กน้อย เขาใช้เคล็ดปรับลมปราณแบบพิเศษอย่างหนึ่ง การปรับลมปราณเช่นนี้มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผลที่สุด
เขาเพิ่งหลับตาปรับลมปราณได้ไม่กี่นาที จู่ๆ ก็สัมผัสบางอย่างได้จึงลืมตาขึ้น
กู้ซีจิ่วตื่นแล้ว โน้มกายเข้ามากึ่งหนึ่งมองเขาอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นเขาลืมตาขึ้นเป็นการยืนยันว่าเขายังมีสติอยู่ เธอถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วนอนลงไปอีกครั้ง เอ่ยพึมพำ “ดีแล้ว ท่านไม่ได้สลบไป…” กล่าวประโยคนี้ยังไม่จบนางก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ตี้ฝูอีพูดไม่ออก ดูเหมือนการที่เขาหมดสติในหลายวันมานี้จะสร้างเงามืดให้นางไม่น้อย นางในยามนี้เหมือนเด็กน้อยขวัญเสียคนหนึ่ง
ในใจเขาทั้งปวดหนึบทั้งอบอุ่น ไม่ปรับลมปราณต่อแล้ว เพียงกอดนางไว้เงียบๆ มองนางหลับใหล หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เดี๋ยวนางจะตื่นขึ้นมาอีก…
เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ หลังจากกู้ซีจิ่วหลับไปไม่กี่นาทีก็ลืมตามองเขาอย่างขวัญเสียอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขายังตื่นอยู่เธอถึงได้วางใจ จากนั้นก็หลับไปอีก
ดำเนินไปเช่นนี้ เธอหลับอยู่ในอ้อมกอดเขากว่าหนึ่งชั่วยาม ตื่นขึ้นมากว่าสิบครั้ง และทุกครั้งล้วนต้องได้รับการยืนยันว่าเขายังตื่นอยู่ จับชีพจรเขาไปตามสัญชาตญาณ…
สุดท้ายตี้ฝูอีจึงสัญญากับเธอว่า “วางใจเถอะ ก่อนเจ้าตื่นข้าจะไม่หลับเด็ดขาด!”
ดังนั้นในที่สุดกู้ซีจิ่วเลยหลับไปอย่างสงบมากขึ้น การหลับงีบสุดท้ายนี้ก็นานขึ้นเล็กน้อย ประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ดูแจ่มใสขึ้นไม่น้อย แน่นอนว่าพอเธอตื่นขึ้นมาอย่างแรกที่ทำยังคงเป็นการมองเขาและจับชีพจร ตี้ฝูอีก็ปล่อยให้เธอจับอย่างว่าง่าย ซ้ำยังไม่ลืมที่จะเอ่ยหยอกเธอ “ข้อมือข้าถูกเจ้าจับจนแทบด้านเป็นไตแล้วนะ”
กู้ซีจิ่วหน้าแดงนิดๆ เธอก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองค่อนข้างประสาทแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอเลยปล่อยข้อมือเขา เอ่ยวาจาที่คล้ายกับหมอเฉพาะทางออกมาประโยคหนึ่ง “ชีพจรของท่านทรงพลังขึ้นมาก ฟื้นฟูได้ไม่เลว!”
ตี้ฝูอีมองนาง “เอาล่ะ บอกข้ามา หลายวันที่ผ่านมาเจ้าไม่กินไม่นอนเลยหรือ?” เมื่อครู่เขาก็จับชีพจรนางดูเช่นกัน ชีพจรของนางเบาโหวงเลื่อนลอย เป็นอาการของการอดนอนและขาดสารอาหาร
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง หลายวันมานี้ที่เขาสลบไปเธอคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ถึงแม้หลัวจั่นอวี่จะมาส่งอาหารให้เธออยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่มีความอยากอาหารอันใดเลย ทุกครั้งล้วนกินเพียงคำสองคำก็พอแล้ว
ยามนั้นไม่รู้สึกหิวเลยจริงๆ ถึงขั้นที่ในทรวงอกมักจะรู้สึกจุกแน่นอยู่เสมอ
ตอนนี้พอตี้ฝูอีถามออกมาเช่นนี้ เธอรู้สึกหิวขึ้นมาทันควัน ร่างกายก็ค่อนข้างอ่อนล้า จึงตอบอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ก็ไม่กี่วันหรอก ท่านฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว ข้าจะออกไปบอกให้คนเอาน้ำผลถันภังคีมาให้ท่านดื่ม…”
เธอกระโดดลงจากเตียง ขณะที่กำลังจะวิ่งออกไป ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นด้านนอก หลัวจั่นอวี่ก้าวเข้ามาพร้อมกับสำรับอาหาร
ทันทีที่เห็นตี้ฝูอี เขาทั้งตกใจทั้งยินดี “อ่า ท่านฟื้นแล้ว!”
พลางพ่นลมหายใจออกมายาวๆ “ท่านสลบไปถึงสี่วันเชียวนะ!”
ตี้ฝูอีมองไปทางกู้ซีจิ่ว สี่วัน? นางอยู่ข้างกายเขาคอยดูแลจนไม่ได้พักผ่อนตลอดสี่วันหรือ?
ถึงแม้นางจะหลับไปงีบหนึ่งแล้ว แต่รอยคล้ำใต้ตายังคงเข้มยิ่งนัก
——————————————————————-