ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1347+1348
บทที่ 1347 เธอก็ยังเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
กลางอากาศราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคอนางไว้ นางรู้สึกจุกในลำคอ หายใจไม่ออก ใบหน้าเล็กที่เดิมทีแดงระเรื่อถูกรัดจนกลายเป็นสีเขียวคล้ำ นางพยายามดิ้นรนแต่ไม่มีแรงต่อสู้ ตื่นตระหนกจนแทบปัสสาวะราดแล้ว…
หลังจากนั้นไม่นาน มือล่องหนที่บีบคอนางไว้กลางอากาศเพิ่งจะหายไป เสียงเยือกเย็นของตี้ฝูอีก็ดังขึ้น “ไสหัวไป! อย่าให้ข้าต้องพูดอีกเป็นรอบที่สาม!”
ในที่สุดหวงซังเซียงก็หายใจได้เฮือกหนึ่ง ไหนเลยจะยังกล้าพูดมากอีก หันกายวิ่งหนีไปดังโบยบิน พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายน่าเกรงขามยิ่งนัก อารมณ์ไม่ดีหรือ?” หลัวจั่นอวี่ก้าวเดินเข้ามา มองดูกับแกล้มตรงหน้าตี้ฝูอี “ข้าขอนั่งดื่มสักจอกได้หรือไม่?”
ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ได้!”
หลัวจั่นอวี่อึ้งเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ “ร่ำสุราดับทุกข์เพียงลำพังน่าเบื่อเพียงใด? มิสู้ให้ข้านั่งเป็นเพื่อนท่าน”
มือของตี้ฝูอีกุมใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แลดูเหนื่อยหน่าย คำที่พูดออกมากลับโหดร้ายนัก “ยามนี้ข้าไม่อยากพูดคุยกับผู้ใด รวมถึงเจ้าด้วย!”
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว ท่าทีเขากึ่งมีสติกึ่งสับสนงงงวย ทว่าเขาก็มีศักดิ์ศรี ในเมื่ออีกฝ่ายมีคำสั่งส่งแขกอย่างชัดเจน เขาก็ไม่มีจิตใจจะอยู่ต่อ “เช่นนั้น…ช่างมันเถิด! ความจริงข้าก็ไม่ได้อยากดื่มเป็นเพื่อนท่านสักเท่าใด จริงสิ ซีจิ่วเล่า?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีเย็นชา “นางมีทางเดินของนาง ข้ามีทางเดินของข้า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ที่ใด?”
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว “เห็นๆ กันอยู่ว่านางวิ่งออกมา…หรือว่าไม่ได้ออกมาตามหาท่าน?”
ตี้ฝูอียกจอกเหล้าขึ้นดื่ม “นางตามหาข้า? นางไม่เคยตามหาหรอก…ฮึๆ!” เขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าแดกดันหรือเย้ยหยัน “ข้าไม่ยักรู้ว่านางยังตามหาคนได้ด้วย…ช่างเถิด ข้าก็ไม่อยากเจอนาง หากเจ้าตามหานางก็ไปตามหาที่อื่น อย่ามาพูดมากที่นี่!”
รัศมีของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ทรงอำนาจยิ่งนัก หลัวจั่นอวี่ไม่อยากเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบก้นเย็นๆ ของเขา จึงหันกายเดินจากไปโดยเร็ว
ใต้ต้นไม้เงียบสงัดดังเดิม มีเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนั่งร่ำสุราเป่าขลุ่ยเพียงลำพังอยู่ตรงนี้
กู้ซีจิ่วยืนมองภาพฉากนั้นในเงามืดอยู่ไกลๆ ถึงแม้เธอดื่มเหล้าจนเมามาย แต่หูยังได้ยินชัดเจน ย่อมมองเห็นภาพฉากที่ตี้ฝูอีใช้วาจาจู่โจมไล่ทั้งสองคนออกไป
เนื่องจากเธอยังเมามายอยู่สามส่วน สมองยังไม่นับว่าปลอดโปร่ง เดิมทีเธอวิ่งออกมาเพราะอยากพูดคุยกับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลา ตอนนี้เขาต้องการความเงียบสงบ ไม่อยากให้ผู้ใดมารบกวน…
ตอนแรกที่กู้ซีจิ่วว้าวุ่นใจ ก็เคยผ่านความรู้สึกแบบนี้มาเหมือนกัน อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่อยากให้ใครมารบกวน เธอรู้สึกว่าตี้ฝูอียามนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็จะไม่เข้าไปทำให้เขาต้องรู้สึกทุกข์ใจไปมากกว่านี้…
ยามจำเป็น เธอก็ยังเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
กู้ซีจิ่วที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นใคร่ครวญแล้ว จึงไม่เดินเข้าไป หันกายกลับไปที่เรือนของตัวเอง
เดิมทีเธอเหนื่อยล้า ซ้ำยังดื่มเหล้าเข้าไปอีก หลังจากกลับมาห้องก็ล้มตัวลงที่เตียง ยังดีที่เธอเป็นคนที่ดูแลตัวเอง ยังดึงผ้ามาห่มให้ตัวเองอยู่
คนที่ดื่มเหล้ามักจะนอนหลับได้ค่อนข้างเร็ว กู้ซีจิ่วหัวถึงหมอนก็แทบจะหลับไปเลย
ภายในห้วงความฝันราวกับมีเสียงขลุ่ยดังตลอด…
สำหรับเธอ เสียงขลุ่ยเช่นนี้เสมือนเพลงกล่อมเด็ก ทำให้นอนหลับได้สนิทยิ่งขึ้น
การรับรู้ทางดนตรีของเธอดียิ่งนัก แม้เป็นในห้วงแห่งความฝันเธอก็ฟังออกว่าเพราะหรือไม่
———————————————————————–
บทที่ 1348 หากดื่มจนเมามายจริงๆ เล่า?
การรับรู้ทางดนตรีของเธอดียิ่งนัก แม้เป็นในห้วงแห่งความฝันเธอก็ฟังออกว่าเพราะหรือไม่ เธอรู้สึกได้รางๆ เสียงขลุ่ยหลังจากนั้นแปร่งๆ ไม่ได้นับว่าสมบูรณ์แบบ…
หลับจนถึงกลางดึก เธอถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงฝนเปาะแปะด้านนอก
ยามนี้เธอเริ่มสร่างเมาแล้ว สติก็ตื่นตัวไม่น้อย เธอรวบรวมสติอยู่บนเตียง มองดูหยาดฝนโปรยปรายด้านนอกหน้าต่าง
ฝนตกหนักมาก!
คนที่นี่บอกว่าสถานที่แห่งนี้ฝนไม่ตกง่ายๆ นึกไม่ถึงว่าเธอมาไม่กี่วันก็ตกหนักเช่นนี้แล้ว นับได้ว่าเป็นฝนตกกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนนอนผุดขึ้นมาในใจของเธอ หัวใจพลันสั่นไหว
กู้ซีจิ่วแอบฟังเสียงด้านนอกโดยไม่รู้ตัว มีเพียงเสียงฝนเปาะแปะ ไม่มีเสียงขลุ่ยอีกแล้ว
เธอยิ้มเจื่อน สภาพอากาศเช่นนี้เขาไม่มีทางเป่าขลุ่ยอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่รู้ป่านนี้ไปหลบฝนอยู่ที่ใดแล้ว! เขาไม่ได้โง่งมเสียหน่อย!
ช่างเถิด พรุ่งนี้ค่อยไปหา แล้วพูดคุยกับเขาดีๆ อันที่จริงเขาเองก็ผิด ตอนแรกเขาพูดจาคลุมเครือ เช่นนั้นจะมาโทษที่เธอเข้าใจผิดได้อย่างไร? เธอยอมเป็นตัวแทนไม่ได้จริงๆ นี่! ดังนั้นจะบอกว่าเธอผิดไม่ได้…
ทว่าตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลายแล้ว ในใจของเขามีแต่เธอ กู้ซีจิ่วรู้สึกดีมาก เรื่องอื่นก็ปล่อยมันไปได้แล้ว
เธอหนีการแต่งงานทำให้เขาต้องลำบากยิ่งนัก เขาโกรธก็สมควรแล้ว
หากเธอเตรียมพิธีแต่งงานอย่างพิถีพิถันมีความสุข เทียบเชิญงานแต่งอะไรก็ส่งออกไปหมดแล้ว ทั่วทั้งใต้หล้าล้วนรับทราบกันหมด ท้ายที่สุดเจ้าบ่าวหนีการแต่งงานไปเพราะเรื่องเข้าใจผิด ทิ้งเธอไว้ตรงนั้นให้ผู้คนรายล้อมดุจกล้องสลับลาย เธอก็คงโกรธเคืองยิ่งเช่นกัน ซ้ำยังรู้สึกว่าเจ้าบ่าวไม่ได้รักกันจริง ไม่แน่อาจจะอยากถลกหนังของอีกฝ่ายด้วยก็ได้!
อ่า ความจริงเปลี่ยนมุมมองความคิดสักนิดก็เข้าใจได้อย่างง่ายดายแล้ว
ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการอยู่ร่วมกันของคนรักกันทั้งสอง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงคิดจะไปคุยกับเขาดีๆ พรุ่งนี้ อย่างมากก็ต้องปลอบใจเขาเสียหน่อย
จุดนี้ ถือได้ว่ากู้ซีจิ่วยังมีคุณธรรมลึกซึ้งนัก
กู้ซีจิ่วที่มีคุณธรรมลึกซึ้งวางแผนได้พอประมาณแล้วจึงเอนตัวลงนอนอีกครั้ง หลับตากำลังเตรียมตัวจะนอนหลับ ทว่าไม่รู้ทำไมถึงไม่รู้สึกง่วง เธอรู้สึกกระวนกระวายเมื่อฟังเสียงฝนด้านนอก
เขาอารมณ์ไม่ดีนั่งดื่มสุราอยู่ตรงนั้น หากเมามายไปจริงๆ เล่า?
คนเมาล้มลงได้ง่ายดาย ล้มตรงไหนก็นอนตรงนั้น
หากเขาเมามายเช่นนี้ใต้ต้นไม้ใหญ่…
ในหัวของกู้ซีจิ่วถึงขั้นปรากฏภาพฉากว่าเขานอนคว่ำหน้าอยู่ท่ามกลางสายฝนแวบหนึ่ง เธอตกใจภาพฉากนี้ทันที พลิกตัวลุกขึ้นมา!
ไม่ได้ เธอต้องไปดูสักหน่อยถึงจะวางใจ!
เธอสวมเสื้อผ้าแล้วเคลื่อนย้ายไปทางใต้ต้นไม้นั้นทันที
ฝนซาลงบ้างแล้ว ทว่ายังคงมีละอองฝนอยู่ มีหยาดฝนไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้กู้ซีจิ่วมีพลังวิญญาณขั้นแปดแล้ว เธอเพียงแผ่พลังวิญญาณปกคลุมร่างกาย หยาดฝนเหล่านั้นก็ไม่ตกใส่เธอ
ค่ำคืนมืดมิด แม้แต่โคมไฟที่แขวนไว้บนยอดไม้ยังถูกน้ำฝนโปรยดับไปหลายดวง ที่เหลือไม่กี่ดวงวูบไหวท่ามกลางสายฝน ปรากฏเป็นดวงไฟริบหรี่
กู้ซีจิ่วเดินวนใต้ต้นไม้ใหญ่รอบหนึ่ง ไม่พบแม้แต่เงาของตี้ฝูอี
เธอโล่งอกไปที ตีหน้าผากตัวเองเบาๆ และแอบหัวเราะเยาะความตื่นตระหนกของตัวเอง คนที่เฉลียวฉลาดอย่างตี้ฝูอีจะทำให้ตัวเองล้มลงท่ามกลางสายฝนได้อย่างไร? ตัวเองก็คิดกังวลไปเรื่อยเปื่อย! เขาต้องกลับไปหลบฝนที่ใดที่หนึ่งนานแล้ว ไม่แน่อาจนอนหลับไปแล้วก็เป็นได้…
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะนอนที่ไหน กู้ซีจิ่วไม่เป็นกังวล ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้สร้างที่พักพิงของตนเองได้ตามใจ เขาย่อมไม่มีทางนอนกลางแจ้งอยู่แล้ว
—————————————————————————–