ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1391+1392
บทที่ 1391 กวาดล้างคนโสมม 5
สตรีนางนั้นถอนหายใจ “แต่ข้าได้ยินมาว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีใจปฏิพัทธ์ต่อแม่นางกู้ซีจิ่ว เจ้ารู้ข่าวสารฉับไวที่สุด เป็นความจริงหรือไม่?”
ประมุขหยางรีบเอ่ยตอบ “กู้ซีจิ่วจะคู่ควรกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้อย่างไรกัน? นางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง ยามนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเวทนานางถึงได้หมั้นหมายกับนาง ผู้ที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายชมชอบอย่างแท้จริงก็คือท่านเซียนลี่หวาง…”
สตรีนางนั้นเอามือเท้าแก้ม “จริงหรือ? มีสิ่งใดมายืนยัน?”
ประมุขหยางกล่าวไปว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้ผู้คุ้มกันทั้งสี่คอยรับใช้ท่าน ซ้ำยังมอบรถม้าที่ดีที่สุดให้ท่านใช้เดินทางด้วย ถึงขั้นที่สั่งให้ประชาชนทั่วหล้าเมื่อเห็นรถม้าของท่านก็ต้องคุกเข่าคารวะให้การต้อนรับแต่ไกล ดูหมิ่นล่วงเกินไม่ได้แม้แต่น้อย…กู้ซีจิ่วผู้นั้นไม่ได้รับการให้เกียรติเช่นนี้เลย หลังจากกู้ซีจิ่วผู้นั้นหนีงานแต่งไป ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็สั่งการให้ทั้งแผ่นดินควานหาตัวนาง ข้าน้อยก็เคยเข้าร่วมการค้นหาร่องรอยของนางเพื่อจับกุม เพียงน่าเสียดายที่นางเจ้าเล่ห์เกินไป ไม่ทราบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในซอกเหลือบรูใด จวบจนยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดหาตัวพบ ตามความคิดเห็นของข้าน้อย นางจะต้องถูกสัตว์ร้ายใดเขมือบไปแล้วเป็นแน่ แม้แต่กระดูกไม่หลงเหลือแล้ว เป็นธรรมดาที่จะตามหาไม่พบ ท่านเซียนไม่จำเป็นต้องเก็บสตรีเช่นนั้นมาใส่ใจหรอกขอรับ นางไม่มีค่าพอให้ท่านต้องพะวง…”
สตรีนางนั้นแย้มยิ้ม ลุกขึ้นมา สะบัดกระโปรงเบาๆ ก่อนก้าวมาอยู่เบื้องหน้าประมุขหยาง เอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ประมุขหยาง เห็นแก่ความภักดีที่ท่านมีต่อเซียนหญิงลี่หวางถึงเพียงนี้ ข้าจะบอกความลับเล็กๆ น้อยๆ กับเจ้าข้อหนึ่ง เจ้าอยากฟังหรือไม่?”
ประมุขหยางรีบประจบประแจงนาง “เชิญท่านเซียนกล่าวมาเถิด ข้าน้อยล้างหูรอฟังอย่างยินดีขอรับ”
“ข้าไม่ใช่เซียนหญิงลี่หวางอะไรนั้น ข้าคือกู้ซีจิ่วหญิงชาวบ้านที่เจ้าเอ่ยถึงอย่างไรเล่า…”
ประมุขหยางตะลึงงัน ร่างกายเขาพลันสั่นสะท้าน เบิกตากว้าง “เจ้า…เป็นไปไม่ได้!”
“หืม? ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?” กู้ซีจิ่วไม่สะทกสะท้าน
“พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วเป็นขั้นแปดชัดๆ แต่ท่าน…ท่านเป็นขั้นสิบแล้ว กู้ซีจิ่วหายตัวไปแค่แปดปี จะทะลวงเข้าสู่ขั้นนี้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร? ท่านเซียน…ท่านเซียนอย่าได้ล้อเล่นเลยขอรับ นี่ไม่น่าขบขันเลย…”
กู้ซีจิ่วคลี่ยิ้ม “อันที่จริงข้ายังมีความลับจะบอกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง…”
เธอขยับเข้าใกล้เขาเล็กน้อย “ข้าเป็นฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และเป็นฮูหยินของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ด้วย…”
ประมุขหยางตาโตเท่าไข่ห่านแล้ว “หนึ่งหญิงสองชาย…”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกขึ้นแวบหนึ่ง “คุณหนูอย่างข้ารักนวลสงวนตัวถึงเพียงนี้ จะออกเรือนกับบุรุษสองคนได้อย่างไร?”
ทันใดนั้นคล้ายว่าประมุขหยางจะนึกถึงความเป็นไปได้อันใดขึ้นมาได้ สายตาพลันหันเหไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายซึ่งยืนชมละครอยู่ด้านข้าง “หรือว่า…หรือว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็คือ…ก็คือท่านเทพ…”
ความลับนี้ช่างยิ่งใหญ่โดยแท้ เขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกไปเลย!
ทูตสวรรค์ฝ่ายยิ้มอย่างไม่อินังขังขอบแวบหนึ่ง “ในที่สุดเจ้าก็ฉลาดแล้ว! เช่นนั้นเจ้าตายไปก็ไม่มีห่วงแล้ว…”
กล่าวยังไม่ทันขาดคำ ประมุขหยางก็กระโดดพรวดขึ้นมาปานกระต่าย ยื่นมือไปหมายจะคว้ากู้ซีจิ่ว!
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะจับกู้ซีจิ่วมาเป็นตัวประกัน แต่เบื้องหน้าพลันพร่าเลือน กู้ซีจิ่วที่เมื่อครู่ยังยืนลอยชายอยู่ข้างกายเขาหายไปแล้ว
วินาทีต่อมา เบื้องหน้าเขามีลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งวาบขึ้น หัวใจเขาปวดแปลบขึ้นมาในทันใด!
จากนั้นเขาก็ล้มลงไป
ประมุขหยางเป็นผู้บำเพ็ญขั้นแปด แต่พออยู่ต่อหน้าสองคนนี้ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้กลับด้วยซ้ำ ถูกปลิดชีพไปทันที
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ “เดิมทีข้ายังคิดจะหลอกถามเขาต่ออีกหน่อย ท่านกวาดล้างคนโสมมเร็วเกินไปแล้ว!”
ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่งพลางเอ่ยว่า “คันมือไปชั่วขณะ…เรื่องราวส่วนใหญ่ก็ทราบชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้ล้วงต่อหรอก”
————————————————————————————-
บทที่ 1392 คางคกริอยากลิ้มรสหงส์ฟ้า
ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่งพลางเอ่ย “คันมือไปชั่วขณะ…เรื่องราวส่วนใหญ่ก็ทราบชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้ล้วงต่อหรอก” ขณะที่กล่าว ก็ใช้มือจิ้มไปที่หว่างคิ้วของประมุขหยางด้วย ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงวิญญาณสีขาวจางๆ กลุ่มก็ถูกดึงออกมา
ก่อนตายประมุขหยางฝึกฝนจนบรรลุขั้นแปดแล้ว ดวงวิญญาณก่อตัวจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้ว มันสั่นสะท้านดิ้นรนอยู่ที่ปลายนิ้วตี้ฝูอีอย่างสุดชีวิต คิดจะหลบหนี ตี้ฝูอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรืออย่างไร ถึงได้ส่งเสริมให้คนอย่างเจ้าขึ้นเป็นประมุข?”
แสงสีรุ้งผุดวาบจากปลายนิ้ว วิญญาณดวงนั้นกรีดร้องอยู่ในกลุ่มแสงสองครา สลายเป็นควันในทันใด
กู้ซีจิ่วยกนิ้วให้เขา “โหดมาก!”
ตี้ฝูอีดึงเธอเข้ามา ยื่นมือไปหาเธอแล้วใช้คาถาชำระล้าง
กู้ซีจิ่วสั่นระริก “ท่านทำอะไร?”
“เมื่อกี้เจ้าเข้าใกล้สวะผู้นี้เกินไป” ตี้ฝูอีวางท่าจริงจัง
กู้ซีจิ่วอับจนวาจา นิสัยจู้จี้จุกจิกของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงเหมือนไม่เปลี่ยนจริงๆ เธอกับประมุขหยางคนนี้ถึงขั้นที่ไม่ได้เฉียดโดนตัวกันจริงๆ เลยด้วยซ้ำ…
เธอทำลายซากศพนั้นทิ้ง กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เรื่องราวโดยรวมกระจ่างแล้ว เซียนหญิงลี่หวางที่โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนั้นอ้างตัวว่าเป็นฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์ ร่วมมือกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมคนนั้นเดินหมากตานี้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นี้ต้องรู้จักท่านดีอย่างยิ่ง ปลอมตัวเป็นท่านได้แนบเนียนนัก ด้วยเหตุนี้จึงตบตาคนทั้งโลกได้ อาศัยชื่อเสียงของท่านกระทำตามอำเภอใจ แม้แต่สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ ก็ถูกหลอกไปด้วย แปลกนัก พวกมู่เฟิงก็น่าจะรู้จักท่านดีมิใช่หรือ? ทำไมถึงติดกับล่ะ?”
ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ ว่า “หากว่าพวกเขาใช้แค่เล่ห์กลธรรมดาย่อมทำสี่ทูตติดกับไม่ได้ บางทีอาจจะใช้วิชากู่บงการจิตใจคนด้วย”
กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นี้น่าจะใช่หลงฟั่นกระมัง? ไอ้คนผู้นี้เป็นแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายจริงๆ! หาโอกาสก่อเรื่องได้ตลอด!” เธอใคร่ครวญดูอีกเล็กน้อย “ตามที่ท่านว่าไว้ก่อนหน้านี้ หลงฟั่นต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยสิบปีถึงจะออกมาโลดแล่นได้อีกครั้ง ยามนี้เพิ่งผ่านไปแปดปี ซ้ำยังก่อเรื่องขึ้นสองปีแล้ว เช่นนี้นับได้ว่าเขาฟื้นฟูได้ตั้งแต่ปีที่หกแล้วน่ะสิ ดูท่าเซียนหญิงอะไรนั่นจะมีบทบาทไม่น้อยเลย ซ้ำนางยังแอบอ้างเป็นฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วย…ฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์ สำหรับฮูหยินที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาคนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? มาๆ พูดคุยกันหน่อย”
กู้ซีจิ่วสวมบทบาทเป็นนักข่าว
ตี้ฝูอียื่นมือรั้งเธอเข้าสู่เข้าอ้อมแขน จุมพิตหน้าผากคราหนึ่ง “ฮูหยินของเปิ่นจุนมีเจ้าเพียงผู้เดียว ส่วนคนอื่น…คางคกริอยากลิ้มรสหงส์ฟ้า เจ้าว่าหงส์ฟ้าจะรู้สึกอย่างไรเล่า?”
กู้ซีจิ่วเม้มปากยิ้มแวบหนึ่ง “ไม่แน่ว่าผู้อื่นก็อาจะเป็นหงส์ฟ้าเช่นกัน ถึงอย่างไรก็เป็นนางเซียนจากโลกเบื้องบนมิใช่หรือ?”
ตี้ฝูอีปรายตามองเธอแวบหนึ่ง “นี่เจ้าหึงหวงหรือ?”
กู้ซีจิ่วยิ้มแต้ “เปล่านะ ข้าดีใจมากต่างหาก สามีของข้าเลิศล้ำมากพอถึงทำให้สตรีมากมายถึงเพียงนี้คะนึงหาได้…”
ตี้ฝูอีดึงเธอให้ออกเดิน “ความเลิศล้ำของสามีเจ้าไม่จำเป็นต้องให้หมาแมวพวกนี้มายืนยันหรอก ไปกันเถอะ”
กู้ซีจิ่วชักมือกลับ “เดี๋ยวก่อน พวกเราต้องจัดการปัญหาที่จะตามมาด้วย”
เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรจัดการแปลงโฉมให้ตี้ฝูอี ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอแปลงโฉมเป็นประมุขหยางผู้นั้น ส่วนตี้ฝูอีแปลงโฉมเป็นผู้อาวุโสเหลียง จากนั้นทั้งสองคนเดินออกมา พลางเอ่ยสั่งการหัวหน้าหมู่ที่อยู่ด้านนอกสองสามประโยค บอกว่าจะออกไปจัดการธุระข้างนอกกับผุ้อาวุโสเหลียง อีกสามสี่วันถึงจะกลับมา ให้พวกเขาเฝ้าที่นี่ให้ดี
หัวหน้าหมู่คนนั้นค่อนข้างประหลาดใจอยู่บ้าง เมื่อครู่เขาเห็นผู้อาวุโสเหลียงออกไปแล้วชัดๆ แล้วย้อนกลับมาอีกตอนไหนกัน?
เพียงแต่ผู้อาวุโสเหลียงคนนี้วรยุทธ์ล้ำเลิศ เดิมทีก็ไปมาไร้ร่องรอยอยู่แล้ว
————————————————————-