ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1448+1449
บทที่ 1448 ความจริง 1
เยี่ยนเฉินเคยชมชอบนางถึงเพียงนั้น กู้ซีจิ่วเห็นว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่กันมาตลอด ยามที่พบทั้งสองอีกครั้งยังนึกว่าสองคนนี้จะแต่งงานกันไปแล้วเสียอีก กลับคาดไม่ถึงเลยว่า…
เธอหันไปมองหลานไว่หู่ หลานไว่หู่หลุบตาลงเล็กน้อยไม่พูดอะไร
ส่วนเยี่ยนเฉินก็ทำราวกับไม่ได้ยิน หันไปพูดคุยกับเชียนหลิงอวี่ ยามนี้กู้ซีจิ่วย่อมไม่สะดวกจะสอบถามความรู้สึกเหล่านี้ เธอส่งกระแสเสียงหาเยี่ยนเฉิน ‘หลานเยวี่ยผู้นี้ไว้ใจได้หรือไม่?’
เยี่ยนเฉินพยักหน้านิดๆ ตอบกลับด้วยกระแสเสียงเช่นกัน ‘ไว้ใจได้’ อดไม่ได้ที่จะส่งเพิ่มมาอีกประโยค ‘ซีจิ่ว ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างกายเจ้าไว้ใจไม่ได้!’
กู้ซีจิ่วก็ทราบอยู่แก่ใจ เธอยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง กวาดตามองทุกคน “หลายปีมานี้ข้าพลัดหลงเข้ายังแดนต้องห้ามแห่งหนึ่ง ถูกขังอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด เพิ่งออกมาได้เมื่อไม่กี่วันก่อน และท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ถูกขังอยู่กับข้าเช่นกัน แปดปีนี้พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอด”
อธิบายอย่างเรียบง่ายยิ่งนัก ทว่าทำให้ทุกคนงงงัน
ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา สายตารวมอยู่ที่ร่างของตี้ฝูอี ดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจและไม่เชื่อถือ
กู้ซีจิ่วกล่าวต่อไป “พูดอีกอย่างก็คือ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างกายข้าผู้นี้เป็นตัวจริง ส่วนที่ก่อกรรมทำชั่วอยู่ด้านนอกนั้นเป็นตัวปลอม!”
หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันระลอกคลื่น ประโยคนี้ของกู้ซีจิ่วให้ผลลัพธ์คล้ายระเบิดยิ่งนัก ทุกคนต่างเบิกตากว้าง…
กู้ซีจิ่วทราบว่าข่าวนี้ทำให้ผู้อื่นตกตะลึงยิ่งนัก เธอเองก็ไม่รีบร้อน รอพวกเขาค่อยๆ ย่อยข่าวสารอย่างสงบ
ข่าวนี้หากว่าเป็นผู้อื่นกล่าวออกมา ทุกคนอาจจะไม่เชื่อ อาจจะคิดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้มีลูกไม้ใหม่อันใดอีก แต่ในเมื่อเป็นกู้ซีจิ่วที่กล่าวออกมาเช่นนี้…
ในที่สุดทุกคนจึงเชื่อ
จางฉูฉู่ระเบิดออกมาเป็นคนแรก “มารดามันเถอะ ที่แท้ไอ้คนผู้นั้นก็เป็นตัวปลอม! ข้าว่าแล้วเชียว สองปีมานี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายราวกับกินยาผิดก็มิปาน ก่อเรื่องที่ทำให้คนชี้นิ้วร้องด่านับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนนึกว่าเขาเป็นหมาป่าหางโตที่ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมา ที่แท้เขาก็เป็นตัวปลอม!”
เชียนหลิงอวี่ก็กำหมัดเช่นกัน “คนผู้นั้นชั่วช้ายิ่งนัก สวมรอยเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้แนบเนียนถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้คุ้มกันทั้งสี่ก็อยู่ข้างกายเขา…”
“ซีจิ่ว เจ้ายังไม่รู้สินะ เขาส่งมาหาให้อาจารย์ใหญ่กู่ส่งลูกศิษย์ไปเป็นกองหนุนช่วยเขาต่อสู้ อาจารย์ใหญ่กู่ไม่ยอม เขาจึงส่งสำนักต่างๆ ที่สวามิภักดิ์ต่อเขามาก่อกวน โชคดีที่ถูกอาจารย์ใหญ่นำกำลังขับไล่ให้ล่าถอยไปได้ทุกครั้ง ทุกคนล้วนถูกเจ้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมทำให้ชิงชังไปแล้ว แต่ก็อับจนวิธี” หลานไว่หูก็พูดเป็นต่อยหอยเช่นกัน
“แล้วทำไมพวกเจ้าถึงละทิ้งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์? คนอื่นๆ ล่ะ? ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน?” ตี้ฝูอีสอบถามช้าๆ
สายตาที่ทุกคนมองเขาระแวงคลางแคลงขึ้นมาอีกครั้ง ถึงอย่างไรทุกคนก็รังเกียจเขามาเกือบสองปีแล้ว ต่อให้ยามนี้ทราบแล้วว่านั่นเป็นตัวปลอม แต่ในสัญชาตญาณก็ยังคงระแวงใบหน้านี้อยู่ดี
ตี้ฝูอีย่อมทราบปมในใจของพวกเขาเช่นกัน เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ “ยังไม่ไว้ใจข้าอีกหรือ?”
ในที่สุดเยี่ยนเฉินก็ได้สติ ชะงักไปเล็กน้อย แล้วบอกเล่าเรื่องราวของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้
หลังจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ขับไล่กองกำลังทั้งหลายออกไป กู่ฉานโม่ก็ห้ามไม่ให้เหล่าศิษย์ออกไปด้านนอก และทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นก็น่าจะทราบแล้วว่านี่เป็นกระดูกแข็งที่ยากจะเคี้ยวได้ จึงไม่มีความเคลื่อนไหวไปพักหนึ่ง ในช่วงที่ทุกคนโล่งใจอยู่ จู่ๆ ภายในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็เกิดเรื่องประหลาดยิ่งนักขึ้น
เริ่มขึ้นในวันหนึ่ง ทุกคนต่างฝันร้าย!
อันที่จริงการฝันร้ายมิได้น่าหวาดกลัว แต่ที่น่ากลัวคือฝันร้ายอยู่ทุกวัน และสถานการณ์ในความฝันก็น่าหวาดผวา ต่อให้เป็นชายชาตรีก็ยังอกสั่นขวัญแขวน นับประสาอะไรกับเหล่าเด็กสาวเล่า?
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทุกคนฝันแบบเดียวกันหมด
——————————————————————–
บทที่ 1449 ความจริง 2
ทะเลโลหิตเนืองนองไปทั่ว มีโครงกระดูกกระโดดโลดเต้น มีสัตว์ร้ายกินคน ต้องเบิกตามองญาติสนิทมิตรสหายที่ห่วงใยถูกทะเลโลหิตกลืนกินไปทีละคนๆ เสียงกรีดร้องที่พวกเขาเปล่งออกมายามจะสิ้นชีพทำให้ทุกคนที่ฝันหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบโซมกาย…
ความฝันเช่นนี้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว แต่ถ้าฝันเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ เล่า? ขอเพียงหลับตาลงก็จะไปโผล่ในทะเลโลหิต ทำได้เพียงมองญาติมิตรตายไปทีละคนเล่า?
แรกเริ่มถึงแม้ทุกคนจะถูกฝันร้ายเคี่ยวกรำ แต่ผู้ใดก็อับอายที่จะกล่าวออกมา ศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่สูงส่งถูกความฝันทำให้หวาดผวาเช่นนี้จะไม่เป็นที่ขบขันของผู้คนหรอกหรือ?
จิตใต้สำนักของทุกคนไม่อยากนอนหลับ กล่าวอีกนัยก็คือก่อนนอนพยายามทำสมาธิเสริมสร้างจิตใจอย่างเต็มที่ ท่องเคล็ดฝึกจิต
แต่ไม่มีประโยชน์เลย เมื่อถึงตีหนึ่งทุกคนหลับใหลไปพร้อมกัน จากนั้นก็จะถูกฝันร้ายนั้นก่อกวนอีกครั้ง ทำให้คนแทบแตกสลายแล้ว
ความฝันนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนหลับไม่สนิทเท่านั้น ถึงขั้นที่พลังยุทธ์ก็มีสัญญาณว่าจะถดถอยลงด้วย!
หลังจากที่เบ้าตาของทุกคนดำคล้ำอยู่หลายวัน เหล่าศิษย์ที่พลังยุทธ์ที่ถดถอยลงเล็กน้อยก็เริ่มหารือกันเป็นการส่วนตัว จากนั้นทุกคนก็พบว่ากำลังประสบปัญหาแบบเดียวกันอยู่ ด้วยเหตุนี้ในที่สุดทุกคนจึงพบแล้วว่าผิดปกติ เริ่มรวมตัวกันไปรายงานเบื้องบน…
และเมื่อถึงยามนั้นกู่ฉานโม่จึงได้ทราบว่าคนที่ถูกฝันร้ายนี้ขู่ขวัญมิได้มีแค่ตน…
สถานการณ์เช่นนี้ประหลาดยิ่งนัก เหล่าผู้อาวุโสของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ตรวจสอบค้นคว้ากันอยู่หลายวัน ก็ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น
บางคนเดาว่าเป็นอาถรรพ์จากสิ่งชั่วร้าย แต่ทุกคนแทบจะพลิกทั้งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้วก็ไม่พบสิ่งอาถรรพ์ตรงไหนเลย
ในช่วงหลายวันนั้นผู้คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ต่างอกสั่นขวัญแขวน ไม่มีผู้ใครทราบว่าควรทำอย่างไรดี ประจวบกับลูกศิษย์ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ส่งออกไปจับจ่ายซื้อของที่ภายนอกมีเรื่องให้ล่าช้าจึงต้องค้างแรมอยู่ด้านนอก กลับนอนหลับฝันดี ไม่ฝันร้ายอีกต่อไป
เมื่อศิษย์เหล่านี้กลับมาบอก ทุกคนต่างปรารถนาจะหลุดพ้นจากฝันร้าย ทุกคนย่อมคิดหาหนทางออกไปข้างนอกเป็นธรรมดา…
จะว่าไปก็แปลก ไม่ว่าผู้ใดเมื่อนอนข้างนอก ขอเพียงบนร่างไม่ได้พกของใช้ประจำวันของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไว้ ก็จะนอนหลับสนิท แต่พอกลับมาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ฝันร้ายย่อมมาเยือนอีก
พวกกู่ฉานโม่คิดจนหัวแทบแตกก็คิดหาสาเหตุไม่ได้ ยามนั้นทุกคนต่างถูกฝันร้ายรังควานจนเบ้าตาคล้ำโหลประหนึ่งผีน้อยแทบทุกคนแล้ว ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้กู่ฉานโม่ที่อับจนหนทางอย่างแท้จริง จึงมีคำสั่งให้พาทุกคนอพยพออกไป…
เนื่องจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นคอยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อพวกกู่ฉานโม่พาเหล่าศิษย์ย้ายออกไปเงียบๆ จึงไม่มีผู้ใดตื่นตระหนก
และที่พักพิงก็คือหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา
ที่นั่นวิถีชีวิตเรียบง่าย เส้นทางสัญจรถูกปิดกั้น ชั่วชีวิตของชาวบ้านที่นั่นไม่เคยออกมาจากหุบเขาเลย ถึงขั้นที่ไม่รู้ด้วยว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือใคร ไม่รู้จักโลกภายนอกเลยสักนิด ย่อมไม่วิ่งออกมาเปิดโปงความลับ…
แน่นอน ถึงอย่างไรสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็เป็นฐานหลักมาหลายร้อยปี พวกกู่ฉานโม่ยังคงอาลัยที่นั่นยิ่งนัก บางครั้งก็ส่งลูกศิษย์กลับมาตรวจสอบดูบ้าง ลูกศิษย์ที่กลับมาตรวจดูเมื่อไม่พำนักอยู่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้านอนหลับฝันร้ายก็จะมาเยือนถึงประตู
ไปๆ มาๆ เช่นนี้ เหล่าศิษย์ที่กู่ฉานโม่ส่งมาตรวจสอบจึงไม่ขยันขันแข็งนัก เพียงมาตรวจดูทุกสามวันห้าวันเท่านั้น
ศิษย์ที่ถูกส่งออกมาในครั้งนี้คือพวกเยียนเฉิน เดิมทีหลังจากทุกคนตรวจดูเรียบร้อยก็คิดจะมาพักเท้าที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ กลับนึกไม่ถึงว่าเมืองนี้จะล่มสลายแล้ว ซ้ำยังประสบกับสัตว์ประหลาดเขี้ยวตะปูเหล่านั้นด้วย แทบจะย่อยยับกันทั้งกองแล้ว…
เยี่ยนเฉินเหล่าสิ่งที่พบเจอมาคร่าวๆ กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงเลยว่าสาเหตุจะเป็นเช่นนี้ เธอมองไปที่ตี้ฝูอี ลองคาดคะเนดู “เป็นเล่ห์กลของตัวกินฝันหรือเปล่า?”
———————————————————————-