ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1494+1495
บทที่ 1494 ภูมิหลังของจิ้งจอกน้อย 2
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นประวัติลับช่วงหนึ่ง ความจริงเหลิ่งอู๋ซวงก็รู้ประวัติลับนี้ นางคิดว่าไม่มีทางมีผู้ใดบนโลกใบนี้ล่วงรู้ นึกไม่ถึงว่ากลับถูกหลานเยวี่ยเปิดเผยต่อหน้าทุกคนที่นี่
เมื่อตกอยู่ภายใต้ความโกรธขึ้ง นางแก้ตัวเสียงดัง แทบจะสู้ตายกับหลานเยวี่ย ไม่มีการสงวนท่าทีใดๆ อีกแล้ว
กู้ซีจิ่วปล่อยนางเอ็ดตะโรไปสักพัก แล้วจึงค่อยเอ่ยปาก “อันที่จริงการพิสูจน์ว่าเจ้ามีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามหรือไม่นั้นช่างง่ายดาย คนเผ่าจิ้งจอกครามแปลงกายได้ แม่นางเหลิ่งแปลงกายเสียหน่อยเป็นอย่างไรเล่า? ได้ผลกว่าถ้อยคำเป็นหมื่นคำของเจ้าอีกไม่ใช่หรือ?”
เหลิ่งอู๋ซวงสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย “ได้! เช่นนั้นข้าจะแปลงกายให้พวกเจ้าได้เห็น!”
นางจรดนิ้วร่ายคาถาต่อเนื่องบนร่างกายตัวเอง ผ่านไปครู่หนึ่ง รูปลักษณ์นางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตากลายเป็นสีฟ้าคราม รูปร่างสูงขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่เดิมทีเป็นรูปไข่กลับกลายเป็นใบหน้าที่เรียวยาวขึ้น คล้ายจิ้งจอกอยู่บางส่วน
นางเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจเมื่อแปลงกายเรียบร้อย หันกลับไปกล่าวอย่างเย็นชา “หลานเยวี่ย บัดนี้เจ้าเห็นแล้วสินะ?! ข้าแปลงกายได้!”
เยี่ยนฮูหยินที่เดิมทีเหมือนถูกฟ้าผ่า เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง กล่าวอย่างเย้ยหยัน “อู๋ซวงเป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามจริงๆ หลักฐานได้ปรากฏที่นี่แล้ว คุณชายหลานยังมีถ้อยคำอันใดจะพูดอีกหรือไม่?!”
นางก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน ดึงแขนเสื้อของเยี่ยนเฉินไว้ “เฉินเอ๋อร์ เจ้าดูอู๋ซวงสิ นางเป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามจริงแท้แน่นอน หากต่อไปเจ้าแต่งงานกับนาง จะมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนพลังยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้าเป็นผู้นำในอนาคตของตระกูลเยี่ยนเรา ไม่อาจเอาแต่ใจได้อีกต่อไป…”
เยี่ยนเฉินสะบัดมือของมารดาเยี่ยนในทันที น้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าไม่สนใจเผ่าจิ้งจอกครามอะไรนั่นหรอก!”
ในขณะที่มารดาเยี่ยนกำลังจะพูดต่อ กู่ฉานโม่ที่ชมเหตุการณ์อยู่ด้านข้างมาตลอดพลันเอ่ยขึ้น “ไม่ถูกต้อง! นี่ไม่ใช่วิชาแปลงกายของเผ่าจิ้งจอกคราม นี่คือวิชาอำพรางโฉม!”
เหลิ่งอู๋ซวงนิ่งงัน นางนึกไม่ถึงว่ากู๋ฉานโม่จะรอบรู้ถึงเพียงนี้!
หลานเยวี่ยส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “วิชากระจอกงอกง่อยเช่นนี้ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงในเผ่าจิ้งจอกคราม แต่ดูเหมือนตอนแรกยายเจ้าก็อาศัยวิชากระจอกนี้ลวงหลอกตาเจ้า ทำให้เขาหลงรักอย่างสุดหัวใจ วิชาแปลงกายของเผ่าจิ้งจอกครามต้อยต่ำขนาดนี้เชียวหรือ? วิชากระจอกของเจ้ามีไว้หลอกลวงคนนอกได้เท่านั้น”
ใบหน้างดงามของเหลิ่งอู๋ซวงเขียวคล้ำและขาวสลับไปมา นางยังคิดจะบิดเบือนโดยคิดว่าผู้คนที่นี่โดยพื้นฐานล้วนเป็นคนนอก แต่กู้ซีจิ่วเอ่ยปากขึ้นทันที “หลานเยวี่ย แปลงกายของจริงให้นางเห็นเสียหน่อย”
หลานเยวี่ยไม่พูดจามากความ จรดนิ้วมือทำมุทรา พลันแปลงกายเป็นรูปลักษณ์แบบหนึ่ง…
รูปลักษณ์ที่แปลงกายเป็นแบบที่กู้ซีจิ่วเคยเห็นในความทรงจำของจิ้งจอกน้อย มีเสน่ห์น่าดึงดูด มีไอเซียนพิเศษของเผ่าจิ้งจอกคราม เป็นแบบที่ผู้ใดก็ไม่สามารถปลอมแปลงได้
เมื่อได้เห็นของจริง ของปลอมก็จะปรากฏขึ้นโดยปริยาย
ประหนึ่งของจริงกับของปลอมด้อยคุณภาพ ต่อให้คนที่ไม่เคยเห็นก็สามารถแยกแยะของจริงกับของปลอมได้
สายตาเกือบทุกคู่ต่างจดจ้องไปที่ร่างของเหลิ่งอู๋ซวง มีเพียงอักษรตัวใหญ่สองตัวเขียนไว้ในสายตา ‘ของปลอม!’
ใบหน้างดงามของเหลิ่งอู๋ซวงถอดสีแล้ว นางยังพยายามเล่นสำบัดสำนวน “นี่…เจ้า…บิดามารดาเจ้าล้วนเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม ย่อม…ย่อมต้องเป็นสายเลือดโดยตรงมากกว่าข้าอยู่บ้าง ส่วนข้ามีสายเลือดแค่เพียงเสี้ยวหนึ่ง…ต่างกับเจ้าก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
สีหน้าหลานเยวี่ยเยือกเย็นลง รอยยิ้มมุมปากแฝงความกระหายเลือด “ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังเล่นลิ้นอีก! ไหนเลยจะแอบอ้างเป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามได้ตามใจชอบ?! พวกเจ้าหลอกลวงกันในตระกูลก็ช่างเถิด เจ้ายังกล้าแอบอ้างต่อหน้าสาธารณชนอีกหรือไง?! เจ้าคงรู้ว่าการแอบอ้างเป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามจะได้รับโทษทัณฑ์เช่นไร?! เป็นความผิดมหันต์ฆ่าล้างตระกูล หากส่งข่าวกลับไปยังเผ่าจิ้งจอกคราม ทั้งตระกูลของเจ้าจะถูกมือสังหารของเผ่าจิ้งจอกครามไล่ล่าสังหาร!”
————————————————————————–
บทที่ 1495 ภูมิหลังของจิ้งจอกน้อย 3
ร่างกายเหลิ่งอู๋ซวงพลันสั่นเทา อ้าปากเล็กๆ ค้าง ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใดแล้ว
หลานเยวี่ยมองนางอย่างเยือกเย็น “ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่ง หากยังไม่ยอมพูดความจริง ยืนกรานแอบอ้างแล้วล่ะก็…”
น้ำเสียงของเขาเย็นยาบ ท่าทางอันทรงพลัง ท้ายที่สุด เหลิ่งอู๋ซวงไม่กล้าเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลมาเสี่ยงอันตราย ฝืนกล่าวหลังจากแน่นิ่งอยู่นาน “บางที…บางทีที่เจ้าพูดอาจจะเป็นความจริง แต่ข้าไม่รู้…” นี่ก็เท่ากับยอมรับว่าแอบอ้างแล้ว!
คราวนี้ใบหน้ามารดาเยี่ยนเขียวคล้ำแล้ว!
กู้ซีจิ่วเย้ยยิ้มมองมารดาเยี่ยน “เยี่ยนฮูหยิน ท่านว่าอย่างไร?”
มารดาเยี่ยนย่อมผิดหวังเหลือคณา ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย นางไม่อยากแสดงท่าทีเจ้ายศเจ้าอย่างจนเกินไป ฝืนกล่าว “อู๋ซวงถึงแม้…ถึงแม้ไม่ใช่สายเลือดเผ่าจิ้งจอกคราม แต่ตระกูลนางสูงส่ง ตระกูลเหลิ่งเป็นตระกูลที่มีเกียรติ นับว่าเหมาะสมคู่ควรกับตระกูลเยี่ยน…”
เหลิ่งอู๋ซวงกล่าวเช่นกัน “ตระกูลข้าเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในท้องถิ่น ท่านตาข้าเคยได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์…” นางเหลือบมองหลานไว่หู่แวบหนึ่ง หยักโค้งมุมปาก “จุดนี้นางไม่อาจสู้ได้! มารดานางหนีตามผู้ชายไป บิดาของนางไม่รู้เป็นนักเลงหัวไม้จากที่ใดกัน…”
“เพียะ!” หลานเยวี่ยตบหน้านางไปหนึ่งฉาด “บังอาจ!”
หลานเยวี่ยลงมือรวดเร็วเกินไป เหลิ่งอู๋ซวงที่ถูกตบตกตะลึงไปแล้ว! ถอยหลังไปหลายก้าวติดกัน “เจ้า…เจ้าตบข้า…”
สายตาหลานเยวี่ยเฉียบคม “นางเป็นถึงธิดาราชครูของเผ่าข้า! แม้แต่ประมุขเผ่าก็ไม่อาจดูหมิ่นราชครูของเผ่าข้าได้แม้แต่น้อย เจ้าบังอาจว่าเขาเป็นนักเลงหัวไม้อย่างงั้นรึ?!”
เมื่อประโยคนี้ออกจากปาก นอกจากกู้ซีจิ่วกับหลานไว่หู่ที่รู้เรื่องแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด!
มารดาเยี่ยนยั้งสติไว้ไม่อยู่ที่สุดแล้ว นางลุกขึ้นยืนในทันที “อะ…อะไรนะ?!”
หลานเยวี่ยยิ้มอย่างสบายใจ พูดทีละคำทีละตัวอักษร “หลานไว่หู่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของราชครูเผ่าจิ้งจอกครามหลานอวิ๋นชิง มีสายเลือดสูงส่งที่สุดในเผ่าจิ้งจอกคราม! อย่าว่าแต่คุณหนูเหลิ่งไม่มีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามเลย ต่อให้ยายของเจ้าเป็นสาวใช้เผ่าจิ้งจอกครามจริงๆ แต่นั่นก็เป็นสายเลือดชั้นต่ำ เปรียบเทียบอันใดกับนางไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เจ้า ยายเจ้าพบเจอนางยังต้องคุกเข่าคารวะ ให้เกียรติเรียกนางว่าองค์หญิง!”
เหลิ่งอู๋ซวงกับมารดาเยี่ยนเหมือนถูกตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้านั้นแทบจะอธิบายได้ถึงความพ่ายแพ้
เหลิ่งอู๋ซวงเปล่งเสียงแหลม “ข้าไม่เชื่อ! เป็นไปไม่ได้!”
มารดาเยี่ยนก็เอ่ยโพล่งเช่นกัน “ไม่ใช่ สามีข้าเคยทดสอบหลานไว่หู่ นางไม่มีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามชัดๆ…เด็กที่มีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามจะแปลงกายได้บ้างเมื่ออายุห้าถึงหกขวบ หลานไว่หู่ไม่เคยแปลงกายเลยสักครั้ง…เจ้า…เจ้าจงใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันหมดใช่หรือไม่? นางเป็นไปไม่ได้…”
หลานเยวี่ยเย้ยยิ้ม “เด็กสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามทั่วไปจะแปลงกายบ้างบางครั้งเมื่ออายุห้าถึงหกขวบจริง โดยเฉพาะเมื่อโกรธหรือวิตกกังวล ดูเหมือนเจ้าสองสามีภรรยาจะเข้าใจเผ่าจิ้งจอกครามอยู่บ้าง ทว่าสายเลือดของราชครูนั้นไม่ใช่สายเลือดที่เผ่าจิ้งจอกครามทั่วไปจะทัดเทียม เด็กสายเลือดนี้จะแปลงกายได้ดั่งใจก็ต่อเมื่อฝึกฝนจนพลังวิญญาณบรรลุขั้นเก้าไปแล้วเท่านั้น และหากแปลงกายได้สำเร็จ คนสายเลือดนี้จะมีพละกำลังที่กล้าแกร่งเหนือธรรมดา รู้ฟ้ารู้ดิน คาดเดาลิขิตสวรรค์ ผู้รับตำแหน่งราชครูของเผ่าข้าล้วนเป็นผู้สืบทอดของสายเลือดนี้มาโดยตลอด”
เขาเหลือบมองหลานไว่หู่แวบหนึ่ง “หากไม่มีเหตุการณ์ใดผิดพลาด หลานไว่หู่ก็จะเป็นราชครูรุ่นต่อไปของเผ่าข้า ฐานะของนางสูงศักดิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จะมาเปรียบเทียบกับของปลอมได้อย่างไร?”
ฝูงชนต่างนึกไม่ถึงว่าหลานไว่หู่จะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ธิดาราชครูเผ่าจิ้งจอกคราม สูงศักดิ์ยิ่งกว่าประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม…
เหล่าศิษย์พี่น้องหญิงชายของหลานไว่หู่ย่อมดีใจเป็นที่สุด ต่างทยอยกันมาแสดงความยินดีกับนาง
จางฉูฉู่หัวเราะเริงร่า
———————————————————————