ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1504.1 (1)
บทที่ 1504 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงตัวปลอม (1)
ยอดฝีมือภายใต้การนำของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในตอนนี้มากมายดังเมฆา ผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าสิบกว่าคน ยามนี้ คนเหล่านี้ก็พรางตัวข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย จ้องมองประหนึ่งพยัคฆ์ที่พร้อมจะเผชิญหน้าทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นพลังยุทธ์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้สูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พลังวิญญาณอย่างน้อยขั้นสิบขึ้นไป และถึงแม้เซียนหญิงลี่หวางท่านนั้นไม่ค่อยได้แสดงฝีมือเท่าใด ทว่ากู้เซี่ยเทียนก็รู้ว่าพลังวิญญาณของนางน่างเกรงขามเป็นที่สุด…
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงอยู่ท่ามกลางฝูงชนในลานกว้างแห่งนี้ อีกทั้งยังแอบซ่อนยอดฝีมือพลังวิญญาณขั้นเจ็ดกับขั้นแปดขึ้นไปอีกมากมาย เตรียมการมาเป็นอย่างดี คนชุดนี้ต้องมีเป็นร้อยคน…
ถึงแม้ว่าคนที่กู่ฉานโม่พามาล้วนเป็นผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าทั้งนั้น ทว่าจำนวนน้อยนิด ทั้งหมดมีเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้น
แม้ครั้งนี้พวกเขาบุกมาช่วยเหลือคนอย่างอุกอาจ ทว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะช่วยเหลือคนสามร้อยกว่าคนนี้ให้ฝ่าวงล้อมอันแน่นหนานี้ออกไปพร้อมกันได้?
อย่างไรเสีย ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เป็นผู้ยึดกุมอำนาจการบริหารราชกิจแผ่นดิน ทั้งอำนาจทหารและการเมืองของอาณาจักรเฟยซิงอยู่ในกำมือเขาอย่างเบ็ดเสร็จ กองทหารรักษาพระองค์ภายในและภายนอกไม่มีหนึ่งหมื่นก็ต้องมีแปดพัน ปิดล้อมจนพวกเขาสิ้นชีพได้ ไม่มีความหวังที่จะรอดเล็ดออกไปได้แม้แต่น้อย…
ถึงแม้พวกกู่ฉานโม่ยังไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ทว่ากู้เซี่ยเทียนได้รับน้ำใจนี้ไว้แล้ว!
เป็นอย่างที่กู้เซี่ยเทียนคาดเดาไว้ไม่มีผิด ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเซียนหญิงลี่หวางท่านนั้นไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อยเมื่อเห็นพวกกู่ฉานโม่!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลับยิ้ม “เจ้าสำนักกู่ ไม่ได้พบกันเสียนาน!” ซุ่มเสียงอันนุ่มนวลทว่ากลับแฝงด้วยความเย็นชา
เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ผู้คุ้มกันกับสาวใช้นับสิบเบื้องหลังเขากระจัดกระจายไปเป็นรูปพัดจีบ ปิดล้อมพวกกู่ฉานโม่
เห็นได้ชัดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เตรียมการไว้แล้ว!
พวกกู่ฉานโม่มาในครานี้ เกรงว่าไม่เพียงแต่ช่วยคนออกไปไม่ได้ ซ้ำยังต้องเอาชีวิตพวกเขาเองมาเสี่ยงอีก!
กู่ฉานโม่เหลือบมองผู้คุ้มกันเหล่านั้นแวบหนึ่ง สายตาร่อนลงบนร่างทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากับเจ้าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน มาพูดไม่ได้พบกันเสียนานอะไรเล่า!”
เจ้าผู้นี้คือตัวปลอม เขาพบเจอกับเขาเป็นครั้งแรกจริงๆ
หลายปีมานี้ถึงแม้เจ้าตัวปลอมผู้นี้แอบล้อมปราบสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มาตลอด ทว่าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ติดตั้งเขตแดนนั้น หากคนด้านในไม่ออกมา คนด้านนอกก็เข้าไปไม่ได้ง่ายดาย
ดังนั้นเขากับเจ้าตัวปลอมผู้นี้ยังไม่เคยพบกันอย่างเป็นทางการมาก่อน
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรี่ตาลง ดวงตาเฉียบแหลมดุจคมมีด “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?!”
“ความหมายตามตัวอักษร” คำพูดของกู่ฉานโม่มีนัยยะ
ชาวบ้านด้านล่างมองหน้ากันไปมา คนมากมายทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเคยไปสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่หลายครั้ง ถึงขั้นยังเคยสอนที่นั่นด้วย เมื่อแปดปีก่อนทั้งสองคนยังร่วมมือกันทลายฐานลับของหลงฟั่นกับโม่เจ้า…
เหตุใดกู่ฉานโม่ถึงได้ไม่เคยพบเจอกันไปได้เล่า?
กู่ฉานโม่สูญเสียความทรงจำไปแล้วหรือ? หรือว่าเรื่องนี้ยังมีลับลมคมในอันใดอีก?
สายตามากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างกลุ่มคนบนแท่น ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีลับลมคมในจริงๆ ดวงตาของเขาฉายแววความชั่วช้า “กู่ฉานโม่ หลายปีมานี้มีศึกสงครามทั่วทุกหัวระแหง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ข้าบัญชาการทั่วหล้าเพื่อกอบกู้คืนโลกอันวุ่นวายใบนี้ ข้าเคยเรียกตัวเจ้าตั้งหลายครั้งหลายครา เจ้าล้วนทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่มาช่วยเหลือ ยามนี้กลับออกมาช่วยเหลือกบฏขายชาติผู้นี้ เจ้ามีเจตนาอันใด?!”
กู่ฉานโม่ยิ้ม “ความสามารถในการย้อนเล่นงานคนของจูปาเจี้ยอย่างเจ้าไม่เล็กน้อยเลยนี่ ศึกสงครามนี้ ความโกลาหลนี้ เจ้าไม่ได้เป็นคนก่อมันขึ้นมาหรอกหรือ? เจ้ามองผู้คนเป็นผักปลา สังหารผู้คนอย่างกำเริบเสิบสาน สร้างวิญญาณอาฆาต ผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้ใดที่ความคิดเห็นไม่ตรงกับเจ้าล้วนถูกเจ้าประหารชีวิต เจ้าควบคุมจักรพรรดิ ยึดกุมอำนาจบริหารราชกิจ ทำให้สังคมทั่วทั้งทวีปซิงเยวี่ยตกอยู่ในสภาพอันเลวร้าย ความคับแค้นใจของชาวบ้านร่ำลือไปทั่ว อยากที่จะแล่เนื้อเถือหนังเจ้า เพียงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากภายใต้กฎเหล็กของเจ้าก็เท่านั้น!
เจ้ากระทำความผิดเยี่ยงนี้ จะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้างั้นหรือ?”
ซุ่มเสียงกู่ฉานโม่กังวาลดังระฆัง กล่าวความผิดของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนี้อย่างเคร่งขรึมเฉียบขาด! ทุกถ้อยคำดังกึกก้องทั่วทั้งจัตุรัส
ถ้อยคำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในจิตใจชาวบ้านนับพันรอบ ทว่ากลับไม่กล้าพูดออกมา ยามนี้เมื่อได้ยินกู่ฉานโม่พูดออกมาเสียงดัง ทุกคนเดือดดาลพลุ่งพล่าน รู้สึกได้ระบายความคับข้องใจ ต่างส่งเสียงกรี๊ดให้เขาภายในใจ!
แม้แต่กองกำลังที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนำมาเหล่านั้นยังกระชับกำปั้นภายในแขนเสื้อ ดวงตาฉายแววตื่นเต้น แต่พวกเขาต้องข่มมันเอาไว้ พยายามทำสีหน้าเรียบเฉย
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็รับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน เขายิ้มเมื่อฟังจบ “นกกระจอกไหนเลยจะรู้ปณิธานพญาหงส์! ผู้คิดทำการใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อย เจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดนี้หรอกรึ? ทวีปแห่งนี้แตกแยกมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว ชาวบ้านโง่เขลาเบาปัญญา ยอมอยู่ในเขตปลอดภัย เพียงคิดอยากสงบสุขแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ข้ากลับต้องการให้เกิดศึกสงคราม วิธีการเพียงหนึ่งเดียวก็คือให้ทั้งสามอาณาจักรของทวีปแห่งนี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้วิธีการที่ใช้จะรุนแรงไปบ้าง ทว่าท้ายที่สุดก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อความผาสุกของลูกหลานชนรุ่นหลัง ชาวบ้านไม่เข้าใจความกลัดกลุ้มใจของข้า ตำหนิติเตียนไปต่างต่างนานา บั่นทอนจิตใจประชาชน ย่อมต้องใช้วิธีการบางอย่างให้ชาวบ้านโง่เขลาเหล่านี้เงียบปากเสีย ในฐานะเจ้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อย่างเจ้า แม้แต่เรื่องเหล่านี้ก็ดูไม่ออกหรืออย่างไร…”
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เหล่าขุนนางมืดไม่ว่าทำเรื่องชั่วช้าอันใดจนสวรรค์ขุ่นมนุษย์เคือง ล้วนสรรเสริญตนเองด้วยเหตุผลอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่าเขาทำเยี่ยงนี้ก็ทำไปอย่างเสียไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้
เขามีฝีปากที่ดี คำพูดเหล่านี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม ราวกับผู้ผดุงคุณธรรมยิ่งใหญ่และกล้าหาญแบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์เพื่ออาณาจักรเพื่อประชาชน ทำให้คนที่ติดตามเขาเหล่านั้นต่างทยอยกันพยักหน้า และทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางบางส่วนรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง…
กู่ฉานโม่ยิ้มเย้ยหยัน “ที่แท้การกระทำที่โหดร้ายเลวทรามของเจ้าเหล่านั้นล้วนทำเพื่อชาวบ้าน เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เจ้าใช้ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนเพื่อสร้างคฤหาสน์ทูตสวรรค์ของเจ้า หลังจากสร้างเสร็จสิ้น ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนนั้นไปอยู่ที่แห่งหนใด?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตกตะลึง “พวกเขาย่อมต้องกลับบ้านของพวกเขาไปแล้ว”
“เหลวไหล! ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนนี้ไม่มีใครสักคนได้กลับบ้าน! เพราะเจ้าสังหารพวกเขาอย่างโหดร้ายทารุณ หลอมกลายเป็นวิญญาณอาฆาต อารักขากำแพงแทนเจ้า! กำแพงนั้นของเจ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอก เสมือนปกคลุมด้วยไอเซียน ทว่านั่นเป็นเพียงแค่วิธีการพิเศษอย่างหนึ่งที่เซียนหญิงลี่หวางผู้นี้ใช้เพื่อปกปิดวิญญาณอาฆาต ทำให้วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นเปรียบเสมือนไอเซียน!”
น้ำเสียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหมองหม่น “เจ้ามีหลักฐานอันใดมาพูดจาเยี่ยงนี้!” ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนไม่มีใครสักคนที่หลบหนีออกไปได้สำเร็จ ล้วนถูกสังหารตามรายชื่อทีละคน และหลังจากวิญญาณอาฆาตผ่านการหลอมรวมแบบพิเศษ ไม่มีผู้ใดรู้เห็น แค่อาศัยความสามารถในการสังหารคน ดังนั้นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมท่านนี้เชื่อว่าไม่มีผู้ใดจะหนีเล็ดรอดออกไปเป็นพยานได้อีก ดังนั้น จึงเอ่ยถามออกไปเยี่ยงนี้เพราะไม่มีความหวาดกลัวใดๆ
“กองโครงกระดูกใต้ทะเลสาบในคฤหาสน์ของเจ้าก็คือหลักฐาน!” กู่ฉานโม่พูดแทงใจดำ “เจ้ากล้าระบายน้ำทะเลสาบในคฤหาสน์ของเจ้าออกจนเหือดแห้งหรือไม่เล่า ให้ทุกคนตรวจดูเสียหน่อย?”
—————————————————————–