ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1512+1513
บทที่ 1512 เทพศักดิ์สิทธิ์ ให้พวกข้าออกโรง
การแสดงออกของเซียนหญิงลี่หวางในยามนี้ราวกับองค์หญิงของอาณาจักรใหญ่มาเยือนอาณาจักรเล็กเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี เปี่ยมด้วยความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี นางมองเทพศักดิ์สิทธิ์ “ยามนี้ในดินแดนเบื้องบน ข้าก็มีตำแหน่ง มาที่นี่ก็เพื่อทำตามรับสั่ง เทพศักดิ์สิทธิ์ควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แต่งงานกับข้า…”
คำพูดประโยคหลังของนางยังไม่ได้พูด เนื่องจากเทพศักดิ์สิทธิ์โบกสะพัดชายเสื้อมาทางนาง ลำแสงหลากสีดังสายรุ้งพวยพุ่ง มัดนางไว้ตรงนั้นในทันที
เซียนหญิงลี่หวางกรีดร้องอา เมื่อนางรู้สึกตัวก็นอนอยู่บนพื้นแล้ว…
บนพื้นสกปรกยิ่งนัก มีเลือดที่สาดกระเซ็นจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ นางล้มลงด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสง่างาม เป็นท่าทางสุนัขแทะผืนดิน ใบหน้ากระอักกระอ่วน กระโปรงเปรอะเปื้อนคราบเลือด ผมเผ้าหลุดรุ่ย กระเซอะกระเซิงจนไม่อาจกระเซอะกระเซิงได้อีกแล้ว
ข้ารับใช้คนยักษ์เกราะทองของนางคงนึกไม่ถึงว่าเทพศักดิ์สิทธิ์จะลงมือรวดเร็วปานนี้ ไม่ทันได้ยับยั้งไปชั่วขณะ เมื่อเซียนหญิงลี่หวางล้มลงที่พื้นเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา ส่งเสียงตะโกนด้วยความโมโห “บังอาจ! หาญกล้าจับเซียนหญิงจากดินแดนเบื้องมัดได้อย่างไร…”
ราวกับเขาเป็นสุวรรณเจดีย์องค์หนึ่งในมือถือวัชระกระโจนเข้ามา
พลังยุทธ์ของเขาไม่เลวทีเดียว วัชระนั้นโบกสะบัดเป็นเงาปกคลุมทั่วท้องนภา กดทับลงมาที่เทพศักดิ์สิทธิ์!
เห็นได้ชัดว่าเดิมทีเขาแอบซ่อนพลังยุทธ์ไว้ คนมากมายในจัตุรัสยังเคยเขาแสดงความสามารถ ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพลังยุทธ์ของเขาสูงส่งถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าไม่ได้เห็นแค่เพียงแปดปี พลังยุทธ์ของเขาจะสูงส่งจนน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้แล้ว!
อีกทั้งพลังยุทธ์ที่เขาแสดงออกมาก็ไม่ใช่พลังยุทธ์ของโลกใบนี้ ยามนี้เมื่อใช้พลังทั้งหมด ลมโหมกรรโชกพัดแรงทั่วทุกสารทิศ ความกดดันมหาศาลพัดม้วนทั่วทั้งจัตุรัส
ความกดดันนั้นดุจขุนเขา กดทับจนพวกชาวบ้านแทบจะหายใจไม่ออก
เทพศักดิ์สิทธิ์พลันเลิกคิ้ว กำลังจะลงมือ ฮวาอู๋เหยียน เชียนเยวี่ยหร่าน เทียนจี้เยวี่ยพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกัน “เทพศักดิ์สิทธิ์ ให้พวกข้าออกโรง!”
แล้วออกไปสกัดคนยักษ์เกราะทองนั้นในทันใด ทั้งสองฝ่ายประมือกัน
ฮวาอู๋เหยียนกับเชียนเยวี่ยหร่านเกลียดชังพวกเซียนหญิงลี่หวางกับข้ารับใช้ทั้งสองยิ่งนัก เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาถูกควบคุมโดยกู่ของเซียนหญิงลี่หวาง!
อีกทั้งคนยักษ์เกราะทองนี้ยังเคยจับพวกเขา สอบสอนพวกเขาถึงข่าวคราวของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ต่อมาหลังจากที่พวกเขาถูกกู่ควบคุม เซียนหญิงลี่หวางก็มองพวกเขาเป็นสมุนรับใช้ เรียกใช้และบีบบังคับพวกเขา
ตอนนั้นถึงแม้พวกเขาควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ทว่าภายในจิตใจยังรับรู้ เป็นความอัปยศอดสูอย่างที่สุด รู้สึกเกลียดชังนายบ่าวสองคนนี้จนอยากจะป่นกระดูกเป็นเถ้าธุลี!
หากไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์มาช่วยพวกเขาคลายกู่ เกรงว่าพวกเขายังคงถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดอยู่อย่างนั้น
ในที่สุด ยามนี้พวกเขามีโอกาสแก้แค้นแล้ว ย่อมต้องรีบออกหน้า ทั้งสามคนร่วมกันต่อสู้คนยักษ์เกราะทองนั้น
ทั้งสี่คนเป็นยอดฝีมือยอดเยี่ยม เมื่อปะทะกันขึ้นมา ทั้งจัตุรัสแทบจะแหลกเป็นเสี่ยง เดิมทีรอบด้านจัตุรัสมีกำแพงล้อมรอบ ทว่าการต่อสู้นี้ทำให้กำแพงล้อมรอบเหล่านั้นแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผงไปทั้งหมด…
เคราะห์ดีที่เมื่อพวกเขาต่อสู้ ตี้ฝูอีแก้มัดตระกูลกู้ที่ถูกเชือกมัดไว้ที่เสาเหล็กได้หมดแล้ว คนที่ตี้ฝูอีกับเทพศักดิ์สิทธิ์พามามีมากมาย คนเหล่านี้รีบคุ้มกันชาวบ้านอพยพออกไปยังเขตปลอดภัย ชมการต่อสู้อยู่วงนอก
เทพศักดิ์สิทธิ์คงเกรงว่าชาวบ้านไร้เดียงสาจะโดนลูกหลง จึงสร้างเขตแดนขึ้นมาโดยรอบ โอบล้อมคนวงในที่ต่อสู้ทั้งหมดไว้ในเขตแดนนี้ ให้พวกเขาต่อสู้กันอย่างเต็มที่ และไม่ทำให้ชาวบ้านไร้เดียงสาเหล่านั้นบาดเจ็บได้
ตี้ฝูอีก็ให้คนตระกูลกู้ล่าถอยไป พักพิงที่เสาต้นหนึ่งมองมาจากที่ห่างไกล ในใจคิดหาทางจัดการคนยักษ์เกราะทองนั้น
ยากที่จะได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่เขาเรียกว่ายอดฝีมือดินแดนเบื้องบน เขาย่อมต้องมองให้ชัดเจนทะลุปรุโปร่ง ไม่แน่ภายภาคหน้าอาจยังได้ใช้การ
————————————————————————————-
บทที่ 1513 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักกัน
แดนเบื้องบน เหอะๆ แดนเบื้องบนแล้วอย่างไรเล่า?!
ถ้ากระตุกหนวดเขา เขาก็สามารถขึ้นไปสังหารคนของดินแดนเบื้องบนให้อุจจาระร่วงปัสสาวะราดได้!
ขณะที่เขากำลังชมการต่อสู้อย่างสงบอยู่ ข้างกายมีลมโชยมาเล็กน้อย ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ร่อนลงข้างกายเขา ตี้ฝูอีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง กระเถิบไปด้านข้างสองก้าวไม่สนใจเขา
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กระแอมคราหนึ่ง “เจ้าว่าวรยุทธ์ของคนยักษ์เกราะทองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตี้ฝูอีไม่หันไปเลย ทำราวกับไม่ได้ยิน
ด้วยเหตุนี้เทพศักดิ์สิทธิ์จึงเขยิบเข้าใกล้เข้าอีกนิด “โกรธหรือ?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีเฉยชา “มิกล้า”
เขยิบไปด้านข้างอีกสองก้าว เว้นระยะห่างกับเขาเล็กน้อย
เทพศักดิ์สิทธิ์เงียบงัน
เขาเหลียวไปเล็กน้อย เห็นว่ากู้เซี่ยเทียนกับหลงซือเย่ตลอดจนยอดฝีมือที่พาออกมาจากเขตหวงห้ามเหล่านั้นไม่ได้ชมการต่อสู้เลย ดวงตามากมายหลายคู่มองมาทางทิศนี้ที่พวกเขาอยู่
บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็คิดมากมายสารตะ บ้างก็ราวกับจู่ๆ ก็มีดวงตาเห็นธรรม…
โดยเฉพาะกู้เซี่ยเทียน ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าตาวัวเสียอีก!
เขามองตี้ฝูอีแล้วก็มองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ราวกับทราบอะไรเข้าแล้ว แววตาซับซ้อนยิ่งนัก
เพียงเทพศักดิ์สิทธิ์ยังคงอ่านอารมณ์ในสายตาของคนเหล่านั้นออกอยู่…คู่ตัดแขนเสื้อ!
ในใจของคนนับไม่ถ้วนต่างมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาพร้อมกัน มิน่าล่ะท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้มองท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต่างออกไป ไว้วางใจไร้ใดเทียม มิน่าล่ะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ดูเจ้าสำราญกลับครองตัวเป็นโสดไม่วิวาห์มาโดยตลอด ที่แท้เขากับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้…
กู้เซี่ยเทียนกำหมัดอยู่ในแขนเสื้อ ในใจเริ่มกลัดกลุ้มแทนบุตรสาว
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักกัน แล้วบุตรสาวของตนเล่า?
สรุปแล้วบุตรสาวของตนไปอยู่ที่ใดกัน? เหตุใดไม่ปรากฏตัวออกมาเลย?
เขาข่มใจไว้ไม่อยู่แล้ว ในที่สุดก็ก้าวเข้ามา ทำความเคารพท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็เอ่ยถามตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย สรุปแล้วธิดาข้าอยู่ที่ไหนกันแน่? ในเมื่อท่านมิได้ปักใจในตัวนางแล้ว ก็ปล่อยนางออกมาเถิด คืนความบริสุทธิ์ให้แก่นาง…”
ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย เหลือบมองเทพศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง เทพศักดิ์สิทธิ์มองเขาด้วยรอยยิ้มไม่สอดปากเข้ามา เห็นได้ชัดว่าให้เขาตัดสินใจเอง
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “วางใจเถิด ตอนนี้นางปลอดภัยดียิ่ง ถึงแม้ข้ากับนางจะไร้พันธะหมั้นหมายกันแล้ว แต่ยังคงเป็นสหายกันอยู่ รอให้เรื่องของที่นี่คลี่คลายแล้ว ข้าย่อมต้องคืนความบริสุทธิ์ไร้มลทินให้แก่นาง…”
กู้เซี่ยเทียนถึงได้วางใจ ทำความเคารพเขา “ขอบพระคุณยิ่งนัก!”
ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ “มิต้องเกรงใจ แม่ทัพกู้พาคนในตระกูลกลับไปเถิด คนมากมายถึงเพียงนี้ได้รับความตื่นตระหนกได้รับบาดเจ็บจะต้องปลอบขวัญกันสักหน่อย”
กู้เซี่ยเทียนพยักหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยังคงเอาใจใส่ตระกูลกู้ยิ่งนัก กับเขาก็พูดจาสุภาพไม่น้อย นี่ทำให้เขาค่อนข้างเลื่อมใสชื่นชม
ที่แท้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เป็นพวกตัดแขนเสื้อ! โชคดีที่ครั้งนั้นบุตรสาวขอเขาหนีงานแต่งไป ไม่ได้ออกเรือนกับเขาจริงๆ มิเช่นนั้นจะไม่เป็นแม่ม่ายโดยที่สามียังอยู่หรอกหรือ? แถมบุตรสาวของตนยังต้องแก่งแย่งหึงหวงกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วย…
เช่นนั้นน่าผวาเกินไปแล้ว! โชคดีที่งานวิวาห์นี้ไม่เกิดขึ้น!
เพียงแต่ บุตรสาวก็อายุไม่น้อยแล้ว รอจนพ่อลูกได้พบหน้ากันอีกครั้ง เขาต้องปลอบใจนางให้ดี จากนั้นค่อยหาสามีชาติตระกูลดีให้นางสักคน ให้นางออกเรือนไปอย่างสง่างามมีหน้ามีตา ก็นับว่าคลายความกังวลของเขาได้แล้ว
การต่อสู้ของคนยักษ์เกราะทองกับสามคนนั้นถึงแม้ยากจะพบเห็นได้ในรอบพันปี แต่ครั้งนี้คนตระกูลกู้ได้รับความตื่นตระหนกจริงๆ จวบจนยามนี้ก็ยังมีคนมากมายที่สีหน้าเขียวคล้ำซีดเซียวอยู่ สองขาสั่นระริก ยังมีคนที่ได้รับบาดเจ็บมากมายด้วย ต้องการการปลอบขวัญและการรักษาจริงๆ…
กู้เซี่ยเทียนเป็นผู้นำตระกูล ย่อมต้องดแลปลอบขวัญพวกเขาให้ดี ดังนั้นเขาจึงกลับไปหาคนตระกูลกู้ที่อยู่ในฝูงชน พาพวกเขากลับบ้าน
ยามที่กำลังจะจากไป คล้ายเขาจะสัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่ เขาหันกลับไปตามสัญชาตญาณ บังเอิญสบตากับเด็กหนุ่มชุดเขียวรูปโฉมหล่อเหลาคนนั้นเข้าพอดี
————————————————————————————-