ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1680+1681
บทที่ 1680 น้ำตานางเงือก 1
หลานไว่หูมองทุกสิ่งใต้เท้าด้วยแววตาเลื่อนลอย
ใต้เท้าของนางคือสระโลหิตที่เชี่ยวกราก มีหัวกะโหลกนับไม่ถ้วนกระโดดโลดเต้นอยู่ในทะเลโลหิต
ส่วนร่างของนางก็ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เงินบางๆ สี่เส้น ถูกแขวนไว้เหนือสระโลหิต
โซ่เงินมิได้ล่ามอยู่ที่มือเท้าของนาง แต่เจาะทะลุสะบักไหล่และกระดูกข้อเท้าของนางโดยตรง ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้น
เห็นได้ชัดว่าเช่นนี้เจ็บปวดยิ่งนัก ดวงหน้าน้อยๆ ของนางซีดเผือด บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อผุดพรายหนาแน่น แต่ละหยดรวมตัวกันแล้วไหลลงสู่ปลายคาง แล้วไหลย้อยจากปลายคางอีกที
ภายในเบ้าตาที่ดำมืดเหมือนอุโมงค์ของหัวกะโหลกเหล่านั้นล้วนมีแสงสีแดงที่น่าประหลาดปรากฏอยู่ คล้ายว่ากำลังจ้องมองจิ้งจอกน้อยอยู่ ต้องการกระโจนขึ้นมากัดกินเลือดเนื้อของนาง
มีหลายครั้งฟันขาวเรียงรายของหัวกะโหลกเกือบจะงับโดนฝ่าเท้าของนางแล้ว นางขบริมฝีปากแน่น ไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา
นางเจ็บเหลือเกิน! กลัวเหลือเกิน!
แต่ว่าไม่มีผู้ใดมาช่วยนางเลย…
บางทีนางอาจต้องตายอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ ไม่มีผู้ใดทราบ…
ถูกทรมานเช่นนี้ ถูกเคี่ยวกรำอยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วตายไปเสียยังดีกว่า!
หากมิใช่เพราะในใจยังมีห่วงอยู่ หลานไว่หูแทบจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายให้พ้นทุกข์ไปแล้ว…
ตายไปเสียก็ดี พอตายก็ไม่ต้องเจ็บปวดแล้ว…
แต่นางยังไม่ได้พบหน้าเยี่ยนเฉินเลย นางไม่ได้เจอเขามาเกือบหนึ่งปีแล้ว! อยากพบเขาเหลือเกิน…
หลังจากแยกจากกันครั้งนั้น นางก็ไม่เคยได้พบเขาอีกเลย ถึงขั้นที่ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย ส่วนเขาก็ไม่เคยติดต่อมาหานางเช่นกัน ปล่อยมือจากนางอย่างสมบูรณ์…
นางคิดถึงเขา ยิ่งจากกันนานเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดถึงมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงวันวิวาห์ก็ยิ่งคิดถึงหนักขึ้น ซ้ำยังหวั่นเกรงยิ่งนัก ดังนั้นท้ายที่สุดนางจึงตัดสินใจหนี
กลับคาดไม่ถึงว่าสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับวางกับดักนาง ทำให้นางหนีจากรังจิ้งจอกมาเข้าปากมาร ตกอยู่ในสถานที่แห่งนี้
“พี่เยี่ยนเฉิน…” นางรำพึง “ท่านไม่ต้องการข้าแล้วหรือ?”
“เขาย่อมไม่ต้องการเจ้าอยู่แล้ว!” เสียงสตรีแว่วมาจากซอกมุมหนึ่ง สุ้มเสียงแฝงความยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น “สตรีที่อ่อนแอปานลูกไก่เช่นเจ้าไม่มีบุรุษคนใดมาชอบพอเจ้าอย่างแท้จริงหรอก หากมิใช่เพราะสายเลือดของเจ้าเลิศล้ำ เจ้าคิดว่าประมุขของเผ่าจิ้งจอกครามจะต้องการแต่งเจ้าเป็นภรรยารึ? ราชครู…เฮอะๆ ราชครูอันใดกัน! คนอย่างเจ้าจะคู่ควรกับตำแหน่งราชครูได้อย่างไร? ส่วนเยี่ยนเฉินอะไรนั่น ฟังดูแล้วก็กักขฬะเฉกเช่นฝุ่นธุลี[1] เจ้าทอดทิ้งตำแหน่งชายาประมุขเผ่าจิ้งจอกครามที่สูงส่งเหนือปวงชน เพื่อจะหนีไปหาบุรุษที่เป็นเยี่ยงฝุ่นธุลี…”
“เจ้าหุบปากนะ!” หลานไว่หูมองไปยังจุดที่เสียงแว่วมาอย่างชิงชัง “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาดูหมิ่นพี่เยี่ยนเฉินของข้า! เขาเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกใบนี้ หาใช่ฝุ่นธุลีอันใดไม่…ปลาหลดเน่าเหม็นที่ช่วยมารร้ายก่อกรรมอย่าเจ้าสิถึงจะเป็นฝุ่นธุลี!”
ที่ริมฝั่งฟากนั้นของสระโลหิต มีลูกโลหิตกึ่งโปร่งแสงลูกหนึ่งลอยอยู่ ภายในนั้นกักขังเด็กสาวนางหนึ่งเอาไว้
เด็กสาวนางนั้นมีผมยาวเหมือนสาหร่ายทะเล มีอาภรณ์ห่อพันอยู่บนร่าง ร่างกายท่อนบนของนางเป็นเด็กสาวปกติอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ร่างกายท่อนล่างกลับเป็นหางปลาสีเขียวท่อนหนึ่ง บนร่างของเด็กสาวนางนี้ไม่ได้ถูกล่ามโซ่ไว้ แต่นางก็ขดตัวอยู่ในบอลโลหิตนั้นออกมาไม่ได้เช่นกัน
นางเป็นชาวเงือก
เมื่อมองดูชาวเงือกตนนี้ไฟโทสะของหลานไว่หูก็ลุกโหมขึ้นมา ปรารถนาจะกระโจนเข้าไปฟันนางสักหลายดาบยิ่งนัก!
ตอนนั้นหลังจากหลานไว่หูถูกสาวใช้นางนั้นพาออกมาจากเผ่าจิ้งจอกคราม คนที่มารับนางก็คือเด็กสาวชาวเงือกตนนี้
ยามนั้นสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของนางสัมผัสถึงความผิดปกติได้ คิดจะหันหลังหลบหนีไป แต่ชาวเงือกตนนี้กลับโผเข้ามาจับกุมนางต่อหน้าต่อตา ประกอบกับมีความช่วยเหลือจากสาวใช้นางนั้น สุดท้ายหลานไว่หูจึงเป็นน้ำน้อยแพ้ไฟมากตกอยู่ในกำมือของชาวเงือกตนนั้น
ชาวเงือกตนนี้ขังนางไว้ในฟองวารีลูกหนึ่งแล้วเดินทางผ่านใต้ดิน
———————————————————————
บทที่ 1681 น้ำตานางเงือก 2
ชาวเงือกตนนี้ขังนางไว้ในฟองวารีลูกหนึ่งแล้วเดินทางผ่านใต้ดิน เกือบทำให้นางขาดอากาศตายแล้วถึงจะพานางขึ้นมาสูดอากาศบนผิวดิน ยังไม่รอให้นางได้สูดหายใจสักหลายๆ เฮือกหน่อย ก็ลากนางลงไปใต้ดินต่ออีกแล้ว…
ตลอดการเดินทางนี้หลานไว่หูเคยขอร้องนาง ด่าทอนาง แต่ชาวเงือกตนนี้ล้วนทำราวกับหูหนวกไปแล้วก็มิปาน ลากเธอมาจนถึงที่นี่เสมือนปลาตาย
พอมาถึงที่นี่ในที่สุดหลานไว่หูก็สามารถสูดหายใจอย่างเต็มปอดได้แล้ว แต่ก็ได้รับความทรมานแสนสาหัสอย่างแท้จริง คนของที่นี่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็เจาะสะบักไหล่นางแล้วเอามาแขวนไว้ที่นี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการทำสิ่งใด
เพียงแต่ชาวเงือกตนนี้ก็ไม่ได้รับผลดีเช่นกัน หลังจากมาถึงที่นี่ก็ถูกขังไว้ในลูกโลหิต ออกมาไม่ได้อีก
หลังจากถูกขังไว้ในลูกโลหิต ชาวเงือกตนนี้ถึงดูคล้ายว่าจะได้สติกลับมาอีกครั้ง ทั้งตกใจทั้งหวาดเกลัวเช่นเดียวกับนาง
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของคนทั้งสองแทบไม่ต่างกันเลย ทว่าเด็กสาวชาวเงือกผู้นี้กลับทำตัววางก้ามต่อหน้านาง เย้ยหยันล้อเลียนนางอยู่ตลอด ทำให้หลานไว่หูโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
ยังมีอีกไม่ทราบเช่นกันว่าเด็กสาวชาวเงือกผู้นี้ไปได้ความยโสโอหังอย่างล้นหลามมาจากไหน อ้าปากครั้งหนึ่งก็เอ่ยว่า ‘พวกมนุษย์อย่างเจ้าล้วนโฉดเขลาเบาปัญญา’ ออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลานไว่หูอยากจะเย็บปากนั้นของนางเหลือเกิน!
“หลานไว่หู เจ้าไม่ต้องคิดถึงพี่เยี่ยนเฉินอันใดนั้นแล้ว เขาไม่มาช่วยเจ้าหรอก ต่อให้มาก็ช่วยเจ้าไม่ได้ นายเหนือของที่นี่ร้ายกาจยิ่ง มิใช่ผู้ที่ชาวมนุษย์โง่เง่าจะสามารถต่อกรได้ เขามาก็คือมารนหาที่ตาย เจ้าอย่าได้วาดหวังว่าเขาจะมาเลย รอคอยความตายอย่างว่าง่ายเสียเถอะ”
หลานไว่หูโกรธแล้ว “เจ้าก็ถูกขังไว้ที่นี่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?! ทำไมเจ้าไม่รอคอยความตายอย่างว่าง่ายบ้างเล่า?”
“เฮอะๆ ข้าแตกต่างกับเจ้า พี่หวงจะต้องมาช่วยข้าแน่ ไม่ปล่อยให้ข้าเกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด เพียงแต่พี่หวงไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ต่อให้เขามาก็จะช่วยข้าเพียงผู้เดียว ไม่ยุ่งกับนางจิ้งจอกเลือดผสมเช่นเจ้าหรอก”
หลานไว่หูหัวเราะเยาะ “พี่เหลืองพี่เขียว[2]อันใดกัน?! เป็นเพียงคนไร้นามผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าไม่หวังให้เขามาช่วยหรอก! ซีจิ่วก็จะมาช่วยข้าเหมือนกัน นางทั้งฉลาดทั้งแข็งแกร่ง พึ่งพาได้มากกว่าพี่หวงของเจ้านัก ไม่มีคนที่นางหาตัวไม่พบ นางจะต้องหาที่นี่เจอแน่นอน”
เด็กสาวชาวเงือกโกรธนัก “สามหาว! เจ้ากล่าด่าว่าพี่หวงของข้าเป็นคนไร้นาม! ฐานะของเขาสูงศักดิ์กว่ากู้ซีจิ่วผู้นั้นมากนัก! ฝีมือก็แข็งแกร่งกว่านางไม่รู้ตั้งกี่เท่า กู้ซีจิ่วไม่คู่ควรแม้แต่จะยกรองเท้าให้พี่หวงของข้าด้วยซ้ำ…”
คนทั้งสองทะเลาะต่อเถียงกันอย่างเจ้าคำข้าคำ ล้วนไม่มีสาระอยู่เลย
จิ้งจอกน้อยโกรธจนสิ้นที่จะโกรธแล้ว ส่วนเด็กสาวชาวเงือกนางนั้นเพื่ออำพรางความหวาดกลัวต่ออนาคตของตน จึงอาศัยการโจมตีเสียดสีหลานไว่หูอยู่ตลอดเวลามาเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ตน
“สรุปแล้วพี่หวงของเจ้าคือผู้ใด?” มีเสียงหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เด็กสาวชาวเงือกหลุดปากตอบไป “เป็นพี่เขยของข้า และเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้…”
เมื่อกล่าวถึงพบว่าไม่ถูกต้อง เงยหน้ามองไปทางด้านนอก
ผนังแยกออกเป็นประตูบานหนึ่ง คุณชายชุดครามคนหนึ่งเหินพลิ้วเข้ามา
คุณชายชุดครามผู้นี้รูปโฉมหล่อเหลาหาใดเทียม เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ารูปลักษณ์หล่อเหลาเย็นชา แต่กลับแฝงท่าทางเจ้าสำราญเอาไว้ ยามนี้เขาหยักมุมปากบางๆ มองคนทั้งสองที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ คล้ายจะแฝงไอชั่วร้ายเอาไว้รางๆ
หลานไว่หูถูกขังไว้ที่นี่นานถึงเพียงนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นคนนอก นางมองเขาอย่างระแวดระวัง “เจ้าเป็นใคร?”
สีหน้าของเด็กสาวชาวเงือกผู้นั้นกลับแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้า…เจ้าคือ?”
เด็กสาวชาวเงือกนางนี้ย่อมเป็นหลานจิ้งอี๋ นางเคยติดตามพี่ชายของตนลอบเข้าไปในวังหลวง เคยเห็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรเฟยซิง รูปโฉมของคุณชายที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เหมือนจักรพรรดิองค์นั้นยิ่งนัก!
เพียงแต่เนื่องจากเคยเห็นอยู่ไกลๆ เพียงแวบเดียวเท่านั้น ยามนั้นเป็นสถานการณ์ที่จักรพรรดิถูกรายล้อมด้วยองครักษ์นางกำนัลกลุ่มหนึ่ง
————————————————————
[1] คำว่า เฉิน ในชื่อของเยี่ยนเฉินมีความหมายว่า ละอองฝุ่น
[2] สีเหลืองในภาษาจีนออกเสียงว่า หวง พ้องเสียงกับชื่อของหวงถู