ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1696+1697
บทที่ 1696 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 4
กู้ซีจิ่วย่อมทราบถึงจิตใจของหลานไว่หู เอ่ยไปว่า “อาการบาดเจ็บของนางยังต้องรีบทำการรักษา ไม่อาจล่าช้าได้ ครูฝึกหลง ท่านมารักษาให้นางที” เธอมอบหลานไว่หูให้หลีเมิ่งซย่า “เมิ่งซย่า รบกวนเจ้าอุ้มนางออกไปจากที่นี่กับเจ้าสำนักหลงที”
หลีเมิ่งซย่าย่อมไม่ปฏิเสธ “ได้!” รับเอาหลานไว่หูไป หนนี้หลานไว่หูไม่หลบหลีกแล้ว ปล่อยให้หลีเมิ่งซย่าอุ้มอย่างว่าง่าย
สายตามองไปทางประตูเข้าออกอย่างข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทำไมเยี่ยนเฉินยังไม่ออกมาล่ะ? ขอเขาอย่าได้ถูกจับตัวไว้ด้านในเลย…
หลงซือเย่เอ่ยถามกู้ซีจิ่ว “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? หน้าซีดมากเลย…”
“ข้าไม่เป็นไร ครูฝึกหลง อาการบาดเจ็บของไว่หูต้องฝากไว้กับท่านแล้ว ต้องรักษานางให้หายดีนะ”
หลงซือเย่ไม่พูดอะไร ยื่นมือไปจับชีพจรกู้ซีจิ่วดูทันที หลังจากยืนยันแล้วว่าเธอไม่เป็นไรและไม่ได้รับบาดเจ็บ ถึงได้ปล่อยมือ “เจ้าวางใจเถอะ อาการบาดเจ็บของนางข้าจะรับผิดชอบเอง”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก หลงซือเย่กล่าวเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นหลานไว่หูต้องไม่เกิดปัญหาใดขึ้นแน่นอน
หลานเยวี่ยคิดจะเอ่ยบางอย่าง จู่ๆ แผ่นดินใต้ฝ่าเท้าก็สั่นไหวขึ้นมา! คล้ายจะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขึ้นกะทันหัน!
“พวกท่านไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าจะไปตามหาเยี่ยนเฉิน” กู้ซีจิ่วพลันหมุนกาย เข้าไปในวังใต้ดินแห่งนั้นอีกครา…
หลงซือเย่หลุบตาลงเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยรักพวกพ้องของเธอดี จึงไม่คิดจะขัดขวางการไปตามหาคนของเธอ
กลับเป็นหลัวจั่นอวี่ที่หน้าเปลี่ยนสีแวบหนึ่ง คิดจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกหลงซือเย่หยุดยั้งไว้ด้วยประโยคหนึ่ง “เจ้าไม่ต้องไปหรอก ด้วยวรยุทธ์ของซีจิ่วในยามนี้ ไม่ว่าประสบอันตรายใดเข้าก็เพียงพอจะคุ้มกันตัวเองได้ ถ้าเจ้าเข้าไปโดยไม่ทราบสถานการณ์ จะกลายเป็นตัวถ่วงนางได้”
หลัวจั่นอวี่คิดๆ ดูก็ว่าถูก ทำได้เพียงยอมวางมือ
หลงซือเย่ถอนหายใจ เขายังคงเชื่อมั่นว่ากู้ซีจิ่วจะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย อีกอย่างด้วยวรยุทธ์ของเขาในยามนี้ ก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ชั่วคราว มิสู้รักษาคนที่เธอห่วงใยให้หายดีเสียดีกว่า พอนางออกมาจะได้ดีใจสักหน่อย
ดังนั้นเขากับหลีเมิ่งซย่าจึงพาหลานไว่หูล่วงหน้าจากไป
หลานเยวี่ยไม่ได้ติดตามไปด้วย เขายืนอยู่ใต้ต้นเหมยต้นหนึ่ง มองดอกเหมยอย่างใจลอย
หลัวจั่นอวี่ตบไหล่เขาทีหนึ่ง “เหตุใดไม่ตามไปดูเล่า?”
หลานเยวี่ยถูจมูก ถอนหายใจ “ยามนี้คนที่นางไม่อยากเห็นที่สุดคงจะเป็นข้า เป็นครั้งแรกที่ประมุขอย่างข้าถูกคนรังเกียจเช่นนี้…”
หลัวจั่นอวี่ทราบเรื่องราวระหว่างหลานเยวี่ย หลานไว่หู รวมถึงเยี่ยนเฉินด้วย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยอย่างเห็นใจยิ่งนัก “บุปผาร่วงหล่นด้วยมีใจทว่าธารารินไหลกลับไร้รัก อันที่จริงแล้วสิ่งที่มิใช่ของเจ้าเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องฝืนดึงดันเลย ไยเจ้าต้องแยกคู่รักให้พลัดพรากกัน เพื่อความต้องการส่วนตัวของเจ้าด้วยเล่า? หากปล่อยวางได้ก็ปล่อยไปเสียเถอะ”
หลานเยวี่ยปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าสามารถประคองคู่หมั้นตนส่งมอบให้ผู้อื่นได้หรือไม่เล่า? หากว่านางไม่หนี ยามนี้นางจะเป็นศรีภรรยาของข้าแล้ว!”
“ประเด็นคือนางหนีแล้ว! นี่พิสูจน์ได้แล้วว่าหัวใจของนางไม่ได้อยู่ที่เจ้าเลย ตัวเจ้าดีร้ายอย่างไรก็เป็นถึงประมุขของเผ่าจิ้งจอกคราม บังคับฝืนใจเด็กสาวนางหนึ่งเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร? อีกทั้งตัวเจ้าก็ไม่มีโรคแอบแฝงอันใด ใช่ว่าจะหาภรรยาไม่ได้…”
หลานเยวี่ยร้องเฮอะคราหนึ่ง “เจ้าน่ะสิที่เป็นโรคแอบแฝง! สตรีที่ต้องการเป็นภรรยาของประมุขเช่นข้าไม่รู้ว่ามีอยู่มากมายปานใด!”
อันที่จริงเขาแค่ไม่ยินยอมอยู่บ้างก็เท่านั้น
ที่เขาอยากแต่งกับจิ้งจอกน้อยประการแรกเพราะเป็นความปรารถนาของบิดานาง ประการที่สองก็เพราะมีส่วนช่วยในการฝึกยุทธ์ของเขา ประการที่สามคือนางเป็นราชครูของเผ่าจิ้งจอกคราม เขาแต่งกับนางก็เท่ากับกุมอำนาจที่แท้จริงของเผ่าจิ้งจอกครามได้มั่นยิ่งขึ้น ประการที่สี่คือเขาก็ค่อนข้างชอบพอจิ้งจอกน้อยเช่นกัน รู้สึกว่านางน่ารักยิ่ง แต่งมาเป็นภรรยาก็ไม่นับว่าเลวร้ายอันใด
แน่นอนว่าความชอบที่เขามีต่อหลานไว่หูยังห่างไกลจากเยี่ยนเฉินนัก เขาไม่อาจสละชีวิตเพื่อนางได้…
—————————————————————————
บทที่ 1697 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 5
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หมายจะพูดบางอย่าง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็พลันไหวสะเทือนขึ้นมาอีกระลอก!
การสั่นสะเทือนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน คล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวระดับเก้าขึ้น!
คนไม่กี่คนไม่ทันระวัง ถูกแรงสั่นไหวอย่างฉับพลันนี้สั่นสะเทือนให้โซซัดโซเซ
โชคดีที่ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ พอเห็นท่าไม่ดีก็รีบเหินทะยานขึ้นไปทันที!
แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น บิดเบี้ยว…
แผ่นดินปริแยก ต้นเหมยทั้งหมดพากันหักโค่นพังทลายลง…
ฝุ่นธุลีลอยฟุ้งสูงครึ่งฟ้า เสียงกึกก้องกัมปนาทจากการพังทลายทำให้ทุกคนหูดับกันหมด ด้านล่างราวกับถึงวันโลกาวินาศแล้ว
หลัวจั่นอวี่หน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
เขาพลิกร่างหมายจะพุ่งลงไปด้านล่าง ถูกหลานเยวี่ยยื้อยุดไว้ “ลงไปไม่ได้นะ! เจ้าจะถูกฝังทั้งเป็นเอา!”
“ข้าจะไปช่วยน้องสาวข้า!” หลัวจั่นอวี่ร้อนรนแล้ว พยายามดิ้นรนหมายจะหลุดพ้นจากการจับของหลานเยวี่ย
ยามนี้พลังยุทธ์ของหลานเยวี่ยฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว พอฟัดพอเหวี่ยงกับหลัวจั่นอวี่ ดังนั้นหลัวจั่นอวี่จึงดิ้นไม่หลุดจากเขาชั่วขณะ
“นางมีพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว ต่อให้ถูกฝังอยู่ใต้ดินก็สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ เจ้าไปมีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ! ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด…หรือว่าเจ้าอยากให้นางออกมาแล้ว พบว่าเจ้าไม่อยู่ ต้องวิ่งกลับไปตามหาเจ้าอีกรอบเล่า?”
หลัวจั่นอวี่ถูกหลานเยวี่ยติเตียนจนหน้าแดงก่ำแล้ว เขาย่อมทราบว่าที่หลายเยวี่ยพูดมามีเหตุผล แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงน้องสาวร่วมสายเลือดของตน เขาก็ไม่อาจสุขุมเยือกเย็นได้ชั่วขณะจริงๆ…
ขณะที่ยังปลงไม่ตกอยู่บ้าง จู่ๆ ท่ามกลางละอองฝุ่นที่ฟุ้งตลบสูงครึ่งฟ้าก็มีลำแสงสีขาวสายหนึ่งห่อหุ้มเงาร่างคนสองคนไว้แล้วพุ่งทะยานขึ้นมา
เนื่องจากฝุ่นตลบอบอวลหนาเกินไป ทุกคนจึงมองไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นผู้ใด
“ซีจิ่ว!” หลัวจั่นอวี่พุ่งเข้าไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อพุ่งเข้าใกล้ๆ ถึงได้พบว่านั่นไม่ใช่กู้ซีจิ่ว แต่เป็นตี้ฝูอีกับหลานจิ้งอี๋…
สภาพของทั้งสองคนดูไม่จนตรอกเท่าไหร่ อาภรณ์บนร่างตี้ฝูอีก็ไม่ยับยู่ยี่สักเท่าใด ส่วนหลานจิ้งอี๋ นางลอยตัวอยู่ในแขตแดนเบื้องหลังเขา กำลังนั่งสมาธิฝึกฝนวรยุทธ์อยู่…
หลัวจั่นอวี่ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง แล้วโพล่งถาม “ตี้ฝูอี เห็นซีจิ่วหรือไม่?”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “นางพาหลานไว่หูออกมาก่อนแล้วมิใช่หรือ? พวกเจ้าไม่ได้เจอนาง?”
วิชาเคลื่อนย้ายของนางว่องไวเป็นที่สุด เขาไล่ตามนางไม่ทันเลย…
“นางพาหลานไว่หูออกมาแล้วจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้เยี่ยนเฉินไม่วางใจ หลังจากพวกเจ้าเข้าไปได้ไม่นานก็ตามเข้าไปแล้ว ยังไม่ออกมาเลย ซีจิ่วไม่วางใจ มอบหลานไว่หูให้เจ้าสำนักหลง จากนั้นก็เข้าไปตามหาเยี่ยนเฉิน จวบจนยามนี้ก็ยังไม่ออกมา…”
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาเพิ่งออกมาจากตำหนักใต้ดินที่ราวกับขุมนรกแห่งนั้น ย่อมทราบถึงอันตรายภายในดี
แผ่นดินไหวนี้มิใช่ภัยธรรมชาติ แต่เป็นภัยจากมนุษย์ เป็นโม่เจ้าผู้นั้นที่หลังจากหนีออกไปแล้วก็เปิดใช้กลไกแผ่นดินไหว…
‘เส้นเลือด’ ทั้งหมดระเบิดออก โลหิตในเส้นเลือดเหล่านั้นล้วนเป็นยาพิษที่สามารถกัดกร่อนทุกสิ่งได้ ยามที่เขาทะยานออกมา เห็นกับตาว่าผู้คุ้มกันในตำหนักใต้ดินที่หนีไม่ทันเหล่านั้นถูกโลหิตพิษที่ปะทุขึ้นมาทุกหนทุกแห่งสาดรด สลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที…
ยามที่ ‘เส้นเลือด’ เหล่านั้นระเบิดกระจายไปทั่ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไร้จุดอับ ไม่มีพื้นที่ให้หลบซ่อนเลย
หากว่ามิใช่ว่าตี้ฝูอีเปิดใช้ค่ายกลคุ้มกายรีบพุ่งทะยานออกมาได้ทันกาล เกรงว่าคงประสบอันตรายแล้ว…
กู้ซีจิ่วเป็นวิชาเคลื่อนย้าย ต่อให้นางหาเยี่ยนเฉินไม่พบ เมื่อพบพานอันตรายก็สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ทันทีกระมัง? นางน่าจะทราบถึงความอันตราย ไม่นำชีวิตของตัวนางมาล้อเล่นหรอก…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จิตใจตี้ฝูอีค่อนข้างกระสับกระส่าย เขาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ล้วงป้ายหยกออกมาติดต่อกับนาง เปิดใช้งาน แล้วคอยให้ฝั่งนางรับสาย
แต่หลังป้ายหยกส่องกะพริบอยู่ไม่กี่ทีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย กลับสู่สีสันดั้งเดิมทันที
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนแล้ว นิ้วมือที่กุมป้ายหยกอยู่ออกแรงจนซีดขาว
——————————————————————————
บทที่ 1696 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 4
กู้ซีจิ่วย่อมทราบถึงจิตใจของหลานไว่หู เอ่ยไปว่า “อาการบาดเจ็บของนางยังต้องรีบทำการรักษา ไม่อาจล่าช้าได้ ครูฝึกหลง ท่านมารักษาให้นางที” เธอมอบหลานไว่หูให้หลีเมิ่งซย่า “เมิ่งซย่า รบกวนเจ้าอุ้มนางออกไปจากที่นี่กับเจ้าสำนักหลงที”
หลีเมิ่งซย่าย่อมไม่ปฏิเสธ “ได้!” รับเอาหลานไว่หูไป หนนี้หลานไว่หูไม่หลบหลีกแล้ว ปล่อยให้หลีเมิ่งซย่าอุ้มอย่างว่าง่าย
สายตามองไปทางประตูเข้าออกอย่างข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทำไมเยี่ยนเฉินยังไม่ออกมาล่ะ? ขอเขาอย่าได้ถูกจับตัวไว้ด้านในเลย…
หลงซือเย่เอ่ยถามกู้ซีจิ่ว “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? หน้าซีดมากเลย…”
“ข้าไม่เป็นไร ครูฝึกหลง อาการบาดเจ็บของไว่หูต้องฝากไว้กับท่านแล้ว ต้องรักษานางให้หายดีนะ”
หลงซือเย่ไม่พูดอะไร ยื่นมือไปจับชีพจรกู้ซีจิ่วดูทันที หลังจากยืนยันแล้วว่าเธอไม่เป็นไรและไม่ได้รับบาดเจ็บ ถึงได้ปล่อยมือ “เจ้าวางใจเถอะ อาการบาดเจ็บของนางข้าจะรับผิดชอบเอง”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก หลงซือเย่กล่าวเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นหลานไว่หูต้องไม่เกิดปัญหาใดขึ้นแน่นอน
หลานเยวี่ยคิดจะเอ่ยบางอย่าง จู่ๆ แผ่นดินใต้ฝ่าเท้าก็สั่นไหวขึ้นมา! คล้ายจะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขึ้นกะทันหัน!
“พวกท่านไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าจะไปตามหาเยี่ยนเฉิน” กู้ซีจิ่วพลันหมุนกาย เข้าไปในวังใต้ดินแห่งนั้นอีกครา…
หลงซือเย่หลุบตาลงเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยรักพวกพ้องของเธอดี จึงไม่คิดจะขัดขวางการไปตามหาคนของเธอ
กลับเป็นหลัวจั่นอวี่ที่หน้าเปลี่ยนสีแวบหนึ่ง คิดจะตามเข้าไปด้วย แต่ถูกหลงซือเย่หยุดยั้งไว้ด้วยประโยคหนึ่ง “เจ้าไม่ต้องไปหรอก ด้วยวรยุทธ์ของซีจิ่วในยามนี้ ไม่ว่าประสบอันตรายใดเข้าก็เพียงพอจะคุ้มกันตัวเองได้ ถ้าเจ้าเข้าไปโดยไม่ทราบสถานการณ์ จะกลายเป็นตัวถ่วงนางได้”
หลัวจั่นอวี่คิดๆ ดูก็ว่าถูก ทำได้เพียงยอมวางมือ
หลงซือเย่ถอนหายใจ เขายังคงเชื่อมั่นว่ากู้ซีจิ่วจะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย อีกอย่างด้วยวรยุทธ์ของเขาในยามนี้ ก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ชั่วคราว มิสู้รักษาคนที่เธอห่วงใยให้หายดีเสียดีกว่า พอนางออกมาจะได้ดีใจสักหน่อย
ดังนั้นเขากับหลีเมิ่งซย่าจึงพาหลานไว่หูล่วงหน้าจากไป
หลานเยวี่ยไม่ได้ติดตามไปด้วย เขายืนอยู่ใต้ต้นเหมยต้นหนึ่ง มองดอกเหมยอย่างใจลอย
หลัวจั่นอวี่ตบไหล่เขาทีหนึ่ง “เหตุใดไม่ตามไปดูเล่า?”
หลานเยวี่ยถูจมูก ถอนหายใจ “ยามนี้คนที่นางไม่อยากเห็นที่สุดคงจะเป็นข้า เป็นครั้งแรกที่ประมุขอย่างข้าถูกคนรังเกียจเช่นนี้…”
หลัวจั่นอวี่ทราบเรื่องราวระหว่างหลานเยวี่ย หลานไว่หู รวมถึงเยี่ยนเฉินด้วย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยอย่างเห็นใจยิ่งนัก “บุปผาร่วงหล่นด้วยมีใจทว่าธารารินไหลกลับไร้รัก อันที่จริงแล้วสิ่งที่มิใช่ของเจ้าเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องฝืนดึงดันเลย ไยเจ้าต้องแยกคู่รักให้พลัดพรากกัน เพื่อความต้องการส่วนตัวของเจ้าด้วยเล่า? หากปล่อยวางได้ก็ปล่อยไปเสียเถอะ”
หลานเยวี่ยปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าสามารถประคองคู่หมั้นตนส่งมอบให้ผู้อื่นได้หรือไม่เล่า? หากว่านางไม่หนี ยามนี้นางจะเป็นศรีภรรยาของข้าแล้ว!”
“ประเด็นคือนางหนีแล้ว! นี่พิสูจน์ได้แล้วว่าหัวใจของนางไม่ได้อยู่ที่เจ้าเลย ตัวเจ้าดีร้ายอย่างไรก็เป็นถึงประมุขของเผ่าจิ้งจอกคราม บังคับฝืนใจเด็กสาวนางหนึ่งเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร? อีกทั้งตัวเจ้าก็ไม่มีโรคแอบแฝงอันใด ใช่ว่าจะหาภรรยาไม่ได้…”
หลานเยวี่ยร้องเฮอะคราหนึ่ง “เจ้าน่ะสิที่เป็นโรคแอบแฝง! สตรีที่ต้องการเป็นภรรยาของประมุขเช่นข้าไม่รู้ว่ามีอยู่มากมายปานใด!”
อันที่จริงเขาแค่ไม่ยินยอมอยู่บ้างก็เท่านั้น
ที่เขาอยากแต่งกับจิ้งจอกน้อยประการแรกเพราะเป็นความปรารถนาของบิดานาง ประการที่สองก็เพราะมีส่วนช่วยในการฝึกยุทธ์ของเขา ประการที่สามคือนางเป็นราชครูของเผ่าจิ้งจอกคราม เขาแต่งกับนางก็เท่ากับกุมอำนาจที่แท้จริงของเผ่าจิ้งจอกครามได้มั่นยิ่งขึ้น ประการที่สี่คือเขาก็ค่อนข้างชอบพอจิ้งจอกน้อยเช่นกัน รู้สึกว่านางน่ารักยิ่ง แต่งมาเป็นภรรยาก็ไม่นับว่าเลวร้ายอันใด
แน่นอนว่าความชอบที่เขามีต่อหลานไว่หูยังห่างไกลจากเยี่ยนเฉินนัก เขาไม่อาจสละชีวิตเพื่อนางได้…
—————————————————————————
บทที่ 1697 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 5
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หมายจะพูดบางอย่าง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็พลันไหวสะเทือนขึ้นมาอีกระลอก!
การสั่นสะเทือนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน คล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวระดับเก้าขึ้น!
คนไม่กี่คนไม่ทันระวัง ถูกแรงสั่นไหวอย่างฉับพลันนี้สั่นสะเทือนให้โซซัดโซเซ
โชคดีที่ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ พอเห็นท่าไม่ดีก็รีบเหินทะยานขึ้นไปทันที!
แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น บิดเบี้ยว…
แผ่นดินปริแยก ต้นเหมยทั้งหมดพากันหักโค่นพังทลายลง…
ฝุ่นธุลีลอยฟุ้งสูงครึ่งฟ้า เสียงกึกก้องกัมปนาทจากการพังทลายทำให้ทุกคนหูดับกันหมด ด้านล่างราวกับถึงวันโลกาวินาศแล้ว
หลัวจั่นอวี่หน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
เขาพลิกร่างหมายจะพุ่งลงไปด้านล่าง ถูกหลานเยวี่ยยื้อยุดไว้ “ลงไปไม่ได้นะ! เจ้าจะถูกฝังทั้งเป็นเอา!”
“ข้าจะไปช่วยน้องสาวข้า!” หลัวจั่นอวี่ร้อนรนแล้ว พยายามดิ้นรนหมายจะหลุดพ้นจากการจับของหลานเยวี่ย
ยามนี้พลังยุทธ์ของหลานเยวี่ยฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว พอฟัดพอเหวี่ยงกับหลัวจั่นอวี่ ดังนั้นหลัวจั่นอวี่จึงดิ้นไม่หลุดจากเขาชั่วขณะ
“นางมีพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว ต่อให้ถูกฝังอยู่ใต้ดินก็สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ เจ้าไปมีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ! ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด…หรือว่าเจ้าอยากให้นางออกมาแล้ว พบว่าเจ้าไม่อยู่ ต้องวิ่งกลับไปตามหาเจ้าอีกรอบเล่า?”
หลัวจั่นอวี่ถูกหลานเยวี่ยติเตียนจนหน้าแดงก่ำแล้ว เขาย่อมทราบว่าที่หลายเยวี่ยพูดมามีเหตุผล แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงน้องสาวร่วมสายเลือดของตน เขาก็ไม่อาจสุขุมเยือกเย็นได้ชั่วขณะจริงๆ…
ขณะที่ยังปลงไม่ตกอยู่บ้าง จู่ๆ ท่ามกลางละอองฝุ่นที่ฟุ้งตลบสูงครึ่งฟ้าก็มีลำแสงสีขาวสายหนึ่งห่อหุ้มเงาร่างคนสองคนไว้แล้วพุ่งทะยานขึ้นมา
เนื่องจากฝุ่นตลบอบอวลหนาเกินไป ทุกคนจึงมองไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นผู้ใด
“ซีจิ่ว!” หลัวจั่นอวี่พุ่งเข้าไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อพุ่งเข้าใกล้ๆ ถึงได้พบว่านั่นไม่ใช่กู้ซีจิ่ว แต่เป็นตี้ฝูอีกับหลานจิ้งอี๋…
สภาพของทั้งสองคนดูไม่จนตรอกเท่าไหร่ อาภรณ์บนร่างตี้ฝูอีก็ไม่ยับยู่ยี่สักเท่าใด ส่วนหลานจิ้งอี๋ นางลอยตัวอยู่ในแขตแดนเบื้องหลังเขา กำลังนั่งสมาธิฝึกฝนวรยุทธ์อยู่…
หลัวจั่นอวี่ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง แล้วโพล่งถาม “ตี้ฝูอี เห็นซีจิ่วหรือไม่?”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “นางพาหลานไว่หูออกมาก่อนแล้วมิใช่หรือ? พวกเจ้าไม่ได้เจอนาง?”
วิชาเคลื่อนย้ายของนางว่องไวเป็นที่สุด เขาไล่ตามนางไม่ทันเลย…
“นางพาหลานไว่หูออกมาแล้วจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้เยี่ยนเฉินไม่วางใจ หลังจากพวกเจ้าเข้าไปได้ไม่นานก็ตามเข้าไปแล้ว ยังไม่ออกมาเลย ซีจิ่วไม่วางใจ มอบหลานไว่หูให้เจ้าสำนักหลง จากนั้นก็เข้าไปตามหาเยี่ยนเฉิน จวบจนยามนี้ก็ยังไม่ออกมา…”
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาเพิ่งออกมาจากตำหนักใต้ดินที่ราวกับขุมนรกแห่งนั้น ย่อมทราบถึงอันตรายภายในดี
แผ่นดินไหวนี้มิใช่ภัยธรรมชาติ แต่เป็นภัยจากมนุษย์ เป็นโม่เจ้าผู้นั้นที่หลังจากหนีออกไปแล้วก็เปิดใช้กลไกแผ่นดินไหว…
‘เส้นเลือด’ ทั้งหมดระเบิดออก โลหิตในเส้นเลือดเหล่านั้นล้วนเป็นยาพิษที่สามารถกัดกร่อนทุกสิ่งได้ ยามที่เขาทะยานออกมา เห็นกับตาว่าผู้คุ้มกันในตำหนักใต้ดินที่หนีไม่ทันเหล่านั้นถูกโลหิตพิษที่ปะทุขึ้นมาทุกหนทุกแห่งสาดรด สลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที…
ยามที่ ‘เส้นเลือด’ เหล่านั้นระเบิดกระจายไปทั่ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไร้จุดอับ ไม่มีพื้นที่ให้หลบซ่อนเลย
หากว่ามิใช่ว่าตี้ฝูอีเปิดใช้ค่ายกลคุ้มกายรีบพุ่งทะยานออกมาได้ทันกาล เกรงว่าคงประสบอันตรายแล้ว…
กู้ซีจิ่วเป็นวิชาเคลื่อนย้าย ต่อให้นางหาเยี่ยนเฉินไม่พบ เมื่อพบพานอันตรายก็สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ทันทีกระมัง? นางน่าจะทราบถึงความอันตราย ไม่นำชีวิตของตัวนางมาล้อเล่นหรอก…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จิตใจตี้ฝูอีค่อนข้างกระสับกระส่าย เขาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ล้วงป้ายหยกออกมาติดต่อกับนาง เปิดใช้งาน แล้วคอยให้ฝั่งนางรับสาย
แต่หลังป้ายหยกส่องกะพริบอยู่ไม่กี่ทีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย กลับสู่สีสันดั้งเดิมทันที
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนแล้ว นิ้วมือที่กุมป้ายหยกอยู่ออกแรงจนซีดขาว
——————————————————————————