ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1700+1701
บทที่ 1700 กู้ซีจิ่ว เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!
หลานเยวี่ยสร้างเขตแดนห่อหุ้มนางไว้ไม่ได้ และไม่ยินยอมอุ้มนาง ดังนั้นเขาจึงครุ่นคิด ไม่รู้ว่าเขาทำสายคาดเส้นหนึ่งจากที่ใดมามัดเอวนางไว้ พานางเหินทะยานประหนึ่งสายป่านเล่นว่าว ยามที่โบยบินยังบอกนางด้วยความปรารถนาดีประโยคหนึ่งว่า “แม่นาง หญิงชายมิควรอยู่ใกล้ชิดกัน ข้าจึงทำได้เพียงใช้วิธีโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้พาเจ้าไป เจ้าอย่าทำสายคาดขาด มิเช่นนั้น ข้าอาจช่วยเจ้าไม่ทันกาล…”
สายลมอันหนาวเหน็บพัดเป่าใบหน้าดุจคมมีด หลานจิ้งอี๋รู้สึกว่าตัวเองจะขาดออกจากกันด้วยสายลมแล้ว! เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางต้องทนทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ทว่ากลับไม่มีวิธีอื่นใด
ไม่เพียงแต่ไม่กล้าทำสายคาดขาด ในทางกลับกันนางออกแรงจับมันไว้ อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก หยาดเหงื่อเย็นวาบกลั่นออกมาเป็นไข่มุกกลิ้งเม็ดแล้วเม็ดเล่า
ความเศร้าโศกเปล่าเปลี่ยวในใจก่อตัวเป็นระลอกๆ ที่แท้ในใจหวงถูจะมีนางหรือไม่มีนางก็ได้ นางไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในใจเขาเลย…
เพียงแต่เขาเฉยชากับนางมาเนิ่นนานหลายปี เหตุใดจู่ๆ ถึงมาทำดีกับนางเมื่อไม่กี่เดือนก่อน?
รักษาโรคเรื้อรังของนาง หลอมโอสถให้นาง ให้นางเป็นสานุศิษย์สวรรค์ อีกทั้งยังเติมเต็มความปรารถนาเล็กๆ น้อยๆ ของนาง…
นางคิดว่าในที่สุดความเหนื่อยยากทั้งหมดของตนก็เห็นผล ในที่สุดก็ทำให้เขามองนางได้ นึกไม่ถึงว่าวินาทีนี้ต้องกลับไปสู่สภาพเดิม
กู้ซีจิ่วเพิ่งหายตัวไปแห่งหนใดก็ไม่รู้ เขาก็ละทิ้งนางไป ไม่ไยดีว่าร่างกายนางยังบาดเจ็บสาหัส…
…
กู้ซีจิ่วหายตัวไปแล้ว
ตี้ฝูอีใช้ทรัพยากรทุกสิ่งทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางเพื่อตามหานาง ทว่ากลับไม่มีผลลัพธ์ใดๆ
วังหลวงเขาย่อมไปมาแล้ว ข้าราชบริพารที่นั่นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงรู้แค่ว่าฝ่าบาทของพวกเขาเสด็จออกเป็นการส่วนพระองค์ ไม่รู้จะกลับมาเมื่อใด
ทุกซอกทุกมุมของวังหลวง ทุกที่ตี้ฝูอีล้วนค้นหาจนทั่ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของกู้ซีจิ่วกับโม่เจ้าเลย
ทว่าเขาก็พบอะไรบางอย่าง ในห้องนอนของจักรพรรดิมีเส้นทางลับสายหนึ่งซ่อนอยู่ เมื่อเดินตรงไปตามเส้นทางลับนี้จะถึงตำหนักลับโลหิตใต้ป่าเหมยนั้นได้
ตอนตี้ฝูอีเดินตามเส้นทางลับไป ตำหนักลับแห่งนั้นก็พังทลายลงจนสิ้นซากแล้ว มองไม่เห็นสภาพดั้งเดิมอีก สถานที่ที่ยังพอเข้าไปได้ก็เต็มไปด้วยโลหิตพิษ…
อันที่จริงมู่เฟิงและสี่ทูตยังคงสับสนงงงวยยิ่งนัก วันคืนที่ผ่านมาเหล่านี้เทพศักดิ์สิทธิ์แทบจะไม่สนใจ ไม่ไถ่ถามถึงแม่นางกู้ ต่อให้มีการพบปะติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็เพื่อความสงบสุขของใต้หล้านี้ ทั้งสองต่างเย็นชาซึ่งกันและกัน
พวกเขายังคิดว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ปล่อยวางแม่นางกู้ได้โดยสิ้นเชิง มองนางเป็นแค่ลูกน้องทั่วไปคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าการที่นางหายตัวไปในวันนี้ เทพศักดิ์สิทธิ์กลับเหมือนทำดวงวิญญาณหล่นหาย ตามหานางพลิกฟ้าพลิกดิน
สามวัน สามวันมานี้เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ตามหานางโดยตลอด…
ทว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ากู้ซีจิ่วไปที่แห่งใด พวกเขาตามหาในทุกๆ ที่ที่ตามหาได้ ต่างก็ไม่พบแม้แต่เงาของนาง
ตี้ฝูอีเข้าไปในแท่นชมดาว ดูดวงดารามากมายเปล่งประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า
สายตาเขาจ้องมองไปยังดาวราชันดวงใหม่ดวงนั้น จากนั้นสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน
จู่ๆ ดาวราชันดวงใหม่ที่ส่องสว่างมาโดยตลอดดวงนั้นก็มืดมนลง!
พันพัวกับดาวมารสวรรค์แดงฉานดวงนั้น ง่อนแง่นอยู่ตลอดเวลา…
และดาวมารสวรรค์ก็มืดมนลงไม่น้อย ลักษณะจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่…
นางไปหาโม่เจ้าจริงๆ! ไม่รู้ว่านางใช้วิธีอะไร ทว่านางเลือกที่จะตายตกไปพร้อมกันกับโม่เจ้า…
กู้ซีจิ่ว เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!
กู้ซีจิ่ว ชีวิตของเจ้าสำคัญกว่าชีวิตของเขามากนัก อย่ายอมแพ้…
เรือนกายตี้ฝูอีพลันผุดลุก รีบตรงไปยังทิศทางหนึ่ง!
ครั้งนี้ดวงดาวทั้งสองเผยให้เห็นตำแหน่งของพวกเขาแล้ว…
ขอให้เขาไปให้ทันกาลด้วย
จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางเป็นอันขาด
————————————————————————————
บทที่ 1701 ท่าทีไม่ตายไม่ยอมเลิกรา
จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางเป็นอันขาด นางเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของโลกใบนี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงร่วงหล่นได้ง่ายๆ?
ซีจิ่ว รอข้าด้วย…
…
“เสี่ยวซีจิ่ว เจ้าช่างยึดมั่นกับข้าเสียจริง ตามติดไม่ปล่อยขนาดนี้ ชอบข้างั้นหรือ?”
เหนือสุดของทวีป มีมหาสมุทรน้ำแข็งซึ่งภายในมีแผ่นน้ำแข็ง
ลึกลงไปในแผ่นน้ำแข็งคือสถานที่แห่งความตาย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ มีเพียงสัตว์ร้ายที่ทานทนความหนาวเหน็บได้จำพวกนกเพนกวินและหมีขั้วโลกผ่านทางมาบ้างเป็นครั้งคราว
เกล็ดหิมะปกคลุมทั่วพื้นที่ทั้งยอดเขาน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง
ที่นี่เปรียบเสมือนส่วนที่ลึกที่สุดของขั้วโลกเหนือ ภูมิอากาศกับสภาพแวดล้อมย่ำแย่ยิ่งนัก
พลังวิญญาณของที่นี่ก็หาได้ยายิ่ง ไม่ใช่สถานที่ฝึกฝนที่ดี ดังนั้นโดยปกติจึงไม่มีทางมีผู้ใดมา
ทว่ายามนี้ภายในรอยแยกน้ำแข็งที่มองไม่เห็นเบื้องล่างแห่งหนึ่งที่ลึกลงไปในแผ่นน้ำแข็งมีซุ่มเสียงสายหนึ่งส่งผ่าน ภายในน้ำเสียงที่ดึงดูดแฝงความเย้าหยวนปนหยอกเหย้า
“โม่เจ้า ข้ายึดมั่นกับเจ้าจริงๆ ยึดมั่นจนอยากให้เจ้าตายไปเสีย!” ซุ่มเสียงเย็นชาสายหนึ่งดังขึ้น แฝงความหนาวเหน็บถึงกระดูก
“เฮ้อ ช่างน่าเศร้าเสียจริง!” เสียงบุรุษผู้นั้นถอนหายใจ แล้วร่ายกลอนสองบทอย่างแผ่วเบา “ข้าฝากใจไว้กับจันทราส่องสว่าง ไฉนเลยจันทรากลับส่องแสงไปยังคูน้ำ ”
ลึกลงไปในรอยแยกน้ำแข็งมีถ้ำน้ำแข็งใหญ่โตมโหฬาร ด้านในถ้ำน้ำแข็งมีธารน้ำแข็ง ทั้งสองฝั่งของธารน้ำแข็งล้วนเป็นเสาน้ำแข็งอันแหลมคม ลำแสงสีครามสว่างไสว มีไอเย็นกดทับ
กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนเสาน้ำแข็งต้นหนึ่ง ส่วนโม่เจ้าก็ยืนอยู่บนเสาน้ำแข็งอีกฝั่งหนึ่ง ธารน้ำแข็งที่โหมซัดสาดคั่นกลางระหว่างสองคน
โม่เจ้าหรี่ตามองกู้ซีจิ่ว ภายในดวงตาคู่นั้นแฝงความเสน่หารักใคร่ ยามที่ร่ายกลอนสองบทนั้น ดวงตาของเขายังฉายแววหมองหม่นเป็นครั้งคราว เป็นภาพลักษณะของคุณชายที่สิ้นหวัง
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ไยดีต่อความรักที่เขามีให้
ส่วนกลอนสองบทนั้น เดิมทีโม่เจ้าไม่น่าจะรู้จัก ทว่าอย่างไรเสียโม่เจ้าก็เคยสมคบคิดกับหลงฟั่น อีกทั้งหลงฟั่นยังยกย่องตัวเองเป็นคนชั่วช้าในคราบนักปราชญ์ที่สง่างาม ไม่น่าแปลกที่จะร่ายบทกลอนที่มีชื่อเสียงของกวีที่มีชื่อเสียงบางบทต่อหน้าโม่เจ้า
โม่เจ้าร่ายกลอนจบก็ส่งเสียงทอดถอนใจ “อันที่จริง ข้ายังค่อนข้างแปลกใจจริงๆ เจ้าไล่ล่าตามข้ามาได้อย่างไร? เห็นๆ กันอยู่ว่าข้าลบร่องรอยทั้งหมดระหว่างทางแล้ว แม้แต่ตี้ฝูอีก็ไม่อาจตามหาข้าพบ เจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร?”
ในเมื่อตำหนักลับโลหิตนั้นถูกเปิดเผย โม่เจ้าย่อมทำลายมันจนสิ้นซาก จากนั้นเขาค่อยถือโอกาสใช้วิชาดำดินหลบหนี
เขาได้สิ่งของสองอย่างที่เขาต้องการแล้ว น้ำตานางเงือกกับโลหิตขั้วหัวใจของจิ้งจอกน้อย ขอเพียงแค่กินของสองอย่างนี้ไปแล้วโคจรพลังยุทธ์ให้ดี ฝึกฝนอีกสามวันสามคืน เขาก็จะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะเปิดฉากต่อสู้ ต้องการรอจนกว่าทุกอย่างจะฟื้นฟูกลับมาค่อยว่ากัน
สิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ ไม่ว่าเขาจะหลบหนีไปที่ใด กู้ซีจิ่วก็จะโผล่ออกมาภายในครึ่งชั่วยาม ปรากฏกายต่อหน้าเขาทันที ขัดจังหวะการฝึกฝนของเขา…
แรกเริ่มเขาเองก็คิดเช่นกันว่าจะจับกู้ซีจิ่วขังไว้ แล้วค่อยเริ่มแผนการหลบหนี
ทว่ากู้ซีจิ่วไหลลื่นเสียยิ่งกว่ามัจฉา พอเขาลุกขึ้นไล่ล่า นางก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาหายตัวไป พอเขานั่งสมาธิฝึกฝน นางก็ออกมาซุ่มโจมตี…ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า!
ต่อมาเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงทำได้แค่เพียงหลบหนีตลอดเวลาโดยใช้วิธีการต่างๆ ระหว่างการไล่ล่าและการหลบหนีนี้ ทั้งสองบุกเข้าไปในแผ่นน้ำแข็งที่เวิ้งว้างไร้ผู้คน และพบเจอกันโดยบังเอิญอีกครั้งที่รอยแยกน้ำแข็งนี้
กู้ซีจิ่วตามติดไปกับเขาด้วยท่าทีไม่ตายไม่ยอมเลิกรา
โม่เจ้ากลืนกินโลหิตจิ้งจอกครามเกินสามวันแล้ว หากไม่ฝึกฝนโคจรพลังยุทธ์ เมื่อพ้นเวลายาออกฤทธิ์ก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไป
โม่เจ้าหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วที่เขาชมชอบมาตลอดอีกครั้ง นางกลับไม่มีความสุขอีกต่อไป แต่กลายเป็นจิตใจฝักใฝ่การต่อสู้ ในที่สุดก็มีใจคิดสังหารขึ้นมา…
————————————————————————————-