ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1961+1962
บทที่ 1961 ไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว
ในความเป็นจริง ตั้งแต่รู้ว่าเขาคือเสินเนี่ยนโม่ เธอก็ไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว!
ฝ่ามือของเขาร้อนผ่าว กู้ซีจิ่วถึงกับรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัย เป็นสัญชาตญานความรู้สึกเมื่อผู้หญิงต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่มีอำนาจทรงพลัง!
เธอกำลังจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อหลบเลี่ยงฝ่ามือของเขา จู่ๆ เขาก็ดึงรั้งโอบเอวเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วถอยหลังหนีไปสามจั้งอย่างไร้ซุ่มเสียง
“ชู่ งูมาแล้ว!”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
งูมาแล้วก็มาไปสิ เขาโอบเอวเธอหมายความว่าอย่างไร?! เด็กคนนี้เหตุใดจึงมือไม้รุ่มร่ามถึงเพียงนี้?!
ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะตีแขนของเขา เขากลับปล่อยเธอไปเอง ทำให้ฝ่ามือของเธอเกือบตีเข้ากับเอวของตัวเอง!
เสินเนี่ยนโม่ไม่เพียงแต่ปล่อยเธอ อีกทั้งยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนางอีกครั้งหนึ่งด้วยท่าทีที่ต้องการความคุ้มครอง
“จ้งเซิง ปกป้องข้าด้วย ข้ากลัวงู…”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง เธอรู้สึกว่าเจ้าเด็กบ้าคนนี้คล้ายกำลังเหย้าแหย่เธอ?
“กลัวงูก็ขึ้นไปรอด้านบน!”
กู้ซีจิ่วจ้องมองไข่มุกเม็ดนั้นพลางเสียดสีเขา
“ไม่ จ้งเซิง อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถอยก็ถอยด้วยกัน ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์น้องหญิงของข้า ข้าปล่อยเจ้าไว้คนเดียวไม่ได้”
เสินเนี่ยนโม่ไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น
กู้ซีจิ่วกล่าว
“หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ข้าจะเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้า!”
“ช่างเถิด หนึ่งปีให้หลังพวกเราค่อยถกเถียงปัญหานี้กันอีกที ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องไร้สาระพวกนี้กัน นี่ มีงูมาตั้งเยอะแล้ว เจ้าอยากจะจับตัวไหน?”
กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา เจ้าเด็กคนนี้ย้อนหาเรื่องได้เก่งเสียจริง! ทั้งที่เขาเลือกเอาหัวข้อสนทนา ‘ศิษย์พี่ศิษย์น้อง’ ออกมาพูดเองก่อน ตอนนี้กลับมาทำเป็นไร้เดียงสา…
กู้ซีจิ่วตัดสินใจไม่ลดตัวไปต่อล้อต่อเถียงกับเด็กแสบคนนี้อีกต่อไป สายตามองไปทางไข่มุกเม็ดนั้น หนังศีรษะพลันเสียวซ่าน!
มีงูมาเยอะมากจริงๆ!
ตัวใหญ่ ตัวเล็ก หลากสี สีแดง สีดำ สีม่วง…
เสียงดังสวบสาบ ไม่รู้ว่าออกมาจากซอกมุมไหน เคลื่อนตัวไปทางไข่มุกเม็ดนั้นประหนึ่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
เนืองแน่น สีสันหลายหลาก ภายใต้ลำแสงไข่มุกส่องสว่าง แววตาของพวกมันก็วาบแสงสีเขียวจาง…
จากมุมมองของกู้ซีจิ่ว จะเห็นดวงตาน้อยๆ สีเขียวสดมากมายนับไม่ถ้วน
เธอเป็นโรคกลัวงูเล็กน้อย งูจำนวนมากมารวมตัวกันเช่นนี้ทำให้ขนแขนของเธอลุกตั้งชูชัน…
งูเหล่านี้ล้วนเป็นงูพิษที่พบเห็นได้ยาก อย่าว่าแต่ถูกพวกมันกัดเข้าคราหนึ่ง แค่ถูกมันพ่นพิษใส่คราหนึ่ง ถึงเป็นเทพเซียนก็ต้องรีบจัดการทันที!
ในอากาศล้วนมีกลิ่นอายงูจางๆ
กู้ซีจิ่วอดกลั้นความเสียวซ่านที่หนังศีรษะ พยายามจ้องมองและแยกแยะสายพันธุ์ของงูเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถ…
“ตัวไหนหรือ?”
เสินเนี่ยนโม่ค้อมศีรษะเอ่ยถามข้างหูนาง
กู้ซีจิ่วถูกลมหายใจของเขาพัดผ่านจนใบหูร้อนผ่าว เธอจึงหลบเลี่ยงเขาอย่างเงียบๆ
“ยังหาไม่เจอ…”
“อืม แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าสนใจงูเหล่านี้?”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอสนใจงูเหล่านี้จริงๆ!
เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาพิษ ชอบศึกษาเกี่ยวกับพิษ ย่อมต้องสนใจงูพิษเป็นธรรมดา และงูเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาดูได้ยาก เธออยากจะจับพวกมันทั้งหมด…
ทว่าพิษงูเหล่านี้ร้ายกาจเกินไป ต่อให้เป็นเธอก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปในค่ายกลงูสุ่มสี่สุ่มห้า บางทีเธอควรจะจับตัวที่อยู่ลำพังเหล่านั้นก่อน?
“หากเจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ครั้งหนึ่ง ข้าจะจับงูเหล่านี้แทนเจ้า”
ไม่รู้ว่าเสินเนี่ยนโม่เข้ามาใกล้เธออีกตั้งแต่เมื่อใด
กู้ซีจิ่วส่งเสียงเฮอะคราหนึ่ง
“เจ้าไม่ได้กลัวงูหรอกรึ?”
“อืม หากมันทำให้เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ได้สักคำ ข้าก็ไม่กลัวไปชั่วขณะได้”
เจ้าเด็กบ้านี่ช่างกะล่อนเสียจริง!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา สายตาจดจ้องที่งูเหล่านั้น ในใจครุ่นคิดวิธีการจับงูอย่างรวดเร็ว…
———————————————————————-
บทที่ 1962 ซ้ำยังวาดวงกลมมาคอยคุ้มกัน…
เรือนกายเสินเนี่ยนโม่ที่อยู่ด้านข้างพลันวูบไหว กระโจนเข้าไปทางงูเหล่านั้น!
กู้ซีจิ่วถึงกับผงะ เธอตอบสนองอย่างรวดเร็วและเฉียบแหลม คว้าแขนเสื้อแล้วดึงรั้งเขากลับมาในทันใด
“เจ้าอยากตายรึไง?! งูเหล่านี้ล้วนมีพิษ หากถูกตัวใดตัวหนึ่งกัดเข้า ชีวิตน้อยๆ ของเจ้านี้ก็จะต้องจบสิ้น!”
เด็กอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ทำการสิ่งใดหุนหันพลันแล่น ช่างใจกล้าไม่กลัวสิ่งใด…
เสินเนี่ยนโม่หันไปมองนาง
“เจ้ากลัวข้าตายหรือ?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าคำถามนี้ของเขาแปลกประหลาด เธอย่อมต้องกลัวเขาตายอยู่แล้ว เขาตายไป ภารกิจของเธอก็ล้มเหลว
อีกอย่างหากเอาเรื่องภารกิจออกไป เธอก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อเด็กคนนี้ ย่อมไม่อาจเฝ้าดูเขาจากไปอย่างช่วยไม่ได้…
ทว่าความจริงไม่อาจเอื้อนเอ่ย ดังนั้น กู้ซีจิ่วจึงทอดถอนใจอย่างจนปัญญา
“พ่อแม่เจ้ามีเจ้าเป็นลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียว หากเจ้าเกิดเป็นอะไรไปที่นี่ พ่อแม่เจ้าไม่ต้องไล่ล่าสังหารข้าไปทั่วทั้งทวีปเมื่อพวกเขากลับมาเลยหรือ?”
สายตาของเสินเนี่ยนโม่หมองหม่นลง
ที่แท้ที่นางทำดีกับเขาก็เพราะเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของเขา?
เขากอดอกในทันใด
“ดี งั้นเจ้าไปจับมันเอง!”
กู้ซีจิ่วต้องการจับมันด้วยตัวเองอยู่แล้ว ทว่าเธอก็ไม่วางใจทิ้งให้เสินเนี่ยนโม่อยู่ในมุมมืดเพียงลำพัง หากมีงูตัวไหนเล็ดรอดออกมากัดเขาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!
ดังนั้นเธอจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบเอาขวดยาขวดหนึ่งออกมาแล้วโรยยาล้อมรอบเขาเป็นวงกลม
“เจ้าอยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายก่อน อย่าออกจากวงกลมนี้”
นางเห็นเขาเป็นพระถังซัมจั๋ง? ซ้ำยังวาดวงกลมมาคอยคุ้มกัน…
อีกอย่าง วงกลมที่นางวาดนี้ไม่กลม…
กู้ซีจิ่วพลันทะยานเรือนกายลงไปในค่ายกลงู…
กู้ซีจิ่วต้องการจับงูที่มีสีสันฉูดฉาดที่สุด ตัวนั้นเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุด พบเห็นได้ยากที่สุด หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด มันน่าจะเป็นพญางูของที่นี่!
เดิมทีงูเหล่านั้นกำลังเลื้อยวนรอบมุกอสรพิษอย่างอ้อยอิ่ง งูตัวที่มีสีสันฉูดฉาดที่สุดใช้หัวยกมุกอสรพิษ ราวกับกำลังเล่นสนุกอยู่
กู้ซีจิ่วว่องไวดังสายฟ้า ลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วดิ่งลงไปคว้างูเจ็ดนิ้วตัวนั้น!
คาดไม่ถึงว่างูตัวนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อถึงยามคับขัน ก็ขดร่างเข้าไปในค่ายกลงูในทันใด
มุกอสรพิษก็กลิ้งหลุนๆ ลงมาด้วย
งูตัวอื่นกลับชูคอขึ้นมาในทันใด งูนับไม่ถ้วนแลบลิ้นแปลบๆ มาทางกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วโจมตีไม่สำเร็จในครั้งเดียว เธอยังต้องร่อนลงพื้นไปตั้งหลักอีกครั้งแล้วถึงค่อยกระโดดกลับขึ้นมาอีกได้
ทว่าเบื้องล่างล้วนเป็นงูที่ชูคอเต็มไปหมด ไม่ว่าเธอร่อนลงตรงที่ใดก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกพวกมันกัดทั้งสิ้น…
เธอตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเหยียบลงไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน นึกไม่ถึงว่าเอวของเธอพลันถูกโอบรัดแน่น ก่อนที่ร่างจะโบยบินกลับไป กระแทกเข้าสู่อ้อมกอดคนผู้หนึ่งดังตุ้บ
ซุ่มเสียงของเสินเนี่ยนโม่ดังขึ้นข้างหูเธอ
“เห็นแก่ที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ เรียกศิษย์พี่ให้ข้าฟังสักหน่อยสิ?”
“ฝันไปเถอะ!”
กู้ซีจิ่วเหยียบเท้าของเขา ทำให้เขาคลายวงแขนที่โอบกอดเอวเธอไว้สำเร็จ ร่อนลงบนพื้นได้อย่างสบาย
เธอหันหน้ามองเสินเนี่ยนโม่ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผย แทบจะไม่ขยับเขยื้อน ยังคงยืนอยู่ในวงกลมที่เธอวาดไว้ ไม่มีเอนเอียง
ถึงแม้เจ้าเด็กนี่จะชอบฉวยโอกาสเธอ ทว่าก็ยังช่างสังเกต ลงมือได้ประจวบเหมาะพอดี
“เจ้าช่วยข้าไว้ แต่ข้าไม่ได้กลัวถูกงูกัด ก็ไม่นับว่าเจ้าช่วยชีวิตข้า ดังนั้น เด็กน้อย เจ้าไม่ใช่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้นะ อยากเป็นศิษย์พี่ของข้าไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก…”
“เด็กน้อย…”
เสินเนี่ยนโม่ทวนซ้ำสองคำนี้ ซุ่มเสียงยิ้มมิเชิงยิ้ม
“วาจาของเจ้าช่างเป็นผู้ใหญ่เสียจริง ที่แท้เจ้าอายุเท่าไหร่กันแน่?”
กู้ซีจิ่วชะงักงัน จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าหากตัวเองยังคงรูปลักษณ์เด็กสาวต่อหน้าเขาเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปเขาจะไม่มีวันเชื่อฟังเธอ อย่างไรเสียรูปลักษณ์นี้ก็ไม่มีอำนาจข่มขวัญ…
อีกทั้งรูปลักษณ์นี้ทำให้เธอใช้พลังวิญญาณได้อย่างจำกัด มิสู้กลับคืนรูปลักษณ์เดิมเสียดีกว่า
———————