ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2067+2068
บทที่ 2067 ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!
พลับพลาหลังนี้ตั้งอยู่กลางทะเลสาบใหญ่ มีระเบียงทางเดินคดเคี้ยวสายหนึ่งที่เชื่อมเข้ากับริมฝั่ง ที่นี่มีพลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ที่สุด เธอฟื้นฟูอยู่ที่นี่จะได้ผลลัพธ์อย่างทำน้อยได้มาก
ไม่กี่วันมานี้ตี้ฝูอีก็เคยมาหาเธอเช่นกัน แต่เธอยังโกรธเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้อยู่ ดังนั้นจึงไม่สนใจเขาสักเท่าไหร่ และพูดคุยกับเขาอย่างเฉยชา
ตี้ฝูอีกลับคล้ายว่าไม่ใส่ใจเท่าไหร่ นั่งอยู่ที่นี่กับเธอสักหนึ่งเค่อครึ่งเค่อ ก็หันหลังจากไป
ต่อมาเขาคงไม่อยากจะรบกวนเธอ จากที่เคยมาเดินเตร่สามสี่ครั้งต่อวัน ก็เปลี่ยนเป็นสองวันครั้ง สามวันครั้ง…
ในวันนี้กู้ซีจิ่วนั่งสมาธิเสร็จสิ้นไปอีกรอบหนึ่งแล้ว จึงลืมตาขึ้น ได้ยินเสียงฝนโปรยปรายอยู่ด้านนอก เลยลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก มองเห็นด้านนอกมีฝนตกปรอยๆ บุปผาหญ้าเซียนใต้หน้าต่างไหวโอนเอนอยู่ท่ามกลางสายฝน ในอากาศกรุ่นกลิ่นพืชพรรณหอมสดชื่นอยู่จางๆ ทิวทัศน์งดงามพิสุทธิ์
เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาชั่วขณะ หยิบร่มมากางแล้วเดินออกไป
เธอก้าวออกจากประตู เดินไปตามระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยว แวะชมทิวทัศน์ระหว่างทางไปด้วย
หยาดฝนโปรยปรายลงผิวทะเลสาบ กระทบเป็นวงคลื่น มัจฉาในทะเลสาบกระโจนขึ้นมาเหนือน้ำเป็นครั้งคราว ก่อให้เกิดภาพร่างอันงดงามสายหนึ่ง แล้วหล่นลงไปอีกครั้งเสียงดังจ๋อม เกิดเป็นฟองคลื่นสีขาว
เธอมองดูท้องฟ้า บนฟ้ามีมวลเมฆล่องลอย ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวแจ่มใสปานถูกชำระล้างด้วยสายน้ำ
เธอพิงราวกั้นทอดมองออกไปไกล เห็นเพียงระลอกหมอกกว้างไกลสุดสายตา ฟ้าดินเป็นสีเดียวกัน
บรรยากาศเช่นนี้ หากว่ามีคนรักอิงแอบแนบซบชมด้วยกัน น่าจะยอดเยี่ยมมากกระมัง?
ไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องหน้าเธอพร่าเลือนไปเล็กน้อย ภาพหลอนที่ไม่ปรากฏขึ้นเนิ่นนานแล้วจู่ๆ ฉายขึ้นเบื้องหน้าเธออีกครั้ง
เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงเช่นเคย ฉากหลังคือศาลาน้อยหลังหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นยืนพิงราวกั้นอยู่ ส่วนผู้ชายก็แอบอิงอยู่ข้างกายเธอ แขนข้างหนึ่งโอบไหล่เธอไว้หลวมๆ ส่วนเธอก็เอียงหัวซบไหล่เขา ดั่งยวนยางเคียงคู่ชมทิวทัศน์ เป็นฉากที่งดงาม
ริมหูคล้ายได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นแว่วมาแผ่วๆ
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านว่าพวกเราจะมีลูกไหม?”
“เจ้าอยากมีลูกหรือ?”
“ใช่แล้ว อยากมี! อยากมีลูกชายสักคน เอาให้หล่อเหลามากความสามารถแบบท่าน อืม ท่านชอบลูกชายหรือลูกสาว?”
“ชอบทั้งคู่นั่นแหละ ขอเพียงเจ้าเป็นผู้ให้กำเนิด ”
“ถ้าพวกเรามีลูก ข้าจะใช้ลูกผูกมัดท่าน ให้ท่านหักใจจากไปไม่ลง!”
“ตัวโง่งม ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่ผูกมัดข้าไว้มากที่สุดก็คือเจ้า ไม่ใช่ลูก…”
“เช่นนั้นข้าจะใช้หลักประกันสองชั้น ทั้งข้าทั้งลูก ท่านต้องหักใจไม่ลงยิ่งกว่าเดิมแน่นอน! ท่านต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ มิเช่นนั้นข้าอาจจะร้องไห้จนตายให้ท่านดูก็ได้!”
“ได้ ข้าจะพยายาม…”
“ซีจิ่ว ต่อให้ข้าจากไป ก็จะหาทางกลับมาให้ได้ เจ้ารอข้านะ…”
….
ชายในภาพหลอนผินหน้าจุมพิตภรรยาที่อยู่ข้างกาย ทั้งสองโอบกอดกันแน่น
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน มองฉากที่คล้ายกับภาพลวงตาที่อยู่แสนไกล หัวใจเสมือนถูกเสียบด้วยมีด เจ็บปวดเหลือคณา
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าฉากในภาพหลอนอบอุ่นยิ่ง ทว่ากลับทำให้เธอรู้สึกปวดใจ แฝงความโศกเศร้าที่ปะทุขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
เธอจ้องมองบุรุษในภาพหลอนอย่างเลื่อนลอย ถึงแม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่อาภรณ์สีม่วงชุดนั้นกลับโดดเด่นแยงตาเธอ เสียดแทงหัวใจของเธอ
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
เธอเอ่ยพึมพำ ยื่นมือออกไปยังทิศทางนั้น
สายลมหอบหนึ่งพัดวูบ ภาพหลอนสลายไป ร่มกันฝนในมือเธอถูกลมพัดปลิวออกไป
เธอได้สติกลับมา มองเห็นร่มถูกลมพัดลอยไปไกลกำลังจะตกลงไปในทะเลสาบแล้ว จึงร้องอุทานออกมา
ร่มกันฝนคันนี้เธอพกติดตัวมาจากโลกเบื้องล่าง ในภาพหลอนของเธอเคยเห็นเขาและเธอถือร่มคันหนึ่งไว้ ร่มคันนั้นคล้ายว่าจะเป็นร่มคันนี้ ดังนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับร่มคันนี้มาก
เมื่อเห็นมันปลิวออกไปย่อมหักใจไม่ลง เรือนกายไหววูบ จะใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปหา หัวไหล่พลันถูกมือข้างหนึ่งทาบทับลงมา
“ข้าไปเอง!”
เงาร่างในชุดม่วงสายหนึ่งพุ่งผ่านร่างเธอออกไป
เธอใจเต้นแวบหนึ่ง ตี้ฝูอี!
….
—————————————————————————–
บทที่ 2068 เผยไผ่
ชุดสีม่วงที่เขาสวมโบกสะบัดดั่งผืนธง ลากให้เกิดเส้นโค้งเจิดจ้าพร่าตาสายหนึ่งขึ้นกลางอากาศ พริบตาเดียวก็ไล่ตามร่มคันนั้นทันแล้ว ยื่นมือออกไปคว้า ฉวยเข้าสู่มือได้ ถือโอกาสดีดปลายเท้าลงบนผิวทะเลสาบเล็กน้อย แล้วเหินกลับมาอีกครั้ง
ส่งร่มคันนั้นเข้าสู่มือเธอ
“เอ้า”
กู้ซีจิ่วเอ่ยขอบคุณ รับไว้ในมือ สะบัดหยาดฝนออกจากร่ม แล้วเก็บมันกลับไปอย่างระมัดระวัง
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือผู้ใด?”
ตี้ฝูอีเอ่ยถามทันที
กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เงยหน้ามองเขา เห็นเขายืนพิงเสาระเบียงต้นหนึ่งอยู่ ดวงตาลุ่มลึกดั่งทะเลสาบที่อยู่ด้านนอก มุมปากสีแดงชุ่มฉ่ำหยักขึ้นนิดๆ แฝงเส้นโค้งงดงาม
วันนี้เขาแต่งตัวตามสบายยิ่งนัก บนร่างสวมอาภรณ์สีม่วงหลวมกว้าง ดุจคลุมม่านหมอกไว้ชั้นหนึ่ง เส้นผมก็ใช้แถบแพรสีเดียวกันเส้นหนึ่งรวบขึ้นครึ่งศีรษะอย่างง่ายๆ เช่นกัน มีอยู่สองสามปอยที่ตกระอยู่ข้างแก้มเขา ดูเฉื่อยชาและเจ้าสำราญ
เขาเพ่งพิศเธอจากบนลงล่างอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววดื้อรั้นอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก เอ่ยถามอีกครั้ง
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือใคร?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อย
“ฝูอี พวกเรามาคุยกันเถอะ”
เธอไม่อยากจะคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว มิเช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายผู้อื่น ไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย
ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้วว่าเขายังมีอีกตัวตนหนึ่งคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เธอจำได้ว่ายามที่ลงไปยังโลกเบื้องล่างเคยไปเยี่ยมเยือนจวนอันว่างเปล่าของทูตสวรรค์ฝ่ายขวามาแล้ว ทราบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ยสิ้นชีพไปแล้ว ตอนนั้นเธอยังแปลกใจอยู่เลย ในเมื่อมีทูตสวรรค์ฝ่ายขวา แล้วทำไมถึงไม่มีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล่ะ?
เธอก็เคยถามคนอื่นเหมือนกัน ทว่าไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลยสักคน
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็คือหวงถู ตัวตนของหวงถูถูกลบออกไปจากโลกนั้นแล้ว ย่อมต้องลบการมีอยู่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทิ้งไปด้วยเช่นกัน
และยามที่เธอแต่งงานครองคู่กับเขา ก็ชอบเรียกเขาว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย
เขาบอกให้เธอรอเขา เธอต้องรอแน่นอน! จะขจัดอุปสรรคขวากหนามทั้งหมดรอ!
นับจากนี้เป็นต้นไป หัวใจเธอจะไม่หวั่นไหวกับผู้ใดอีกแล้ว
เธอเป็นคนรักษาคำพูด โดยเฉพาะในแง่ของความรัก…
….
บนเตาดินเผาใบน้อยต้มน้ำเอาไว้ บนโต๊ะมีถ้วยชาวางอยู่
ขนมอบสี่จานวางเรียงกันไว้ ขนมอบแต่ละอย่างล้วนใสกระจ่างแวววาว มองแล้วกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนนัก
โต๊ะหยกมรกตรูปทรงคล้ายใบบัวตัวหนึ่ง ม้านั่งสองตัวที่รูปทรงคล้ายดอกตูม
ทั้งสองคนนั่งกันคนละด้าน กู้ซีจิ่วยื่นมือไปชงชาให้เขา ท่าทางคล่องแคล่วยิ่งนักปานเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน มองแล้วเจริญตา
ตี้ฝูอีนั่งมองนางชงชาอยู่ตรงนั้น ไม่กี่วันมานี้นางไม่ค่อยสนใจเขาเลย ครั้งนี้กลับอยากคุยกับเขาอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก
ท่าทางการชงชาของนางน่ามองยิ่ง ชาที่ชงออกมาก็เลิศรสมากเช่นกัน
ตี้ฝูอียกขึ้นมาจิบเบาๆ อึกหนึ่ง ทว่าในใจกลับมีความรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมา
ท่าทางของนาง คล้ายว่าจะเผยไพ่ในมือกับเขาแล้วใช่หรือไม่?
แน่นอนว่าลางสังหรณ์ของเขาแม่นยำนัก กู้ซีจิ่วเอ่ยขอบคุณเขาก่อน ขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้ง ต่อมาก็เอ่ยขอโทษ ขอโทษที่เธอพูดจาอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจเช่นนั้นต่อหน้าผู้คน…
ในที่สุดตี้ฝูอีก็หมดความอดทนแล้ว
“ที่แท้เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่? พูดมาตามตรง!”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง
“เจ้าถามใช่ไหมว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือใคร? เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้า เขาน่าจะเป็นสามีของข้า”
‘เพล้ง!’
ถ้วยชาในมือตี้ฝูอีร่วงลงพื้น
ถ้วยชาตกลงบนพื้นแล้วแตกเป็นเสี่ยง เขาหลุบตามองครู่หนึ่ง ถึงได้เงยหน้าขึ้น
“อ…อะไรนะ?”
ถึงแม้เขาจะพยายามสงบสติอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปลายนิ้วกลับสั่นระริกอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วไม่มองสีหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยของเขา สายตามองผืนทะเลสาบด้านนอกราวกั้น เริ่มบอกเล่าเรื่องราวของตน เล่าสิ่งที่ตนประสบพบพานในโลกเบื้องล่าง เล่าถึงภาพหลอนที่ตนมองเห็นเหล่านั้น เล่าว่าตนสูญเสียความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเขาไป…
…………………