ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2071+2072
บทที่ 2071 เผยไพ่ 4
โชคดีที่นายน้อยรู้ตัวเร็ว ถอนตัวไว มิเช่นนั้นหากถลำลึกจมโคลนแล้ว เกรงว่าคงพัวพันไม่ชัดเจนเข้าจริงๆ แล้ว
กู้ซีจิ่วเงียบไปพักหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง
“ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทของบ้านท่านอยู่ที่ไหน ข้าจะไปบอกลาเขาต่อหน้า”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ฝ่าบาทบอกว่าวันหน้าเขาไม่อยากเห็นท่านอีก ขอให้ท่านรักษาตัวให้ดี วันหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย”
กู้ซีจิ่วพนักหน้านิดๆ
“ได้!”
เธอหันหลังเดินไปแล้วชะงักลงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหยิบเบ็ดตกปลาคันหนึ่งออกมาจากไหน เกี่ยวเหยื่อใส่อย่างชำนาญ แล้วหย่อนเบ็ดลงไปในทะเลสาบ
ไป๋เจ๋อประหลาดใจและงุนงง กู้ซีจิ่วอธิบายเรียบๆ ว่า
“ข้าติดค้างน้ำแกงปลาเขาชามหนึ่ง จะใช้เป็นของขวัญขอบคุณที่ให้ที่พักพิงข้าในหลายวันมานี้”
ด้วยเหตุนี้ไป๋เจ๋อจึงไม่พูดอะไรแล้ว
….
เป็นยามพลบค่ำ พระอาทิตย์จมลงไปครึ่งดวงแล้ว ม่านแสงสายัณห์ทาบรำไรอยู่ ณ ปลายขอบฟ้า
ตี้ฝูอีนั่งอยู่ในศาลากลางน้ำหลังหนึ่งภายในสวนดอกไม้ ค่อยๆ ขบคิดไตร่ตรอง
เขาดื่มไปไม่น้อยเลย รอบกายมีไหสุรากองอยู่หกเจ็ดใบ ใบหน้าหล่อเหลาซับสีแดงจางๆ ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับแจ่มใสยิ่งนัก
ไป๋เจ๋อก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ในมือถือน้ำแกงปลาชามหนึ่งมาด้วย วางไว้บนโต๊ะเขาอย่างเงียบเชียบ
ตี้ฝูอีมองแวบหนึ่ง
“นี่คือ?”
“ฝีมือแม่นางกู้พ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่ให้ที่พักพิงในหลายวันมานี้”
ไป๋เจ๋อตอบไปตามจริง
“เฮอะ!”
ตี้ฝูอีแค่นหัวเราะเสียงเบา ไม่ทราบว่าเป็นการเยาะหรือหยัน
“นางล่ะ?”
“ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พาสัตว์เลี้ยงสองตัวนั้นของนางจากไปแล้ว”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก หมุนจอกสุราในมืออย่างไม่รู้ตัว ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
น้ำแกงปลาที่อยู่บนโต๊ะมีไอร้อนลอยกรุ่น เนื่องจากไม่มีใครแตะต้องมันเลย ไอร้อนนั้นจึงค่อยๆกระจายไป เย็นลงอย่างช้าๆ
ตี้ฝูอีดื่มสุราจอกแล้วจอกเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะกินน้ำแกงปลาชามนั้นเลย
ไป๋เจ๋อมองอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง อดไม่ได้จึงเอ่ยตะล่อม
“ฝ่าบาท หาไม่แล้วท่านดื่มน้ำแกงปลาหน่อยดีไหมพ่ะย่ะค่ะ? รสชาติยังเยี่ยมยอดอยู่ หากเย็นแล้วจะเสียรสเอา”
ตี้ฝูอีปรายตามองน้ำแกงปลาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเฉยชาว่า
“เททิ้งซะ เปิ่นกงไม่คิดจะดื่มสิ่งนี้”
ไป๋เจ๋อผงะไป ครั้งก่อนเนื่องจากนายน้อยไม่ได้ดื่มน้ำแกงปลาที่นางทำในจวนของเม่ทัพหลง หลังจากกลับมาก็ผิดหวังอยู่นานสองนาน ยามนี้แม่นางกู้ผู้นี้ทำให้เขาโดยเฉพาะแล้ว เขากลับไม่อยากินหรือ?
ไป๋เจ๋อนึกถึงสถานการณ์ตอนที่กู้ซีจิ่วทำน้ำแกงปลาชามนี้ เพื่อทำน้ำแกงปลาชามนี้นางสิ้นเปลืองกำลังไปมากจริงๆ เจาะจงต้องใช้ปลาชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ นางตกปลาตัวแล้วตัวเล่า จนกระทั่งตัวที่สิบหกถึงตกได้ปลาที่นางต้องการ ลงมือแล่ปลาขอดเกล็ดเอง ปรุงเองกับมือ
ระหว่างที่จัดการปลาอยู่ นางใจลอยไปชั่วขณะ ถูกบาดนิ้วเข้า บาดจนเลือดออก
นางทำอย่างใส่ใจยิ่ง ยามที่ปรุงหม้อแรกออกมา นางชิมรสชาติดู รู้สึกไม่พอใจ จึงเททิ้งแล้วทำใหม่อีกครั้ง…
เดิมทีในใจของไป๋เจ๋อยังขุ่นเคืองนางอยู่ เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกทนไม่ได้อีกครั้ง ความขุ่นเคืองก็สลายไปไม่น้อยเช่นกัน
ไป๋เจ๋อนำน้ำแกงชามนี้มา นี่เป็นผลงานที่นางปรุงออกมาเป็นครั้งที่สาม ตลอดทางที่ไป๋เจ๋อถือมา ล้วนสัมผัสได้ว่ากลิ่นนี้ช่างหอมหวนอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน มันก็ทำออกมาไม่ได้เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของตี้ฝูอี มันจึงปวดใจอยู่บ้าง กระแอมเบาๆ คราหนึ่ง
“ฝ่าบาท น้ำแกงปลาชามนี้ทำได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ท่านไม่ชิมหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เททิ้ง!”
ไป๋เจ๋อพูดไม่ออกแล้ว
เขายังคิดจะตะล่อมต่อ กลับคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะหมดความอดทนแล้ว หยิบน้ำแกงปลาชามนั้นขึ้นมา เดินไปที่หน้าต่าง สะบัดมือ สาดชามน้ำแกงปลาออกไป โยนลงไปในน้ำด้านนอก
ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองดูฟองคลื่นที่ผุดพรายอยู่เหนือผิวน้ำพักหนึ่ง จวบจนผิวน้ำตรงนั้นกลับมาสงบราบเรียบอีกครั้ง เขาถึงหันกลับมา
….
————————————————————————————-
บทที่ 2072 ทำให้เจ้าโดยเฉพาะเลย
จวบจนผิวน้ำตรงนั้นกลับมาสงบราบเรียบอีกครั้ง เขาถึงหันกลับมา เอ่ยสั่งการ
“ไป๋เจ๋อ ต่อไปนี้เปิ่นกงกับนางไม่เกี่ยวข้องอันใดกันแล้ว ไม่ต้องเอาเรื่องของนางมารายงานให้เปิ่นกงรู้อีก พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องจับตามองนางแล้ว”
ไป๋เจ๋อพยักหน้ารับ
“พ่ะย่ะค่ะ”
ระยะเวลาที่ผ่านมาพวกมันแปดสัตว์วิเศษได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบร่องรอยต่างๆ ของกู้ซีจิ่วอยู่เสมอ แทบจะผันตัวไปเป็นสายลับแล้ว
หาไม่แล้วตอนที่กู้ซีจิ่วเกิดเรื่องขึ้นที่ยอดเขาแสงอุษา ตี้ฝูอีก็คงตามไปหาไม่ทันเวลาปานนั้นหรอก ย่อมเป็นความชอบของแปดสัตว์วิเศษที่แจ้งข่าว โชคดีที่ในสุดภารกิจนี้ก็มีคำสั่งยุติแล้ว
แต่ว่านายน้อยจะปล่อยวางได้จริงๆ น่ะหรือ?
ไป๋เจ๋อสงสัยในข้อนี้ยิ่งนัก
เขามองดูนายน้อยของบ้านตน กำลังดื่มสุราอีกครั้ง
นายน้อยคอแข็งนัก พันจอกไม่เมามาย
เดิมทีมันยังกังวลอยู่ว่านายอายุยังน้อยดื่มสุรามากขนาดนี้จะไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เมื่อเห็นกริยาท่าทางของเขา ล้วนแต่เป็นรูปลักษณ์ของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ไม่สามารถอ้างอิงได้ด้วยหลักสามัญสำนึก ความคอแข็งของนายน้อยได้รับสืบทอดมาจากมหาเทพ ในอดีตมหาเทพก็ดื่มพันจอกไม่เมามายเช่นกัน…
ดังนั้นไป๋เจ๋อยืนอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยเกลี้ยกล่อมอีก ปล่อยให้เขาดื่มไป
ผลคือ ตี้ฝูอีดื่มจนเมาเข้าจริงๆ!
สุราของตำหนักนภาลัยล้วนเก็บรักษาไว้นับพันปีแล้ว รสชาติเลิศล้ำ ฤทธิ์สุราย่อมแรงเข้าขั้น ตี้ฝูอีจึงเมามายอยู่ถึงสามวัน
ในระยะเวลาสามวันนี้เขายังฝันด้วย ฉากในความฝันค่อนข้างสับสนวุ่นวาย ถึงขั้นที่ค่อนข้างไร้สาระอยู่บ้าง
ในฝันเขาได้พบกู้ซีจิ่วอีกครั้ง ซ้ำยังร่วมผจญภัยไปกับนางด้วย มุดไปมุดมาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ในถ้ำมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง บางครั้งก็มีสัตว์ประหลาดสัตว์ร้ายสารพัดชนิดพุ่งออกมา โชคดีที่เขากับนางร่วมมือกันต่อกร จึงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
ระหว่างที่ผจญภัยอยู่ เขาจูงมือนางไว้ตลอด สิบนิ้วประสานกัน แนบสนิทไร้ช่องว่างยิ่งนัก
ต่อมาพอออกจากถ้ำได้ มองเห็นมหาสมุทรที่มีคลื่นโหมซัดสาดอยู่ด้านล่างหน้าผา กู้ซีจิ่วหยิบเบ็ดตกปลาคันหนึ่งออกมาตกปลา บอกว่าจะทำน้ำแกงปลาให้เขา เขารอคอยอย่างปรีดานัก มองนางตกปลาขึ้นมา มองนางลงมือจัดการปลาตัวนั้น มองนางค่อยๆ ปรุงน้ำแกงปลาออกมา…
นางเทใส่ชามใบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ แล้วยื่นให้เขา
“เอ้า กินสิ ทำให้เจ้าโดยเฉพาะเลย”
ขณะที่เขากำลังจะรับมา กลับมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากความว่างเปล่า แย่งเอาชามใบนั้นไป
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ มองเห็นคนชุดม่วงผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า
ว่าไปแล้วก็แปลก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคนชุดม่วงผู้นี้ก็ยืนอยู่ใกล้เขา และไม่ได้สวมหน้ากากอยู่ แต่เขากลับมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน แต่เห็นชัดเจนว่าเขาถือน้ำแกงปลาชามนั้นอยู่…
กู้ซีจิ่วร้องอุทานคราหนึ่ง เด้งตัวขึ้นมา มองไปที่บุรุษชุดม่วงผู้นั้นอย่างตกตะลึง
“หวงถู ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
บุรุษชุดม่วงผู้นั้นอ้าแขนไปทางนาง
“ซีจิ่ว!”
ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงต้องเบิกตามองกู้ซีจิ่วที่ก่อนหน้านี้ยังจับมือประสานนิ้วกับเขาอย่างแนบชิดไร้ช่องว่าง โผเข้าสู่อ้อมแขนของคนผู้นั้นปานนางแอ่นโผคืนไพร…
สองคนนั้นกอดกันกลม ดุจเถาวัลย์พันกิ่ง ผู้ใดก็พรากจากกันไม่ได้
ตี้ฝูอียืนอยู่ที่ด้านหนึ่ง มือสั่นระริกแล้ว!
เขาอยากเข้าไปแยกพวกเขาออกจากกัน แต่ใต้ฝ่าเท้ากลับคล้ายว่ามีอะไรตรึงเอาไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
นั่นคือโลกของคนทั้งสอง ไม่มีที่ให้เขาเลย เขาก็บุกเข้าไปไม่ได้เช่นกัน
เสมือนเวลาล่วงเลยไปนานนับศตวรรษ ในที่สุดสองคนนั้นก็ค่อยๆ ผละจากกัน กู้ซีจิ่วคล้ายว่าเพิ่งจะมองเห็นเขาที่ยืนจนแทบแข็งทื่อเป็นเสาแล้ว ยิ้มอย่างขออภัย
“ฝูอี ข้าตามหาเขามาหลายร้อยปีแล้ว ชมชอบเพียงเขาเท่านั้น…”
“แล้วข้าล่ะ?”
เขาถามเสียงแหบพร่า
กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างลุแก่โทษอีกครั้ง
“ฝูอี ข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ในหม้อยังมีน้ำแกงปลาเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง ยกให้เจ้านะ รักษาตัวด้วย”
ตี้ฝูอีปานถูกสายฟ้าฟาด!
หลังจากนั้น เขาก็เห็นบุรุษชุดม่วงผู้นั้นโอบกู้ซีจิ่วหันหลังจากไป ไม่มองเขาอีกเลยสักแวบเดียว
……………..