ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2079+2080
บทที่ 2079 เงื่อนไขของจักรพรรดิเซียน 4
แถมเขายังส่งคนมาส่งเทียบเชิญเป็นการเฉพาะอีก ความจริงแล้วเป็นขู่ขวัญที่แยบยลประการหนึ่ง กล่าวให้ชัดคือเขาจับร่องรอยของเธอได้แล้ว…
“เจ้านาย แล้วท่านจะไปไหม?”
กู้ซีจิ่วเก็บกวาดเล็กน้อย เอ่ยเรียบๆ ว่า
“ไปอยู่แล้ว! ยังไงข้าก็เคยรับปากเสินเนี่ยนโม่ไว้ บอกว่าจะพูดให้ชัดเจนต่อหน้าผู้คน คืนชื่อเสียงที่ดีงามให้เขา”
เจ้าหอยยักษ์ไม่พูดอะไรต่อแล้ว
….
งานเลี้ยงผกาเซียน เป็นงานชุมนุมอันเลื่องชื่อของแดนพ้นโศก
จัดขึ้นในช่วงเดือนสามของทุกปี พูดกันตามตรงก็ไม่ต่างไปจากงานชุมนุมท้อสวรรค์ของเจ้าแม่หวังหมู่สักเท่าไหร่ เป็นงานชุมนุมใหญ่ที่จักรพรรดิเซียนและเหล่าเทพเซียนจะได้ติดต่อเชื่อมสัมพันธ์กัน
งานเลี้ยงผกาเซียนนี้ปกติแล้วจะจัดขึ้นกลางเดือนสาม แต่ปีนี้เลื่อนขึ้นมาครึ่งเดือน ต้นเดือนสามเหล่าเซียนก็ได้รับเทียบเชิญแล้ว
ใบหน้าของจักรพรรดิเซียนยังคงใหญ่โตที่สุด ตระกูลเซียนที่มีชื่อเสียงของแดนพ้นโศก ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญล้วนมาร่วมงานทั้งสิ้น
ภายในตำหนักที่งดงามโอ่อ่า ประดับประดาแซมบุปผาเซียนสารพัดชนิดเอาไว้ ทุกกระถางทุกช่อ ล้วนชูช่อส่งกลิ่นกำจร
พระที่นั่งสระหยกสำหรับรับรองแขกของจักรพรรดิเซียนวิจิตรตระการตา บนแท่นหยกมีโต๊ะเก้าอี้เรียงรายอยู่นับไม่ถ้วน บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสครบครัน สมบูรณ์พรั่งพร้อมเหนือธรรมดา
ยังไม่ถึงเวลา เหล่าตระกูลเซียนก็ทยอยกันมาแล้ว บนแท่นหยกมีคนเนืองแน่น ทุกคนต่างทักทายปราศรัยถามไถ่กัน ครึกครื้นอย่างยิ่ง
ผู้คนมากมาย เรื่องซุบซิบนินทาย่อมมากตาม ข่าวสารที่พูดคุยก็มากมายเช่นกัน
ข่าวสารของปีนี้ยิ่งมากเป็นพิเศษ อย่างเช่นคดีสัตว์เซียนหายสาบสูญ คดีอวิ๋นเยียนหลีคิดก่อกบฏ และหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดของปีนี้ก็คือเรื่องระหว่างคนลึกลับหน้ากากผีกับเสินเนี่ยนโม่
ชาวเซียนเหล่านี้ได้ยินมาหลายต่อหลายฉบับแล้ว ระหว่างที่จักรพรรดิเซียนยังไม่มาเปิดงาน ทุกคนต่างจับกลุ่มสามคนบ้าง ห้าคนบ้าง รวมตัวกระซิบกระซาบถกเถียงเรื่องเหล่านี้กัน
แน่นอน เนื่องจากฐานะของตัวต้นเรื่องทั้งสองสูงส่งยิ่ง ยามที่ทุกคนพูดคุยถกเถียง ในถ้อยคำก็ยังไว้หน้ายิ่งนักอยู่
คู่มหาเทพสามีภรรยาคือตัวตนในตำนานของแดนพ้นโศก เคยกอบกู้ดินแดนนี้เอาไว้ ในใจทุกคนจึงเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสและซาบซึ้งในตัวของสองสามีภรรยา ย่อมเป็นห่วงเป็นใยในตัวเสินเนี่ยนโม่บุตรชายของพวกเขาอย่างยิ่ง…
และเนื่องจากคนทั่วไปไม่เคยพบเสินเนี่ยนโม่ในวัยผู้ใหญ่มาก่อน ดังนั้นในความคิดของคนมากมาย เสินเนี่ยนโม่ยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ อย่างมากก็แก่แดดแก่ลมไปหน่อยเท่านั้น…
ดังนั้นยามที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วคนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้ไม่มีศีลธรรมเกินไปแล้ว แม้แต่เด็กน้อยก็ยังไม่ละเว้น…
ระหว่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ทุกคนย่อมพูดคุยถึงหัวข้อรูปโฉมของกู้ซีจิ่วด้วย
อย่างไรเสียยามที่กู้ซีจิ่วปรากฎตัวต่อหน้าคนหมู่มากก็สวมหน้ากากเอาไว้เสมอ เสื้อคลุมที่สวมบนร่างก็มองรูปร่างไม่ออก หากมิใช่เพราะได้รับข่าวที่ชัดเจนเชื่อถือได้ ทุกคนถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสรุปแล้วนางเป็นหญิงหรือชาย…
กู้ซีจิ่วเคยเผยโฉมหน้าจริงที่หุบเขาล่องเมฆาเพียงครั้งเดียวจริงๆ และผู้ที่ได้เห็นในครั้งนั้นล้วนเป็นเหล่าศิษย์ในสำนักของสิบปรมาจารย์
และสิบปรมาจารย์ก็ไม่มีความรู้สึกอันดีต่อกู้ซีจิ่ว แม้แต่ลูกศิษย์ของพวกเขาก็ไม่มีความรู้สึกดีต่อกู้ซีจิ่วไปด้วย อีกทั้งสิบปรมาจารย์ได้กำชับเหล่าศิษย์ไว้อย่างเข้มงวดว่า ยามที่พวกเขาออกไปข้างนอกให้สงบปากสงบคำเข้าไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือห้ามเปิดเผยเรื่องราวในหุบเขาเหล่านั้นของกู้ซีจิ่วด้วย
ดังนั้นยามที่พวกเขาอยู่ด้านนอกจึงไม่พูดจามากนัก บางครั้งเวลาได้ยินผู้อื่นเอ่ยว่าคนลึกลับหน้ากากผีมีรูปโฉมอัปลักษณ์ พวกเขาก็ไม่ได้สอดปากชี้แจงแก้ไข
ยามที่มีคนเอ่ยสอบถามกับพวกเขา พวกเขาก็แค่ยิ้มแวบหนึ่ง ไม่ออกความคิดเห็นเลย
มากสุดก็กล่าวเพียงประเดียวว่า ‘วิถีของผู้บำเพ็ญเซียนคือจิตใจ ไยต้องใส่ใจว่ารูปโฉมอัปลักษณ์หรืองดงาม?’
ด้วยเหตุนี้ ประโยคนี้จึงถูกคนส่วนใหญ่เอาไปตีความกันว่า ‘คนลึกลับอัปลักษณ์จริงๆ เพียงแต่คนของสิบสำนักมีจิตเมตตา จึงไม่พูดถึงรูปโฉมอันน่าเกลียดของนาง’
แน่นอนว่าในบรรดาศิษย์ของสิบสำนักก็มีคนที่ทนฟังไม่ได้เช่นกัน ออกหน้าอธิบายให้กู้ซีจิ่ว
————————————————————————————-
บทที่ 2080 งานเลี้ยงผกาเซียน
ยกตัวอย่างเช่นศิษย์ตัวน้อยของอวี่หังเจินเหรินซือชิงและเหิงชิง…
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็คนน้อยเสียงแผ่ว ถ้อยคำที่พวกเขาพูดไม่มีใครเชื่อเลยสักคน…
เพียงแต่ ก็นับว่ามีเสียงที่ต่างกันไปอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้ หัวข้อสนทนาที่เกี่ยวข้องกับรูปโฉมของกู้ซีจิ่ว จึงมีมากมายหลายฉบับยิ่ง
บ้างก็ร่ำลือว่านางงดงามยิ่ง งามจนฟ้าดินเปลี่ยนสี
บ้างก็ร่ำลือว่านางอัปลักษณ์ยิ่ง ขี้เหร่จนทำให้มนุษย์ขุ่นสวรรค์เคือง
บ้างก็ร่ำลือว่าความจริงแล้วรูปโฉมนางอัปลักษณ์นัก แต่วรยุทธ์นางสูงส่ง จงใจจำแลงรูปลักษณ์ ทำให้ตัวนางดูเหมือนโฉมงามคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นโฉมงามผู้เลิศล้ำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เสินเนี่ยนโม่ลุ่มหลงจนก้าวถลำลึกไปในเส้นทางที่ผิด แม้แต่เรื่องตัดขาดอาจารย์ก็ยังทำลง
แต่รูปลักษณ์ที่จำแลงออกมาก็หลอกได้เพียงผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำเท่านั้น หากพลังยุทธ์บรรลุถึงขั้นซ่างเซียนแล้ว จะมองทะลุรูปลักษณ์จำแลงของนางได้ มองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง
และในบรรดาคนที่มาร่วมงานเลี้ยงผกาเซียนก็มีซ่างเซียนอยู่กว่าครึ่ง
คนเหล่านี้รู้สึกว่า ถ้ากู้ซีจิ่วไม่มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงผกาเซียนก็แล้วไปเถิด หากมาปรากฏตัว พวกเขาจะต้องมองเห็นรูปโฉมเดิมของนางอย่างทะลุปรุโปร่งแน่…
เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาสามารถร่วมมือกันใช้อาคมบทหนึ่งทำให้นางกลับสู่สภาพเดิม ทำให้นางใช้วิชาจำแลงลักษณ์ล่อลวงคนไม่ได้อีก
สาเหตุที่พวกเขามีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะจักรพรรดิเซียนมีกระแสรับสั่งลงมา บอกว่าวันนี้คนลึกลับหน้ากากผีจะมาร่วมงานเลี้ยง มีเรื่องมาประกาศต่อหน้าสาธารณชนด้วย
ดังนั้นทุกคนล้วนตั้งตารอกันยิ่งนัก ตั้งตารอให้เวลานั้นมาถึง
และพากันคาดเดาว่าคนลึกลับหน้ากากผีจะประกาศเรื่องใด คงมิใช่ว่าจะประกาศวันวิวาห์ของนางกับ เสินเนี่ยนโม่กระมัง?!
ทุกคนยิ่งพูดคุยก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ พากันวิตกกังวล เต็มไปด้วยความโกรธเคือง…
ราวกับมองเห็นผักกาดสีเขียวมรกตงดงามกำลังจะถูกหมูคาบไปแทะแล้ว…
เวลาเริ่มงานอย่างเป็นทางการของงานเลี้ยงผกาเซียนคือยามโหย่ว[1] ยังไม่ถึงเวลา บนแท่นหยกถูกโอบล้อมไว้ด้วยแสงมงคล แซมด้วยแสงพร่างพราวพรรณราย เหล่าเซียนส่วนใหญ่มาถึงแล้ว
บนแท่นหยกมีโต๊ะตั้งอยู่กว่าสองร้อยตัว ด้านหลังโต๊ะแต่ละตัวมีที่นั่งสำหรับชาวเซียนสองถึงสามคน
ทุกคนนั่งกันตามลำดับศักดิ์ และมีกลุ่มสหายที่รวมกลุ่มกันสามถึงห้าคนด้วย มีเหล่านางกำนัลถือจานแตงโมและผลไม้ชนิดต่างๆ มาส่งให้ถึงหน้าโต๊ะเป็นครั้งคราว ครึกครื้นจนไม่อาจครึกครื้นไปมากกว่านี้ได้แล้ว
ทุกคนพากันคาดเดาว่าคนลึกลับหน้ากากผีผู้นั้นจะมาถึงยามใด
แน่นอนว่ามีคนคาดเดาเช่นกันว่าครั้งนี้เสินเนี่ยนโม่จะมาหรือไม่ ขณะที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน ก็มีเสียงรายงานจากด้านนอกว่า
“อวี่หังเจินเหริน เฟิงชิงซ่างเหริน อวิ๋นหลงเจินจวิน…มาถึงแล้ว!”
ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้ปรมาจารย์แห่งสิบสำนักก็มาด้วย!
เหล่าเซียนแทบจะร้องฮือฮากันแล้ว เนื่องจากปรมาจารย์สิบท่านนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือผู้ถือสันโดษ ปกติแล้วไม่เข้าร่วมงานสังคมเหล่านี้ นึกไม่ถึงว่าหนนี้จะมากันพร้อมหน้า!
ด้วยเหตุนี้ เหล่าเซียนจึงลุกขึ้นต้อนรับ พากันคารวะ
หลังจากทักทายกันแล้ว ก็มีข้ารับใช้นำทางสิบปรมาจารย์ไปนั่งยังที่นั่งกิตติมศักดิ์
เห็นทีว่าวันนี้จะเป็นศึกใหญ่ของจริง แม้แต่สิบปรมาจารย์ก็ออกโรงมาพร้อมกัน
ต่อให้เป็นเซียนที่ปกติแล้วสุขุมเยือกเย็นยามนี้ห้วงอวกาศน้อยๆ ในใจก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาแล้วเช่นกัน!
ชมเรื่องครื้นเครงไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้องเกี่ยว ทุกคนต่างรู้สึกว่า อีกเดี๋ยวจะต้องมีละครดีให้ได้ชมแน่นอน!
เมื่อจวนถึงยามโหย่ว ในที่สุดจักรพรรดิเซียนก็เสด็จมา นั่งลงบนตำแหน่งประธานในระหว่างที่ทุกคนถวายความเคารพ
แม้แต่จักรพรรดิเซียนก็มาถึงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคนลึกลับหน้ากากผีผู้นั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวเลย เหล่าเซียนรอกันจนเป็นกังวลแล้ว
จะเข้าสู่แท่นสระหยกแห่งนี้ต้องผ่านด่านตรวจห้าแห่ง ขอเพียงกู้ซีจิ่วมาถึงด่านแรกแล้ว ทหารที่เฝ้าประตูจะรายงานให้ด้านในทราบ และนับตั้งแต่ด่านแรกมาจนถึงแท่นสระหยก ต่อให้เป็นซ่างเซียนที่เดินทางได้ว่องไวก็ยังต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเค่อ
ข่าวที่เหล่าเซียนได้รับมาคือ คนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้เป็นผู้ที่ตรงต่อเวลา ไม่มีทางมาสาย
หากอ้างอิงกันในยามนี้ เห็นกันอยู่ว่ายังเหลืออีกหนึ่งเค่อก็จะตรงตามเวลา ยังไม่ได้รับข่าวใดๆ จากปากด่านแรกเลย
………