ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2101+2102
บทที่ 2101 เฝ้ารอ
ตี้ฝูอีเดินวนรอบตัวมันถึงสามรอบเต็มๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่อาจทำให้มันฟื้นคืนชีพได้แล้วถึงได้ถอดใจ
เจ้าหอยยักษ์มองวิหคศิลาตัวนั้นโง่งมไปแล้วเช่นกัน แทบจะร่ำไห้แล้ว
“ไม่มีนกตัวนี้แล้ว เจ้านายของข้าจะขึ้นมาได้ยังไง?”
ไป๋เจ๋อกลับไม่สิ้นหวัง
“วิหคชนิดนี้มิได้มีเพียงตัวเดียว โดยทั่วไปแล้วจะอยู่เป็นคู่ แถมยังอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนหนึ่งตัว อยู่ที่ปากทางเข้าของโลกเบื้องล่างอีกหนึ่งตัว ตัวที่อยู่ในดินแดนเบื้องบนของพวกเราสิ้นชีพเพราะทะลวงขั้นไม่สำเร็จ แต่ตัวที่อยู่ข้างล่างนั่นไม่แน่ อาจยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเจ้านายของบ้านเจ้าต้องการขึ้นมาก็ยังพอมีหวัง”
เจ้าหอยยักษ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก มันยังคงวิตกกังวลอยู่บ้าง
“เช่นนั้นก็ต้องรออีกห้าเดือน หลังจากเจ้านายลงสู่โลกเบื้องล่างแล้ว ต้องพำนักอยู่เป็นเวลาครึ่งปีถึงจะขึ้นมาอีกได้”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ “จะไปโลกเบื้องล่างต้องขี่เจ้านกนี่อย่างเดียวรึ? มิใช่ว่าเซียนของดินแดนเบื้องบนก็สามารถลงไปฝ่าด่านเคราะห์ที่โลกเบื้องล่างได้หรอกหรือ?”
เขาไม่คิดจะรอถึงครึ่งปีหรอกนะ!
ไป๋เจ๋อถอนหายใจ
“ฝ่าบาท อันสิ่งที่เรียกว่าโลกเบื้องล่างนั้นมีอยู่หลายหมื่นดินแดน และเซียนของดินแดนเบื้องบนที่ลงไปฝ่าด่านเคราะห์ ณ โลกเบื้องล่างล้วนต้องผ่านแท่นเดินหน กระโดดลงไปจากตรงนั้น แต่จะได้ไปยังโลกไหนก็ขึ้นอยู่กับการสุ่มตามสถานการณ์ ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซียนก็บงการไม่ได้ ยังมีอีกข้อที่สำคัญยิ่งกว่า ผู้คนของดินแดนเบื้องบนเราพอลงสู่โลกเบื้องล่างแล้ว ไม่อาจกลับมาได้เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี แบบนั้นเสียเปรียบยิ่งนัก หากว่าท่านต้องการไปยังโลกเบื้องล่างอย่างเฉพาะเจาะจง ก็ทำได้เพียงขี่วิหคเพลิงชนิดนี้ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
ตี้ฝูอีเงียบงันไป
การสุ่มตามสถานการณ์นี้บัดซบเกินไปแล้ว! ต่อให้เขากระโดดลงไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด ก็มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าจะไม่ได้ไปยังโลกที่นางอยู่ ซ้ำยังต้องถูกถ่วงรั้งไว้ที่นั่นอีก…
ไป๋เจ๋อเกลี้ยกล่อมเขา
“ฝ่าบาท ตามความเห็นของข้าน้อย พวกเราควรรอไปสักระยะ หอยยักษ์และลู่อู๋สัตวเลี้ยงของนางล้วนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบน นางต้องอยากกลับมาโดยเร็วแน่นอน…ห้าเดือน ห้าเดือนเท่านั้นขอรับ ฝ่าบาทรออีกห้าเดือนเถิด”
ไป๋เจ๋อพูดจามีเหตุผล อีกทั้งเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ทำได้แค่รอจริงๆ
ระยะเวลาห้าเดือนสำหรับดินแดนเบื้องบนแล้ว เป็นระยะเพียงชั่วครู่เท่านั้น ผ่านไปอย่างง่ายดายยิ่ง
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้แท่นหยกได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ ยังคงงดงามด้วยพืชพรรณบุปผา ราวกั้นสลักก้อนอิฐหยก มองไม่เห็นร่องรอยว่าเคยพังทลายมาก่อน
ไม่กี่เดือนมานี้ตี้ฝูอีไม่เคยรออยู่เปล่าๆ เลย เขาพาเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ท่องไปทั่วทวีปนี้ ตามหาเบาะแสของนาง จนปัญญาที่ไม่ว่าจะไปไหนสองมือก็ล้วนว่างเปล่าทั้งสิ้น
ที่ลู่อู๋มียันต์ถ่ายทอดเสียงสำหรับติดต่อกับนางอยู่ แต่ลู่อู๋ลองใช้ติดต่อหาต่อเนื่องกันหลายสิบครั้งอยู่ทุกวัน ทางด้านนั้นไม่เคยมีคนรับสายเลย ทุกครั้งที่ลองติดต่อล้วนต้องผิดหวัง
หากมิใช่ว่าชื่อของนางยังคงอยู่บนเสาทำเนียบเซียนเสมอมา พวกเขาแทบจะนึกว่านางประสบเหตุร้ายไปจริงๆ แล้ว
ไม่กี่เดือนมานี้ตี้ฝูอีไม่มีกะจิตกะใจจะกินจะนอนเลย ย่อมไม่มีแก่ใจจะฝึกฝนวรยุทธ์ด้วย ไป๋เจ๋อเอ่ยเกลี้ยกล่อมจนปากเปียกปากแฉะอยู่หลายครั้ง ได้รับผลตอบรับเพียงน้อยนิดยิ่ง
นี่ทำให้มันเป็นกังวลยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงภารกิจของกู้ซีจิ่วก็ยิ่งเป็นกังวลกว่าเดิม!
กู้ซีจิ่วหายตัวไปครั้งนี้ ฝ่าบาทก็ตามหาตัวนางปานคนวิกลจริตอยู่เช่นนี้
หากว่าวันหนึ่งนางหวนกลับมา แล้วพาสามีของนางมาด้วยล่ะก็…
เช่นนั้นนายน้อยของบ้านมันจะเป็นอย่างไรเล่า?!
ไป๋เจ๋อแทบไม่กล้านึกถึงภาพนั้นเลย!
นายน้อยมีความรู้สึกต่อแม่นางผู้นี้ลึกล้ำเกินไปแล้ว!
ทำไมถึงลึกล้ำได้ถึงขนาดนี้กันนะ? อันที่จริงแล้วพวกเขาเพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นนี่!
ไป๋เจ๋อคิดทบทวนอยู่ซ้ำๆ ก็ยังไม่เข้าใจ บุคคลเช่นนายน้อยไม่สมควรตกสู่ห้วงรักได้เร็วถึงเพียงนี้ ถึงขั้นที่ราวกับโดนทำของใส่ไม่มีผิด
ไป๋เจ๋อตัดสินใจราดน้ำเย็นใส่ฝ่าบาทน้อยของบ้านตน
“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าท่านให้ความสำคัญกับแม่นางกู้เกินไปแล้ว ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ หากว่าหวงถูคืนชีพขึ้นมานางจะต้องติดตามอีกฝ่ายไปแน่นอน แล้วฝ่าบาท…”
ยามที่เอ่ยวาจานี้ออกมา ตี้ฝูอีกำลังตรวจดูรายชื่อนางที่เสาทำเนียบเซียนอยู่
————————————————————————————-
บทที่ 2102 เฝ้ารอ 2
วาจาของไป๋เจ๋อทำให้ตะลึงงันเล็กน้อย เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า
“ข้าย่อมเคยคิดถึงข้อนี้แล้ว แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าหวงถูผู้นั้นฟื้นคืนชีพได้?”
ไป๋เจ๋อส่ายหน้า
“ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว เป็นไปไม่ได้ขอรับ ยังไม่เคยได้ยินว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ของโลกเบื้องล่างที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้วจะสามารถหวนกลับมาได้เลย ข้าน้อยได้ตรวจสอบดูบันทึกในด้านนี้มาแล้ว โดยทั่วไปแล้วเมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์ของโลกเบื้องล่างดับขันธ์จะจุติยังดินแดนเบื้องบนทันที และในโลกเบื้องล่างที่เขาเคยพำนักอยู่จารึกนามของพวกเขาไว้ ไม่มีทางลบล้างชื่อเสียงคุณความดีอันใดของเขาทิ้ง มีเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ละเมิดลิขิตสวรรค์อย่างร้ายแรงเท่านั้นถึงจะดับขันธ์สูญสลายไป ถูกลบคุณความดีทิ้ง แต่ก็ไม่ได้ลบเลือนนามไป อย่างมากก็ทำให้โลกเบื้องล่างที่เขาเคยดูแลปกครองลืมเลือนคุณความดีของเขาไปเท่านั้น แต่หวงถูผู้นี้…คล้ายว่าจะไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่เลย ถึงขั้นที่เสมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย! สถานการณ์เช่นนี้ข้าน้อยก็เพิ่งเคยพบพานเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าสรุปแล้วตอนนั้นเขาทำเรื่องที่สวรรค์ขุ่นมนุษย์เคืองอันใดเอาไว้ ถึงได้รับผลลัพธ์ที่น่าเวทนาเช่นนี้…”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร ไม่กี่เดือนมานี้เขาได้พูดคุยกับเจ้าหอยยักษ์และลู่อู๋ ยามที่กู้ซีจิ่วอายุได้สิบกว่าปีพวกมันก็ติดตามอยู่ข้างกายนางแล้ว ตามที่พวกมันเล่าคือ แทบจะเป็นเงาตามตัวกันเลย และพวกมันก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับหวงถูผู้นี้เลยสักนิดจริงๆ…
หวงถูผู้นี้ถูกลบเลือนไปอย่างสิ้นเชิง! แต่ความจริงแล้วเขายังเหลือบางสิ่งเอาไว้เช่นกัน…
อย่างเช่นพลังยุทธ์
ภายในร่างของกู้ซีจิ่วมีพลังยุทธ์ของใครอีกคนอยู่! หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย น่าจะเป็นของหวงถูผู้นั้น
อายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันที่คันฉ่องส่องกระดูกแสดงออกมา ความจริงแล้วเป็นการแสดงถึงพลังยุทธ์ที่ใครคนหนึ่งถ่ายทอดให้แก่นาง
เหตุผลที่ตี้ฝูอีสันนิษฐานเช่นนี้ เป็นเพราะในร่างของเขาเองก็มีพลังยุทธ์ที่บิดาเขาถ่ายทอดให้แก่เขาเช่นกัน ท่านพ่อของเขาคงเกรงว่าเขาจะตกที่นั่งลำบาก ก่อนออกเดินทางจึงถ่ายทอดพลังยุทธ์ห้าร้อยปีไว้ให้เขา
ดังนั้นยามที่เขาส่องคันฉ่องส่องกระดูก จึงปรากฏตัวเลขสองจำนวนเช่นกัน
และกู้ซีจิ่วคงไม่ทราบว่าในร่างนางเองบรรจุพลังยุทธ์ของผู้อื่นเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าลืมเลือนไปแล้ว สิ่งที่ถูกนางลืมเลือนไปอย่างสมบูรณ์มีเพียงหวงถูผู้นั้น…
ตี้ฝูอีเคยพบ ‘เทพศักดิ์สิทธิ์’ มากมายที่โบยบินขึ้นมาจากโลกเบื้องล่าง พลังยุทธ์สูงสุดขึ้นขั้นซ่างเซียนกับอีกสองส่วน
แต่ดูจากพลังยุทธ์ในปัจจุบันของกู้ซีจิ่ว กลับเป็นขั้นซ่างเซียนกับอีกเก้าส่วนอันน่าพรั่นพรึง!
แล้วพลังยุทธ์ของหวงถูที่ถ่ายทอดให้นางผู้นั้นจะวิปริตปานใดกัน?! เกรงว่าจะบรรลุถึงขั้นซ่างเสินแล้วกระมัง?
บุคคลเช่นนั้นหากว่าโบยบินขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนสำเร็จ เกรงว่าคงกลายเป็นตัวตนที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งทวีปเสินโม่ได้ กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกลบเลือนไปอย่างไร้ปราณีเช่นนี้…
ในเมื่อถูกลบทิ้งไปอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ ก็คงจะฟื้นคืนชีพไม่ได้แล้ว
และเขาก็ไม่เชื่อว่ากู้ซีจิ่วจะเคยสมรสกับคนผู้นั้นมาก่อน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์…
กล่าวกันอย่างยอมอ่อนข้อลงมาหน่อยคือ ต่อให้กู้ซีจิ่วเคยสมรสกับหวงถูมาแล้ว นั่นเป็นเรื่องราวในชาติก่อนของพวกเขา ชาติก่อนจบสิ้นลงแล้ว ที่เขาต้องการคือตัวนางในชาตินี้ ไม่สนว่าชาติก่อนนางจะเคยรักผู้ใด
ต่อให้หวงถูผู้นั้นฟื้นคืนชีพได้ก็อาจจะไม่ใช่คนเดิมในอดีต เท่ากับว่ายืนอยู่บนจุดออกตัวจุดเดียวกับตัวเขาตี้ฝูอี
เช่นนั้นเขาก็จะแข่งขันกับเขาด้วยความสามารถก็พอ!
ขอเพียงนางยังไม่แต่งงาน นางก็ยังเป็นโสดอยู่ เช่นนั้นเขาก็มีสิทธิ์จะแย่งชิง
เขาไม่เชื่อว่าความสามารถของเขาจะสู้กับคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่งไม่ได้…
ขอเพียงยังมีความหวัง ไยจะไร้ซึ่งหนทางให้ไปต่อ นับประสาอะไรกับคู่ต่อสู้ที่สิ้นชีพไปแล้ว…
หากว่ากันอย่างยอมอ่อนข้อสักหน่อย ต่อให้ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงเป็นความผิดหวัง เช่นนั้นอย่างน้อยเขาก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว และจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง
เดิมทียามที่อยู่บนแท่นหยกเมื่อตี้ฝูอีมองออกว่าในร่างของกู้ซีจิ่วมีพลังยุทธ์ของหวงถูอยู่ ก็หมายจะลั่นกลองถอยทัพ ต้องการถอนตัวออกมา ต้องการตัดขาดกับนางเสีย ต้องการช่วยให้พวกเขาสมหวังในท้ายที่สุด
….
———————————