ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2119+2120
บทที่ 2119 อธิบายเรื่องคู่หมั้น 2
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดของที่นี่เลวร้ายยิ่งนัก ผู้คนของทวีปนี้เดิมทีมีอายุขัยกว่าสามร้อยปี เหล่านักล่ากลุ่มนี้แรกเริ่มก็เป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนบำเพ็ญเช่นกัน มีผู้ที่พลังวิญญาณสูงส่งล้ำลึกอยู่มากมาย แต่หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่ไปได้สักระยะหนึ่ง พลังวิญญาณบนร่างก็น้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากในอากาศไม่มีไอวิญญาณ พวกเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ อายุขัยของพวกเขาก็ลดทอนลงไปจนเหลือเพียงเจ็ดสิบแปดสิบปีเท่านั้น
ตอนนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นทายาทรุ่นที่สอง รุ่นที่สามของนักล่ากลุ่มนั้นแล้ว ต้นตระกูลต่างสิ้นชีพไปหมด เหลือเพียงหัวหน้าเผ่าคนเดียว
แน่นอน ตำนานเล่าขานถึงเมืองที่อยู่ด้านนอกก็ยังคงถ่ายทอดกันมา
ร่ำลือกันว่าเมืองที่อยู่ด้านนอกมีพลังวิญญาณ มีบ้านเรือนโอ่อ่า มีเสื้อสวยหรู มีอาหารเลิศรส…
ร่ำลือกันว่าเมืองที่อยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดห่างออกไปเพียงร้อยกว่าลี้ แต่ระยะทางร้อยกว่าลี้นี้ได้กลายเป็นเส้นทางอันตรายที่ไม่อาจผ่านไปได้ของคนที่นี่เสียแล้ว…
แน่นอนว่าเรื่องเล่าขานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสือโทว เถี่ยตั้นผู้นี้ก็ได้บอกเล่าแก่ตี้ฝูอีเช่นกัน ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่วที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน มุมปากหยักขึ้นนิดๆ
พ่อหมอคนนั้นทำนายไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ สือโทวคือดาวนำโชคของหมู่บ้านนี้ เพียงแต่สือโทวผู้นี้จะต้องเป็นกู้ซีจิ่วที่ปลอมเป็นสือโทวเท่านั้น…
มีเขาอยู่ที่นี่ การหนีออกไปจากหุบเขานี้ก็น่าจะไม่นับว่ายากเย็นอะไร แต่สิ่งที่เรียกว่าเมืองซึ่งอยู่ด้านนอกนั้นจะปลอดภัยจริงๆ น่ะหรือ?
สรุปแล้วหนึ่งร้อยปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำให้ที่นี่กลายเป็นนรกบนดินในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร?
ยังมีอีก เสียงคำรามดังกึกก้องที่พวกเขาได้ยินตอนที่อยู่ด้านนอกเป็นตัวอะไร? แล้วมีอะไรซ่อนอยู่ในหมอกเทาทะมึนนั้นกันแน่?
คำถามมากมายผ่านเข้ามาในสมองของตี้ฝูอี และเมื่อเอ่ยถามเรื่องเหล่านี้กับเถี่ยตั้นก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
มิตรภาพระหว่างบุรุษบางครั้งก็ประหลาดนัก สุราถุงเดียวจากตี้ฝูอีก็ทำให้เถี่ยตั้นมองเขาเป็นสหายอย่างสมบูรณ์แล้ว
เถี่ยตั้นคออ่อน ดื่มเข้าไปไม่กี่อึกก็ค่อนข้างมึนหัวแล้ว เขาคุยเล่นกับตี้ฝูอีไปตลอดทาง สุดท้ายก็ตบไหล่ตี้ฝูอีอย่างผ่อนคลาย
“ไอ้น้อง เจ้ามีความสามารถคู่ควรจะเป็นสหายด้วย! ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ารู้จักพี่สือโทวได้ยังไง แต่ในเมื่อเจ้าชอบเขาจริง เช่นนั้นก็ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อไล่ตามเลย! เฮ้อ แต่ก็ยากหน่อยนะ พี่สือโทวของพวกเราชอบสตรี ไม่ชอบและไม่ชิดเชื้อกับบุรุษเลยจริงๆ หากว่าเจ้าเป็นสตรี ด้วยรูปโฉมและความสามารถของเจ้า เขาต้องชมชอบเจ้า อยากแต่งเจ้าเป็นศรีภรรยาแน่นอน…”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ
“ข้าจะทุ่มเทสุดความสามารถ!” ครั้งนี้เขาไม่แยแสอันใดอีกต่อไปแล้ว
“ดี มีความแน่วแน่! อันที่จริงพวกเราที่นี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพวกตัดแขนเสื้อเลย เจ้าก็ใช่ว่าจะออกเรือนกับเขาไม่ได้”
“เอ่อ เช่นนั้นก็ดียิ่ง…ไม่ว่าแต่งเข้าหรือแต่งออก ขอเพียงได้อยู่กับนางก็พอ ถ้าสำเร็จข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้า!”
“น้องชาย ข้าอยู่ฝ่ายเจ้า! มีโอกาสข้าจะช่วยพูดเรื่องดีๆ ของเจ้า”
เถี่ยตั้นแทบตบอกขันอาสา
จู่ๆ รอบข้างก็เงียบสงบลง เถี่ยตั้นคล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ พลันเงยหน้า ทันใดนั้นก็มองเห็นคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
สะดุ้งเฮือกแล้วหดคอ เอ่ยเสียงค่อย
“หัวหน้าเผ่ามาแล้ว!”
ตี้ฝูอีเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่าเบื้องหน้ามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ร่างกายคนผู้นี้กำยำล่ำสัน สูงใหญ่บึกบึน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา บนใบหน้าป้ายสีเข้มเอาไว้ ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่นี่กลัวเขา พอเขาออกมา กลุ่มคนที่ครึกครื้นกันอยู่ก็ยังเงียบลง ก้มหัวทำความเคารพเขา
หัวหน้าเผ่าคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็ร่อนลงบนร่างของตี้ฝูอี สายตายะเยือกดุจคมมีด!
ตี้ฝูอีมองเขา หยักมุมปากขึ้นนิดๆ ทว่าไม่ได้เอ่ยทักทายอีกฝ่าย
ถึงแม้ตี้ฝูอีจะเก็บงำประกายอันเฉียบคมเอาไว้ แต่แผ่อำนาจอย่างหนึ่งที่ทำให้คนหวั่นใจได้ออกมา ทำให้คนไม่กล้าสบประมาท
————————————————————————————-
บทที่ 2120 อธิบายเรื่องคู่หมั้น 3
“สือโทว ท่านนี้คือ?”
สายตาของหัวหน้าเผ่าหันเหไปที่กู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วยังไม่ได้พูดอะไร ตี้ฝูอีก็เปิดปากขึ้นแล้ว
“ข้าเป็นคู่หมั้นของนาง ท่านคือหัวหน้าเผ่ากระมัง? ข้าคิดว่าพวกเราจำเป็นต้องคุยกันนะ”
ม่านตาหัวหน้าเผ่าผู้นั้นหดตัวทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย คนอื่นไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของกู้ซีจิ่ว ทว่าเขารู้ ยามนี้คู่หมั้นของผู้อื่นมาตามหาถึงประตูบ้านแล้ว…
เขากระแอมเบาๆ คราหนึ่ง
“ได้ พวกเจ้าตามข้ามา”
….
บ้านของหัวหน้าเผ่าเป็นเรือนศิลาสองชั้น คล้ายหลุมหลบภัยเล็กๆ
เนื่องจากกู้ซีจิ่วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะสือโทว ดังนั้นเธอจึงพักอยู่ที่ชั้นสอง ชั้นหนึ่งเป็นห้องนอนของหัวหน้าเผ่าและห้องโถง
ครั้งนี้หัวหน้าเผ่าพาตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วไปที่ห้องโถงของเขา
กู้ซีจิ่วนั้นไม่เท่าไหร่ เธอเคยชินกับสภาพแวดล้อมของที่นี่แล้ว
แต่ตี้ฝูอีกลับขมวดคิ้วนิดๆ
เรือนศิลาหลังนี้โกโรโกโสอย่างยิ่ง ภายในห้องโถงมีเพียงโต๊ะหินเก้าอี้หินที่สร้างอย่างหยาบๆ เย็นเฉียบแข็งกระด้าง แม้แต่เบาะอุ่นๆ ก็ไม่มีเลย
ซีจิ่วของเขาก็อาศัยอยู่ในสถานที่ผุพังเช่นนี้กว่าครึ่งปีหรือ?
มิน่าเล่าร่างกายนางถึงอ่อนแอลงเรื่อยๆ ชื่อที่อยู่บนเสาทำเนียบเซียนก็เลือนรางลงเรื่อยๆ…
แม้ว่าหัวหน้าเผ่าจะรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับตี้ฝูอี แต่ยังคงปฏิบัติด้วยอย่างค่อนข้างสุภาพ โยกเก้าอี้หินไปทางเขา เชิญให้เขานั่ง
ตี้ฝูอีไม่ได้นั่งลงไป แต่ดึงม้านั่งบุนวมสองตัวออกมาจากมิติเก็บของเสียเลย ตัวหนึ่งให้กู้ซีจิ่ว อีกตัวหนึ่งเอาไว้นั่งเอง
ส่วนผู้เฒ่าหัวหน้าเผ่านั้น ร่างกายเขาแข็งแรงแกร่งกล้าแล้ว ก็ให้นั่งบนม้านั่งหินเย็นเฉียบของเขาต่อไปเถอะ!
หัวหน้าเผ่าจ้องม้านั่งบุนวมที่ดูสวยหรูดูมีระดับอย่างยิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองตี้ฝูอีที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ เอ่ยคำถามสองข้อออกมาอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
“ท่านผู้สูงศักดิ์มาจากที่ใดกันแน่? ท่านบอกว่าท่านเป็นคู่หมั้นของสือโทวมีหลักฐานยืนยันหรือไม่?”
ตี้ฝูอีหมุนกำไลที่อยู่บนข้อมือตน เกิดแสงวูบไหวขึ้นเบื้องหน้าหัวหน้าเผ่า ยิ้มนิดๆ แล้วเอ่ยตอบ
“นางชอบมอบกำไลให้ผู้อื่น นี่เป็นสิ่งแทนใจที่นางมอบให้ข้า”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอจ้องกำไลวงนั้นแวบหนึ่ง รู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้างจริงๆ
กำไลวงนี้มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของชั้นเลิศหรูหราราคาแพง ไม่ใช่ของทั่วไป เธอเป็นคนมอบกำไลวงนี้ให้เขาหรือ? เธอเคยมั่งมีขนาดนี้เชียว?!
ต้องทราบก่อนว่าตอนที่เธอร่วงหล่นมาสู่โลกนี้ บนร่างนอกจากเสื้อผ้าที่พอจะปกปิดร่างกายได้บ้างชุดนั้นแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นเลย ในถุงว่างเปล่าเกลี้ยงเกลายิ่งกว่าใบหน้าเสียอีก…
ไม่นึกเลยว่าตนจะเคยมอบข้าวของให้อย่างมือเติบเช่นนี้ด้วย!
สายตาของหัวหน้าเผ่าก็จับจ้องกำไลวงนั้นเช่นกัน บนกำไลวงนั้นมีพลังวิญญาณพรั่งพรูออกมารางๆ…
และพลังวิญญาณก็เป็นสิ่งที่โลกนี้ขาดแคลนที่สุดในตอนนี้!
เขายื่นมือออกมา
“ผู้เฒ่าขอดูกำไลนี้ของเจ้าได้หรือไม่?”
ตี้ฝูอีชักแขนเสื้อมาบังไว้ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดยิ่ง
“ไม่ได้!”
หัวหน้าเผ่าไม่พอใจ
“ถ้าเจ้าไม่มอบให้ผู้เฒ่าดู แล้วจะยืนยันได้อย่างว่านี่เป็นกำไลที่นางมอบให้เจ้า?”
“ให้เจ้าดูไป เจ้าก็ดูไม่ออกอยู่ดี”
หัวหน้าเผ่าเถียงไม่ออกเลย…
“เช่นนั้นให้ข้าดูหน่อย”
กู้ซีจิ่วยื่นมือไปหาเขา
แววตาตี้ฝูอีโชนแสงนิดๆ
“ได้!”
วางข้อมือตนลงบนฝ่ามือของนางทันที
“ดูเลย”
ฝ่ามือของกู้ซีจิ่วพลันหนักอึ้ง หัวคิ้วนางกระตุกแวบหนึ่ง
“เจ้าถอดออกมาให้ข้าดูสิ…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ
“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? กำไลวงนี้ใส่ได้แต่ถอดไม่ได้ไง?”
แบบนี้ก็มีด้วย?
กู้ซีจิ่วไม่เชื่อ ยื่นมือไปดึงกำไลบนข้อมือเขา เป็นอย่างที่คิด เธอเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
“เหตุใดจึงมีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วย? แล้วข้ามอบให้เจ้าสวมทำไม?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่ากำไลวงนี้พิลึกนัก
ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย มองดูนาง “เจ้าลืมหมดไปแล้วจริงๆ หรือ?”
————————————————–