ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2121+2122
บทที่ 2121 อธิบายเรื่องคู่หมั้น 4
แววตาหงุดหงิดใจปนความอับจนหนทางวาบผ่านดวงตาของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยไม่เอ่ยวาจา ชัดเจนยิ่งนัก นางลืมไปแล้วจริงๆ
ตี้ฝูอีถอนหายใจ
“ปีนั้นเจ้าพกกล่องบรรจุกำไลวงนี้ออกตามหาผู้ที่วาสนาต้องกันไปทั่วสารทิศ กล่าวกันว่าขอเพียงกำไลวงนี้ได้พบผู้ที่มีวาสนาก็จะเข้าไปคล้องสวมด้วยตัวเอง ผลคือ ในงานเลี้ยงวันเกิดของข้า เจ้ามาหา นำกำไลวงนี้มาให้ข้า กำไลวงนี้เลือกข้า สวมเข้ากับข้อมือของข้าด้วยตัวเอง…”
ประโยคนี้ที่เขากล่าวเป็นความจริง แต่เนื้อความกลับห่างไกลจากความเป็นจริงไปมากมายมหาศาล วาจาคลุมเครือนี้ของเขา ทำให้กู้ซีจิ่วนึกไปว่าตัวเธอมอบกำไลวงนั้นต่างการเสี่ยงดอกไม้เลือกคู่ครอง แล้วบังเอิญเสี่ยงได้ตี้ฝูอีพอดี ถึงได้มีสัญญาหมั้นหมายกับเขา…
ในสมองกู้ซีจิ่วมีภาพเหตุการณ์ที่สับสนวุ่นวายหลายฉากแวบเข้ามา ในฉากเหล่านั้นคล้ายว่าจะเป็นงานวันเกิดของใครสักคนจริงๆ เธอมอบของขวัญให้ผู้อื่น กล่องเปิดออก มังกรแก้วโผทะยานออกมา…
ภาพเหล่านั้นกระจัดกระจายยิ่งนัก ปะติดปะต่อเข้าด้วยกันไม่ได้เลย แต่ยังคงทำให้กู้ซีจิ่วใจสั่นได้ เอ่ยโพล่งออกมา
“ยามที่กำไลวงนี้พุ่งออกไปพันข้อมือเจ้า เป็นมังกรแก้วสีทองตัวหนึ่งใช่หรือไม่?”
แววตาตี้ฝูอีพลันลุ่มลึก สายตาร่อนลงบนดวงหน้านาง
“ความทรงจำเจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
“เจ้าแค่ตอบมาว่าใช่หรือไม่”
“ใช่!”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงแวบหนึ่ง ดูเหมือนความทรงจำเหล่านั้นในสมองเธอจะเป็นเรื่องจริง…
ในที่สุดเธอก็จำอะไรได้บ้างแล้ว!
ขณะที่เธอคิดจะนึกไปตามแนวคิดนี้ดูอีกครั้ง ศีรษะกลับปวดแปลบขึ้นมาเป็นระลอก! ความเจ็บปวดนี้เสมือนถูกคนตอกตะปูลงบนหน้าผากทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ็บปวดจนหน้าผากเธอมีเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึมออกมาในชั่วพริบตา
ร่างกายของเธอที่กำลังนั่งอยู่สั่นสะท้านเล็กน้อย ตี้ฝูอีจับข้อมือนางทันที
“เป็นอะไร?”
“อย่าทดลองเรียกความทรงจำของนางเลย ขอเพียงนางนึกถึงเรื่องราวในอดีตเพียงเล็กน้อยก็จะปวดหัวอย่างรุนแรง อาการเก่ากำเริบ”
หัวหน้าเผ่าทอดถอนใจ
มือที่สั่นสะท้านของกู้ซีจิ่วล้วงกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ออกมาจากร่าง เทยาลูกกลอนสีเขียวทึมทึบเม็ดหนึ่งออกมา หมายจะส่งเข้าปาก ทว่าถูกตี้ฝูอีขัดขวางไว้
“หะ…ให้ข้า!”
กู้ซีจิ่วเจ็บปวดจนริมฝีปากก็เริ่มสั่นระริกแล้ว
ตี้ฝูอีบีบยาลูกกลอนเม็ดนั้น ดมเพียงแวบเดียวก็รู้ถึงสรรพคุณยาแล้ว
“โอสถนี้เพียงออกฤทธิ์ระงับความเจ็บปวดเท่านั้น มีผลร้ายต่อร่างกายเจ้า อย่ากินมันเลย”
พลันดีดปลายนิ้ว ทำให้ยาลูกกลอนเม็ดนั้นพุ่งไปอยู่รวมกับขยะตรงมุมห้องเสีย
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
ดินแดนเล็กๆ แห่งนี้ขาดแคลนทรัพยากรเป็นล้นพ้น พืชผลทางการเกษตรที่สามารถเพาะปลูกได้มีเพียงมันเทศในไร่ทางตะวันตกของหมู่บ้านเท่านั้น ไม่มีสมุนไพรเลย
ขนาดสมุนไพรที่ใช้ทำยาแก้ปวดนี้ เธอยังต้องเสี่ยงชีวิตไปเก็บมาจากในหุบเขาเลย ล้ำค่าอย่างยิ่ง ยามปกติเธอหักใจกินไม่ลงเลย นึกไม่ถึงว่าจะถูกตี้ฝูอีโยนไปกองรวมกับขยะ!
ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไร ตี้ฝูอีก็หยิบขวดโอสถใบหนึ่งออกมาจากร่าง เทยาลูกกลอนสีม่วงแวววาวเม็ดหนึ่งออกมา จ่อเข้าที่ปากเธอ
“กินนี่สิ”
กลิ่นโอสถโชยเข้าจมูก แฝงกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวยาไว้ กู้ซีจิ่วดมแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของดี เธออ้าปากรับเข้าไป ขณะที่กำลังจะไปยังโอ่งหินตรงมุมห้องเพื่อใช้กระบวยเหล็กตักน้ำขึ้นมาดื่ม ตี้ฝูอีก็ยื่นขวดบรรจุของเหลวใบหนึ่งมาให้แล้ว
“น้ำนั่นไม่สะอาด มาเถอะ ดื่มมันสิ”
ข้าวของที่ตี้ฝูอีหยิบออกมา ทุกอย่างล้วนเป็นของชั้นเลิศที่ประณีตบรรจงยิ่งนัก แม้แต่ขวดบรรจุของเหลวใบนั้นก็เช่นกัน
เธอยังไม่ทันได้ลิ้มลองเลยว่าของเหลวนั้นมีรสชาติอย่างไร แต่มองขวดใบนั้นก็รู้แล้วว่าราคาไม่ต่ำเลย ขวดใบนั้นเป็นขวดแก้วโปร่งใส ของเหลวที่อยู่ด้านในก็ใสสะอาดยิ่ง กู้ซีจิ่วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง รสหวานชุ่มชื่น แผ่ซ่านอยู่ในลำคอ
ไม่ทันรู้ตัวเธอก็ดื่มน้ำในขวดนั้นไปหมดแล้ว!
หลังจากดื่มเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะมองพินิจตี้ฝูอีเล็กน้อย เสื้อผ้าที่เขาสวมดูบอบบางยิ่งนัก เป็นเพียงเสื้อคลุมตัวหลวมโคร่งเท่านั้น ซุกซ่อนข้าวของไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!
แขนเสื้อของเขาราวกับอ่างรวมทรัพย์ก็มิปาน ต้องการสิ่งใดก็มีสิ่งนั้น…
————————————————————————————-
บทที่ 2122 อยู่ด้วยกัน
ยาของตี้ฝูอียังคงมีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ยิ่ง เมื่อกู้ซีจิ่วกินเข้าไปอาการปวดหัวก็ทุเลาลงไปมากนัก
ประสิทธิภาพดีกว่ายาที่เธอทำเองนับร้อยเท่า
เธอมองยานั้นอีกหลายครั้งอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
“ยานี้ของเจ้าหลอมง่ายหรือไม่?”
ครึ่งปีมานี้เธอถูกอาการปวดหัวตามรังควานอยู่เสมอ เนื่องด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่กล้านึกถึงเรื่องราวในอดีต หากว่ามียานี้อยู่ในมือ เธอก็สามารถอดทนต่อความปวดหัวแล้วพยายามนึกถึงอีกหลายๆ ครั้งได้
“หลอมไม่ยาก เพียงแต่ตัวยานั้นหายาก คงจะหาไม่ได้ในโลกนี้ วางใจเถอะ ข้าพกโอสถนี้ติดตัวมาไม่น้อยเลย เจ้าต้องการเท่าใดก็มีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องหลอมกลั่นยาแล้ว”
ตี้ฝูอีเสมือนพยาธิในท้องเธอ เธอคิดอะไรอยู่เขาล้วนทราบชัดเจน
กู้ซีจิ่วลูบหว่างคิ้ว
“ยานี้เป็นของเจ้า…”
“ของข้ากับของเจ้าต่างกันตรงไหน?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอยังไม่แน่ใจเลยว่าเขาใช่คู่หมั้นเธอหรือเปล่า…
“อาศัยเพียงกำไลวงนี้อย่างเดียวยังไม่อาจพิสูจน์ได้กระมังว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นนาง? ถึงอย่างไรนี่เป็นคำพูดของเจ้าฝ่ายเดียว ผู้เฒ่าไม่มีทางเชื่อเจ้าเพราะข้อนี้!”
หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วแน่นจนแทบหนีบแมลงวันให้ตายได้
สายตาที่มองตี้ฝูอีคล้ายมองดูพวกต้มตุ๋นที่จะมาลักพาตัวลูกสาวของบ้านตนไป
ตี้ฝูอีกลับไม่เก็บมาใส่ใจ
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับนางเสียหน่อย เจ้าจะเชื่อหรือไม่แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?”
หัวหน้าเผ่าผงะไป เขาถูกตอกกลับจนหน้าหงายแล้ว!
“ข้าก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน”
กู้ซีจิ่วสอดปากเอ่ยอีกครั้ง เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องราวมิใช่เช่นนั้น
“เจ้ามีหลักฐานอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามนาง
“เจ้ายังจำรูปโฉมตอนที่เจ้าปราศจากสีน้ำมันนี้ได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า ทุกคืนก่อนเข้านอนเธอจะลบสีน้ำมันนี้ออก ย่อมจดจำรูปโฉมเดิมของตนได้
ตี้ฝูอีล้วงควานภายในแขนเสื้ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบสมุดสองม้วนออกมา
“เจ้าเปิดดูสิ”
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงหยิบม้วนกระดาษมาเปิดกางออก ยามที่ได้เห็นสิ่งที่วาดอยู่ด้านในอย่างชัดเจน ปลายนิ้วเธอพลันแข็งทื่อ!
นั่นคือสมุดภาพสองเล่ม แต่ละเล่มวาดรูปเด็กสาวในอิริยาบถต่างๆ เอาไว้ มียิ้ม มีหงุดหงิด มีโกรธเกรี้ยว มีเย็นชา…
ทุกภาพล้วนเป็นเธอ แต่ละภาพล้วนวาดได้มีชีวิตชีวาสมจริง
เสื้อผ้าอาภรณ์ที่คนในภาพสวมใส่ก็ดูดียิ่งนัก ดำบ้าง เขียวอ่อนบ้าง แดงเข้มบ้าง…ทุกชุดล้วนพลิ้วไหวมีกลิ่นอายความเป็นเซียน เป็นประเภทเดียวกับที่ตี้ฝูอีสวมใส่ในตอนนี้
กู้ซีจิ่วมองกางเกงผ้าเนื้อหยาบที่ตนสวมอยู่ตามสัญชาตญาณ…
ไม่มีรสนิยมเลย เพียงใช้ปกปิดร่างกายได้เท่านั้น
เธอมองคนที่อยู่ในภาพแล้วลูบคลำใบหน้าตนตามสัญชาตญาณ ทาสีน้ำมันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ซ้ำยังตากแดดตากลมอยู่ตลอด ผิวเธอจึงคล้ำขึ้นไม่น้อย หยาบกร้านขึ้นมาก มีสิวขึ้นสองสามเม็ดด้วย…
เธอเคยสวยขนาดนั้นเชียวหรือ?
หากบอกว่าก่อนหน้านี้เธอยังนึกสงสัยในตัวตี้ฝูอีอยู่ รู้สึกว่าเขาอาจจะจำคนผิด ยามนี้เมื่อได้เห็นสมุดภาพสองเล่มนี้กลับไม่นึกสงสัยคลางแคลงอีกต่อไปแล้ว!
อย่างน้อยบุรุษรูปงามจนน่าเหลือเชื่อที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็รู้จักเธอ ซ้ำยังมีความรู้สึกดีต่อเธออย่างลึกซึ้งยิ่งนักด้วย
นิ้วมือเธอลูบไล้ใบหน้าของคนในภาพวาด
“นี่เจ้าวาดเองหรือ?”
“แน่นอน เหมือนเจ้าไหมล่ะ?”
“เหมือน…นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะวาดรูปเป็นด้วย”
“ข้ายังเป็นอีกมากมายหลายสิ่งนัก ลึกล้ำยิ่งกว่าขุมสมบัติเสียอีก เจ้าอยู่กับข้านานไปก็จะรู้เอง”
ตี้ฝูอีไม่รู้จักคำว่าถ่อมตัวเลยสักนิด
กู้ซีจิ่วมองแขนเสื้อเขาอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
“ในแขนเสื้อนี้ของเจ้ายังมีอะไรอยู่อีก?”
เธอมองแขนเสื้อเขาเป็นดั่งขุมสมบัติไปแล้ว
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ
“เจ้าต้องการสิ่งใดก็มีสิ่งนั้น”
ครั้งนี้เขาตระเตรียมข้าวของสำหรับโลกเบื้องล่างมาอย่างครบครันเป็นพิเศษ
——————————————