ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2138+2139
บทที่ 2138 แอบฟังอยู่ตรงมุม
น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเรียบเฉย
“เจ้าเสี่ยงอันตรายตั้งมากมายเพื่อมาตามหาข้า ข้ารู้สึกว่าพวกเราจะต้องรักใคร่กันเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปชายหญิงที่รักใคร่กันก็ต้องนอนด้วยกันไม่ใช่หรือ?”
ตี้ฝูอีตะลึงงัน
“ซีจิ่ว ต่อไปเราจะได้นอนด้วยกัน ธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเราที่นั่นไม่เหมือนกันกับที่นี่”
“แต่ว่าเจ้า…”
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็หยุดชะงักเมื่อพูดถึงตรงนี้
“ข้าทำไมหรือ?”
ตี้ฝูอีฉงน
“ช่างเถอะ”
กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว
เฮอะ เธอให้โอกาสเขาแล้ว เป็นเขาเองที่ไม่รู้จักไขว่คว้ามัน จะมาโทษเธอไม่ได้นะ
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากเล่นพลิกผ้าห่มกับเขามากนัก เพียงแต่ต้องการจับคู่หมั้นคนนี้ไว้ให้อยู่หมัด เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดใดๆ
ในสถานที่อันตรายล่อแหลมเช่นนี้ จู่ๆ ก็มีคู่หมั้นคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนดังความฝัน ไม่ใช่ความจริง และกฎเกณฑ์การอยู่รอดของที่นี่ก็คือต้องไขว่คว้าสิ่งที่เป็นของตัวเองไว้ให้มั่น…
นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษถึงเพียงนี้ ไม่มีความคิดที่จะฉวยโอกาสเธอแม้แต่น้อย
หรือว่าคนของดินแดนเบื้องบนล้วนเป็นเช่นนี้กันหมด?
“คนของดินแดนเบื้องบนต้องรอให้ถึงวันแต่งงานจึงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแท้จริงใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตั้งคำถามขึ้นอีก
ยามนี้เปลือกหอยปิดงับลงแล้ว ความมืดมนมาเยือนภายในกระโจม บุรุษสตรีพำนักภายใต้ชายคาเดียวกันในค่ำคืนเงียบสงัดที่กระสับกระส่ายได้ง่ายเช่นนี้ การพูดคุยเรื่องแบบนี้จะดีจริงหรือ?
ตี้ฝูอีรู้สึกเรือนกายร้อนผ่าว เขาสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็ประมาณนั้น”
อันที่จริงดินแดนเบื้องบนก็ไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น ขอเพียงชายหญิงหมั้นหมายกันก็สามารถอยู่ด้วยกันได้จริงๆ ชาวเซียนที่ท้องก่อนแต่งก็มีไม่น้อย
ทว่ายามนี้ตี้ฝูอีไม่อยากพูด เลี่ยงไม่ให้นางคิดมากเกินไป
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ขลาดเขลา
“ประมาณนั้น? ความหมายของเจ้าก็คือ คนส่วนมากแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยร่วมหอกัน แต่ก็มีคนบางส่วนที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์นี้?”
ตี้ฝูอีนิ่งงัน เขาไม่อยากโกหกกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแต่พูดขึ้นอย่างคลุมเครือ
“ข้าง่วงนอนแล้ว มีอะไรพวกเราไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เขาหลับตาลงปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ บางทีอาจเป็นเพราะการสนทนาหัวข้อที่ล่อแหลมอยู่ตลอด ทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากบางเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจยาวของเขา นี่เขากำลังหลบเลี่ยงหรือ?
หรือว่ารังเกียจที่สีผิวของเธอไม่น่ามองกันแน่?
อีกอย่างเธอลงมาที่นี่ได้อย่างไรกันแน่?
“ข้าลงมาดินแดนเบื้องล่างนี้ได้อย่างไร?”
เธอสงสัยเรื่องนี้อยู่บ้าง
หัวข้อสนทนานี้ไม่นับว่าล่อแหลม ดังนั้นตี้ฝูอีจึงบอกเล่าอย่างคร่าวๆ เรื่องที่นางเข้าร่วมงานเลี้ยงผกาเซียนแล้วประสบกับแผ่นดินไหว แน่นอนว่าเขาไม่ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองจงใจพาหลิงเอ๋อร์ที่เป็นมังกรจำแลงไปยั่วโมโหนาง
กู้ซีจิ่วฟังอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาเล่าจบ
“เจ้าบอกว่าเมื่อก่อนพลังยุทธ์ของข้าสูงส่งยิ่ง? เมื่อเทียบกับเจ้าแล้วเป็นอย่างไร? มีกี่คนที่หายสาบสูญไปในงานเลี้ยงผกาเซียนเหมือนข้าบ้าง? พวกเขาก็ร่วงหล่นลงมาดินแดนเบื้องล่างหรือไม่?”
เมื่อนางเอ่ยถามก็ถามได้ถึงส่วนสำคัญที่สุด ตี้ฝูอีกชะงักงันเล็กน้อย ทว่ายังคงตอบคำถามนาง
“พลังยุทธ์ของเจ้าสูงส่งจริง เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในดินแดนเบื้องบน มีคนบางส่วนหายสาบสูญไปในงานเลี้ยงผกาเซียน ส่วนเรื่องที่ว่าพวกเขาร่วงหล่นไปที่ใดข้าไม่รู้”
อันที่จริงคนอื่นไม่มีผู้ใดหายสาบสูญ ทว่าถูกลาวาที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงกลืนหายไป เป็นประเภทที่รอดไม่พบร่าง ตายไม่พบศพ
ที่แท้ตัวเองเคยมีพลังยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนั้น!
กู้ซีจิ่วยืดแขนออกมองดูมือของตัวเอง ยากที่จะจินตนาการว่ามือคู่นี้เคยพลิกฟ้าผลัดทิวาได้
จู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“พลังยุทธ์ของข้าสูงส่งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นฐานะของข้าในดินแดนเบื้องบนก็สูงส่งเช่นกันกระมัง?”
“อืม สูงส่งยิ่งนัก ชาวเซียนพบเจอเจ้าล้วนเกรงอกเกรงใจ”
————————————————————————————-
บทที่ 2139 แอบฟังอยู่ตรงมุม 2
กู้ซีจิ่วอิ่มเอมใจเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ นัยน์ตาเธอพลันสั่นไหวเล็กน้อย
“ฐานะของข้าสูงส่งเช่นนี้ จู่ๆ ข้าหายตัวไป ชาวเซียนต่างร้อนรนกันหมดเลยใช่หรือไม่?”
ตี้ฝูอีนิ่งงัน ความจริงชาวเซียนไม่ได้ร้อนรนกันเท่าใดนัก ถึงแม้ส่งคนไปตามค้นหาส่วนมากก็ล้วนเห็นแก่หน้าเขาตี้ฝูอี…
อย่างไรเสียกู้ซีจิ่วก็เป็นข้อยกเว้นในดินแดนเบื้องบน ไปไหนมาไหนเพียงลำพังได้อย่างอิสระเสรี ไม่ยอมรับการอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ใด อันที่จริงชาวเซียนค่อนข้างปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อพบเจอนาง อาจจะไม่ได้มีความหวังอยากพบเจอนางมากนัก…
ตี้ฝูอีไม่อยากกระทบกระเทือนจิตใจนาง จึงอมยิ้มแล้วเอ่ยตอบ
“ใช่แล้ว พวกเขาร้อนรนยิ่งนัก”
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม
“เช่นนั้นข้าก็น่าจะเป็นผู้มีความสามารถอันยิ่งใหญ่ในดินแดนเบื้องบนกระมัง?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
กู้ซีจิ่วไม่พูดจาอันใดแล้ว และก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ร่างกายตี้ฝูอีร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อออกผุดพรายจากหน้าผาก เขาค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง ถึงแม้สภาพอากาศที่นี่จะร้อนอบอ้าว ทว่าด้วยพลังวิญญาณของเขา ตอนต่อสู้อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้เหงื่อออกมากมายนัก ยามนี้กลับเป็นอะไรไปแล้ว?
หรือว่าสภาพอากาศที่นี่ ตอนกลางคืนร้อนกว่าตอนกลางวัน?
เขายังคงสวมเสื้อคลุมด้านใน เนื่องจากร้อนจนรู้สึกกระสับกระส่ายจึงปลดคอเสื้อคลุมด้านใน ทำให้สาบเสื้อเปิดอ้าออก อย่างไรเสียม่านเตียงก็บดบังไว้ นางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีทางมองเห็นเขา…
น่าแปลก กระโจมนี้ของเขาปรับอุณหภูมิตามฤดูกาลได้ หรือยามนี้เกิดขัดข้องขึ้นมา?
เขาไม่มีตัววัดอุณหภูมิย่อมไม่มีทางตรวจวัดอุณหภูมิภายนอกได้
ทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ปรับลมหายใจ เพื่อต้านทานความร้อนกับความกระสับกระส่าย…
ทว่าหลังจากปรับลมหายใจ เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ การไหลเวียนโลหิตในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว! กระแสความร้อนพุ่งพล่านไปตามเส้นเลือดภายในร่างกาย กระสับกระส่ายมิรู้จบ ทั้งหมดล้วนไปกระจุกอยู่บริเวณท้องน้อย จากนั้นส่วนสำคัญก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรุนแรง…
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ตี้ฝูอีรู้สึกเช่นนี้ ถึงแม้จะพยายามสงบสติอารมณ์ ทว่าในใจร้อนรุ่มดังเปลวเพลิงลุกโชน ประหนึ่งมีไฟชั่วร้ายโลดแล่นอยู่ในร่างกายซ้ายทีขวาที ต้องการปลดปล่อยออกอย่างเร่งด่วน…
แม้ร่างกายของตี้ฝูอีจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทว่าพลังวิญญาณที่เขาฝึกฝนแท้จริงเป็นวิชาลึกลับที่บิดาเขาถ่ายทอดให้ เขาอายุยังน้อย โดยปกติเป็นคนสันโดษไร้ซึ่งความปรารถนา หน้าที่หลักในแต่ละวันก็คือการฝึกฝน หน้าที่เมื่อออกไปข้างนอกคือคบหามิตรสหายและถือโอกาสขจัดภยันตรายเพื่อมวลประชา…
บวกกับเขาเกิดมาพร้อมความสามารถในการควบคุมตนเองที่แข็งแกร่ง ดังนั้นโดยปกติเขาจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความปรารถนาใด มีเพียงแค่ตอนที่ร่างกายสัมผัสกับกู้ซีจิ่วเท่านั้นที่เขาเคยเกิดความปรารถนา ทว่าล้วนอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ ยามนี้กลับมาเป็นเช่นนี้อย่างกะทันหัน…
ในที่สุดตี้ฝูอีก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้ว!
เขาคงไม่ได้ถูกพิษอะไรเข้ากระมัง?!
อาการแบบนี้คล้ายกับอาการถูกวางยาปลุกกำหนัด…
เขาเองก็เป็นหมอ พิษใดๆ ก็ไม่อาจหลบสายตาเขาได้พ้น ในสถานที่เร้นแค้นเสียงดังตึงตังวุ่นวายเช่นนี้ ตี้ฝูอีไม่คิดว่าจะมีพิษใดที่ทำร้ายเขาได้…
อีกทั้งคนที่นี่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะวางยาพิษเขานี่…
ร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ กระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ…
ประสาทสัมผัสการได้ยินของเขาเดิมทีก็ไวมากอยู่แล้ว ในตอนนี้ยิ่งไวขึ้นกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของกู้ซีจิ่วที่อยู่เตียงตรงข้าม ถึงขั้นที่ได้กลิ่นหอมจางๆ ที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวนางในอากาศ…
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกจิตใจสงบเมื่อได้ดอมดมกลิ่นอายบนตัวนาง ทว่ายามนี้กลับยิ่งร้อนยิ่งขยายตัว…
แม้แต่ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้น
จู่ๆ เขาก็มีแรงกระตุ้นอย่างหนึ่ง แรงกระตุ้นที่อยากจะพุ่งเข้าไปกอดหญิงสาวที่อยู่เตียงตรงข้าม!
อีกทั้งเขายังมั่นใจด้วยว่าหากเขาปรารถนาที่จะครอบครองนาง นางไม่มีทางที่จะปฏิเสธ…
แต่ว่าไม่ได้นะ เขาไม่อยากฉวยโอกาสยามผู้อื่นเดือดร้อน ไม่อยากให้นางเกลียดเขาเข้ากระดูกดำเมื่อนางฟื้นคืนความทรงจำในวันข้างหน้า…
บิดาของเขาเคยสอนสั่ง การชมชอบใครคนหนึ่งอย่างแท้จริงต้องให้เกียรติคนผู้นั้น และไม่อาจทำเรื่องที่จะเสียใจไปชั่วชีวิตด้วยตัณหาป่าเถื่อนเพียงชั่วขณะหนึ่ง
————————————