ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2202+2203
บทที่ 2202 ท่าทางคล้ายจะร่วมอ่างเคล้าคลอ
กระท่อมไม้เรียบง่ายหลังหนึ่ง ในกระท่อมมีชายหญิงคู่หนึ่ง
ชายคนนั้นไม่ทราบว่าไปตากฝนที่ไหนมาทั้งคืน บนร่างเปียกปอนชุ่มโชก
ฉากนี้เลือนรางยิ่งนัก เลือนรางจนเธอมองไม่เห็นใบหน้าของชายหญิงที่อยู่ด้านในเลย…
เพียงได้ยินเสียงสนทนาแว่วขึ้นแผ่วๆ ที่ข้างหู
“เหตุใดถึงไม่มาหาข้าล่ะ? หรือถ้าข้าไม่มาหาเจ้าเจ้าก็จะปล่อยมือเสีย…”
เสียงของบุรุษเจือแววตัดพ้อไว้รางๆ
“ข้าไม่ได้ทิ้งท่านนะ ข้าเคยไปหาแล้ว ข้านึกว่าท่านออกจากสถานที่แห่งนี้หรือไม่ก็เข้าไปในไปพื้นที่ฝึกฝนอันใดแล้ว ข้าเคยหาดูในหมู่บ้านแล้ว พวกเราถอดเสื้อก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องอื่นกัน ดีไหม?”
สตรีนางนั้นคิดจะเปลื้องผ้าเขา
“ข้าเสียใจมาก เจ้าปล่อยมือข้าได้ง่ายๆ เสมอ…”
“ถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
สตรีนางนั้นต้องการถอดเสื้อผ้าให้เขา แต่บุรุษผู้นั้นคล้ายว่าจะเมามาย ปฏิเสธท่าเดียว ขณะที่ทั้งสองโรมรันพันตูอยู่ก็จุมพิตกันขึ้นมา…
“ไม่ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”
“ซีจิ่ว เรียกชื่อข้า…”
….
“เด็กโง่ ไยเจ้าทึ่มทื่อไปเล่า?”
ขณะที่กู้ซีจิ่วค่อนข้างใจลอย จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็มาโบกอยู่ตรงหน้า เธอตะลึงไปแวบหนึ่ง ภาพหลอนตรงหน้าหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว…
ตี้ฝูอีถอดชุดกระโปรงตัวนอกของเธอออกแล้ว เขาคงคิดจะถอดชุดตัวในของเธอด้วย กลับคาดไม่ถึงว่าเธอจะเหม่อลอยปานไร้จิตวิญญาณ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะโบกมืออยู่ตรงหน้าเธอ
ในที่สุดสติกู้ซีจิ่วก็กลับมาแล้ว มองตี้ฝูอีที่อยู่เบื้องหน้าแล้วเอ่ยโพล่งออกมา
“เมื่อก่อนพวกเราเคยเข้าไปอยู่ในกระท่อมไม้อันใดหรือไม่? เจ้าเคยเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาก่อนหรือเปล่า?”
ตี้ฝูอีแข็งทื่อไป
“อะไรนะ?”
“เมื่อก่อนข้าเรียกเจ้าว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรือเปล่า?”
ตี้ฝูอีเงียบงัน เขาเสมือนถูกคนสาดน้ำเย็นขันหนึ่งใส่ศีรษะ ค่อยๆ ลดมือลง ดวงตามองนาง
“เจ้านึกอะไรออกแล้วใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะอย่างกลัดกลุ้ม
“เพียงฉากเล็กๆ ฉากหนึ่ง ข้าเห็นรูปลักษณ์ของคนในเหตุการณ์ไม่ชัด ถึงขั้นที่แม้แต่เสียงก็ฟังไม่ชัดเจน พอจะมองออกว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง นางเรียกเขาว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…พวกเขารักใคร่กันยิ่งนัก แนบชิดกันยิ่งนัก ท่าทางคล้ายจะร่วมอ่างเคล้าคลอ…”
ใบหน้าหล่อเหลาของตี้ฝูอีซีดลงเล็กน้อย เม้มปากนิดๆ มองนางครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ อย่านึกถึงเรื่องจุกจิกพวกนั้นเลย เจ้าอาบน้ำก่อนเถอะ”
แล้วหันหลังเดินออกไป
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอมองแผ่นหลังตี้ฝูอีที่จากไป รู้สึกได้รางๆ ว่าดูเหมือนเขาจะมีเรื่องปิดบังเธอมากมาย
เธอคิดว่าด้วยนิสัยของตี้ฝูอีแล้ว เขาอาจจะมาแอบมองเธออาบน้ำก็ได้ หรือไม่ก็อาจบุกเข้ามาอาบกับเธอ กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เข้ามาเลย เธอกังวลไปเปล่าๆ
พออาบเสร็จก็ออกมา พบว่าเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะ มือเคาะโต๊ะคล้ายว่าใจลอย เงาร่างด้านข้างของเขามอบความรู้สึกอ้างวางเลือนรางอย่างหนึ่งให้เธอ ทำให้เธอหดหู่ใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
อันที่จริงเธอรู้ว่าคืนนี้ตี้ฝูอีอยากประกอบกิจสามีภรรยากับเธออีก ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้ว พักด้วยกันก็เป็นเรื่องที่สมควรตามเหตุผล การปฏิเสธก่อนหน้านี้ของเธอค่อนข้างเกินไปหน่อย…
“นี่…” กู้ซีจิ่วทักเขา น้ำเสียงเจตนาแฝงความเบิกบานไว้
ในที่สุดเขาก็หันมาแล้ว สายตาหยุดนิ่งอยู่บนร่างนางแวบหนึ่ง ท่าทางตอนเพิ่งอาบน้ำเสร็จของนางดูงดงามเป็นพิเศษ นัยน์ตาขาวดำตัดกันชัดเจน ริมฝีปากดุจกลีบผกาแย้ม ทำให้คนอยากเด็ดดอม…
เขาผละสายตาไปทันที ลุกขึ้นยืน
“อาบเสร็จแล้วก็พักผ่อนให้ดีเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องยุ่งอีก”
พลันหันหลังเดินออกไปด้านนอก
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง
“เจ้าจะไปไหน?”
“ข้าให้เถ้าแก่จัดห้องให้อีกห้องแล้ว อยู่ข้างห้องเจ้า มีเรื่องอะไรก็เคาะผนังได้เลย”
ตี้ฝูอีเปิดประตูแล้วก้าวออกไป
….
————————————————————————————-
บทที่ 2203 ตามใจเถอะ ไม่คิดแล้ว!
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
มีเสียงเปิดปิดประตูแว่วมาจากห้องข้างๆ ชัดเจนว่าเขาไปที่ห้องด้านข้างแล้วจริงๆ
นี่เขาโกรธหรือ?
เพราะเธอปฏิเสธใช่ไหม?
เธอเงี่ยหูฟัง ฉนวนกันเสียงของที่นี่ยอดเยี่ยมนัก แทบจะไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวอันใดจากข้างห้องเลย แต่เธอรู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องข้างๆ เริ่มล้างหน้าบ้วนปากแล้ว
เธอถอนหายใจเบาๆ ในใจอึดอัดอยู่บ้าง
คนผู้นี้เย่อหยิ่งเกินไปแล้ว!
เธอแค่ปฏิเสธเช่นนั้นไปนิดหน่อย เขาก็เย็นชาขึ้นมาเลย…
หรือว่าปัญหาจะมาจากคำถามไม่กี่ประโยคนั้นของตน? แต่เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เธอถามก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่นา
ฉากในภาพหลอนนั้นถึงแม้เธอจะฟังไม่ถนัดเห็นไม่ชัดเจน แต่เธอรู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่านั่นคือเธอกับเขา…
หรือว่าบุรุษในภาพหลอนจะไม่ใช่เขา?!
แต่หากว่าไม่ใช่เขา เมื่อครู่เขาก็น่าจะต้อนถามตนแล้วกระมังว่าบุรุษคนนั้นคือผู้ใด?
ถึงแม้เธอจะไม่มีความทรงจำในอดีต แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนโลเลหลายใจ ไม่มีทางไปสนิทชิดเชื้อกับบุรุษมั่วซั่วเด็ดขาด ในภาพหลอนสนิทแนบชิดกันได้จนถึงขั้นนั้น อย่างน้อยก็น่าจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันแล้ว…
แต่คู่หมั้นของเธอมีแค่เขา…
หรือว่าเดิมทีภาพหลอนนั้นก็เป็นเท็จอยู่แล้ว? เป็นภาพหลอนที่คล้ายความฝันของคนความจำเสื่อมหรือ?
เธอรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานสุดท้ายไม่น่าเชื่อถือ คล้ายว่าน่าจะมีความจริงอย่างอื่นอยู่…
อย่างเช่น คู่หมั้นในอดีตของเธอไม่ใช่เขา ที่เขามาครั้งนี้คือการหลอกลวงเธอ ฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ…
ไม่ ตี้ฝูอีมิใช่คนเช่นนั้น!
ถึงแม้เขาจะพูดจาล้อเล่นกับเธออยู่บ่อยครั้ง พูดจาทีเล่นทีจริงทำให้ผู้อื่นสับสนงงงวย แต่เขาปราดเปรื่องเลิศล้ำถึงเพียงนี้ ผู้ที่อยากไล่ตามเขาต้องมีเป็นขบวนแน่นอน แล้วทำไมต้องสิ้นเปลืองจิตใจมาหลอกลวงเธอด้วยล่ะ?
เธอส่องกระจกดูตามสัญชาตญาณ โฉมงามในกระจกงดงามยิ่งนัก แต่ก็มิใช่งามจนไร้ใดเทียม ถึงอย่างไรผิวพรรณของเธอก็ค่อยข้างหยาบกร้าน ซ้ำยังเป็นสีน้ำตาลอ่อน…
คนที่หยิ่งยโสเช่นเขา ไม่มีทางใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้เพื่อให้ได้ตัวเธอแน่…
ดังนั้นข้อสันนิษฐานนี้ไม่น่าเชื่อถือที่สุด!
เธอโยนข้อสันนิษฐานสุดท้ายเข้าไปในส่วนลึกของสมองทันที ไม่หยิบออกมาคิดอีก
เธอนั่งอยู่บนเตียงคิดไปมากมายสารพัด ค่อยๆ เป่าผมให้แห้ง เอนกายนอนบนเตียงพักหนึ่ง ฟังเสียงจากข้างห้องอีกครั้ง ยังคงไม่ได้ยินอะไรเช่นเดิม
เม้มริมฝีปากนิดๆ เธอใช้นิ้วเคาะผนังห้องเบาๆ หนักๆ เบาๆ ไม่กี่ครั้ง
‘ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!…’
ผ่านไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ส่งเสียงกลับมา หนักๆ เบาๆ ไม่กี่ครั้ง
‘ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก…’’
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มแน่น
วิธีเคาะผนังเช่นนี้ยังคงเป็นตี้ฝูอีที่สอนให้เธอเมื่อไม่นานมานี้ บอกว่าเป็นรหัสมอร์สอันใดสักอย่าง ใช้สื่อสารกันลับๆ ได้ ทำให้คนที่ได้ฟังไม่รู้เรื่อง
ที่เธอเคาะไปเมื่อกี้ เป็นการถามว่า
‘นอนหรือยัง?’
ส่วนที่เขาตอบกลับมาคือ
‘นอนเถอะ ง่วงแล้ว’
เห็นได้ชัดว่าไม่อยากสื่อสารกับเธอไม่มากกว่านี้แล้ว ในใจของเธอมีโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว เขาหยิ่งนักหรือ? เธอก็จะหยิ่งเหมือนกัน!
พลันคลุมโปงผ้าห่ม ตามใจเถอะ ไม่คิดแล้ว! นอน!
วันนี้เธอตรากตรำมาทั้งวันแล้ว ค่อนข้างเหนื่อยล้าจริงๆ นอนลงไปไม่นานก็หลับสนิทแล้ว
….
ในยามดึกดื่น ยังมีคนที่นอนไม่หลับอยู่
“ท่านเจ้าเมือง ฮูหยินเรียนเชิญเจ้าค่ะ”
เย่หลิงกลับถึงเรือนนอนของตนได้ไม่นาน ก็มีเสียงรายงานของสาวใช้แว่วมาจากด้านนอก
เย่หลิงมุ่นคิ้ว ดวงตาฉายแววไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง เพียงแต่ยังคงตอบรับ
“รู้แล้ว ประเดี๋ยวข้าผู้เป็นเจ้าเมืองจะไป”
“ฮูหยินบอกว่านางต้องการพบท่านทันทีเจ้าค่ะ”
สาวใช้ยืนกรานไม่ยอมถอย
ใบหน้าหล่อเหลาของเย่หลิงขรึมลง เพลิงโทสะควบแน่นในดวงตาของเขา มือที่อยู่ข้างตัวพลันกำแน่น แต่ยังคงสูดหายใจเข้าน้อยๆ
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
————————————————–