ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2280+2281
บทที่ 2280 เข้าอาณาจักรมาร 2
เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับอวิ๋นเยียนหลี ก็มักจะแวะไปเยือนโรงประมูลเช่นกัน ดูว่าพอจะช้อนหาของดีอันใดได้หรือไม่ ได้เห็นหญ้ายืนเยาว์ชนิดนี้อยู่บ่อยๆ ราคาก็ไม่นับว่าสูง ประมาณหนึ่งผลึกวิญญาณระดับสามก็ได้หญ้าชั้นดีหนึ่งต้นแล้ว
เธอเข้าโรงประมูลห้าครั้ง เห็นการประมูลสิ่งนี้อยู่สี่ครั้ง ยามนั้นเธอไม่ได้สนใจความอ่อนเยาว์อันใด ย่อมไม่สนใจจะซื้อหาหญ้าชนิดนี้ด้วย
อวิ๋นเยียนหลีคิดจะประมูลให้เธออยู่หลายครั้ง ล้วนถูกเธอปฏิเสธ ถ้ารู้แต่แรกว่าหญ้าชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วย ตอนนั้นเธอน่าจะซื้อเตรียมไว้สักสองสามต้น
ยามนี้ประเสริฐนัก อยากได้สักต้นก็ไม่มีเลย!
ทำไมสิ่งนี้ถึงหายากขึ้นมากะทันหันเช่นนี้เล่า?
กู้ซีจิ่วฉงนอยู่บ้าง เธอจึงถามนายหน้าของโรงประมูลแห่งหนึ่งดู เริ่มแรกนายหน้าคนนั้นยังไม่ยอมพูด บอกว่ามีจรรยาบรรณในวิชาชีพ จะไม่เผยความลับทางการค้าใดๆ แต่หลังจากกู้ซีจิ่วลอบส่งผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งให้เขาอย่างใจกว้าง มีอะไรเขาก็เล่าออกมาจนสิ้น
“อันที่จริงหญ้ายืนเยาว์ชนิดนี้ก็ไม่นับว่าเป็นสมุนไพรที่หายากเป็นพิเศษ สาเหตุที่ตอนนี้ไม่มีมาประมูลอีกเป็นเพราะราชันย์ของอาณาจักรมารต้องการฉลองวันเกิดให้พระขนิษฐาที่โปรดปรานเอ็นดูที่สุด ของขวัญที่กำหนดไว้ก็คือหญ้ายืนเยาว์ชนิดนี้ ดังนั้นหญ้านี้จึงแพงดั่งทอง ยังมาไม่ถึงโรงประมูล ก็ถูกคนกลางกว้านซื้อไปหมดแล้ว”
“อาณาจักรมารมีราชันย์ด้วยหรือ? ราชันย์ของพวกเขาคือใคร?”
กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้
นายหน้าผู้นั้นส่ายหน้า
“เรื่องราวของอาณาจักรมารเป็นความลับยิ่ง คนนอกยากจะทราบถึงสถานการณ์ภายใน ผู้น้อยเคยได้ยินมาว่าหลายปีมานี้อาณาจักรมารยุ่งเหยิงวุ่นวาย อุปราชมารทั้งหลายต่างแยกตนเป็นเอกเทศ วิวาทโต้แย้งกันไม่จบไม่สิ้น เพิ่งสงบลงบ้างในช่วงนี้ เล่ากันว่ามีราชันย์มารผู้ยิ่งใหญ่ตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้อุปราชมารทั้งหมดยอมศิโรราบ อาณาจักรมารรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว…”
กู้ซีจิ่วพลันสะท้านใจขึ้นมา
“ราชันย์มารผู้นี้มีนามว่าอย่างไร?”
นายหน้าผู้นั้นยิ้มขื่นๆ พลางส่ายหน้า
“เรื่องนี้ผู้น้อยก็ไม่ทราบ ซ้ำผู้น้อยยังสิ้นเปลืองเงินทองไปไม่น้อยกว่าจะสืบทราบมาได้”
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง หยิบผลึกวิญญาณระดับสองก้อนหนึ่งออกมาจากตัวโบกไปมาตรงหน้านายหน้าผู้นั้น
“พี่ชาย หากเจ้าสามารถหาซื้อหญ้ายืนเยาว์สักต้นมาให้ข้าได้ ผลึกวิญญาณนี้จะเป็นของเจ้า”
ดวงตานายหน้าผู้นั้นลุกวาวแล้ว!
ผลึกวิญญาณระดับสองหนึ่งก้อนเท่ากับผลึกวิญญาณระดับสามร้อยก้อน สามารถซื้อหญ้ายืนเยาว์ทั่วไปได้หนึ่งร้อยต้น!
ถึงอย่างไรนายหน้าคนนั้นก็ทำงานด้านนี้ มีเส้นสายอยู่บ้าง เขาจึงตอบรับทันที
กู้ซีจิ่วมอบผลึกวิญญาณระดับสามก้อนหนึ่งให้เขาเป็นค่ามัดจำ หากสำเร็จลุล่วง เธอจะมอบผลึกวิญญาณระดับสองก้อนนี้ให้เขา
มีเงินก็สามารถจ้างผีให้โม่แป้งได้ นายหน้าตัวน้อยผู้นี้มีความสามารถจริงๆ พอตกเย็นก็ส่งข่าวมาให้กู้ซีจิ่วแล้ว บอกว่าหาแหล่งซื้อขายหญ้ายืนเยาว์ได้แล้ว เพียงแต่อีกฝ่ายตั้งราคาสูงลิ่ว ต้องการผลึกวิญญาณระดับสองจำนวนสองก้อน ถามว่าเธอจะซื้ออยู่ไหม?
กู้ซีจิ่วย่อมต้องซื้อ ให้นายหน้าคนนั้นออกเงินซื้อให้เธอก่อน
เมื่อกู้ซีจิ่วไปถึง นายหน้าคนนั้นก็ถือหญ้ายืนเยาว์ต้นหนึ่งคอยอยู่ตรงนั้นแล้ว
กู้ซีจิ่วมอบผลึกวิญญาณระดับสองให้นายหน้าผู้นั้นสามก้อน สองก้อนเป็นค่าหญ้ายืนเยาว์ อีกก้อนเป็นค่าเสียเวลาของนายหน้าคนนั้น จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“วันหน้าข้าอาจต้องพึ่งพาเจ้าหาซื้อบางสิ่งให้อีก ย่อมมีค่าแรงให้เจ้าแน่นอน แต่ข้าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของข้า เจ้ารู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?”
นายหน้าคนนั้นก็หัวไวเช่นกัน รีบกล่าวว่า
“ท่านลูกค้าโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่เอ่ยเรื่องของท่านออกไปเด็ดขาด!”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า ถือหญ้ายืนเยาว์ต้นนั้นจากไป
….
“ไม่แน่ว่าคนผู้นั้นอาจซื้อหญ้าต้นนี้มาด้วยผลึกวิญญาณระดับสองก้อนเดียวก็ได้ แต่กลับบอกเจ้าว่าสองก้อน เจ้าไม่เกรงว่าเขาจะตั้งใจโกงเจ้าบ้างหรือ?”
หนูน้อยในอ้อมแขนเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
————————————————————————————-
บทที่ 2281 เข้าอาณาจักรมาร 3
หนูน้อยในอ้อมแขนเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่กลัว ยามนี้ข้าไม่ขาดแคลนผลึกวิญญาณ ขาดเพียงหญ้าต้นนี้”
กู้ซีจิ่วตอบไปตามตรง คิดดูแวบหนึ่ง เอ่ยสอนเด็กน้อย
“บางครั้งเมื่อกำหนดเป้าหมายใหญ่ไว้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ เจ้าตัวเล็ก ข้อนี้เจ้าต้องเรียนรู้ให้ดี”
“เช่นนั้นเจ้าไม่เกรงว่าเขาจะขายเจ้าหรือ?”
“ไม่กลัว ข้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขา การขายข้าไม่มีผลดีต่อเขาเลยสักนิดแถมยังเสียค่าส่วนต่างจากข้าไปด้วย”
ก็ถูก หนูน้อยขบคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าเช่นนี้มีเหตุผล
เขาซบไหล่นางอีกครั้ง
“ข้าพบว่าการติดตามเจ้าช่างได้เปิดโลกโดยแท้!”
กู้ซีจิ่วตบหลังเขาเบาๆ
“เช่นนั้นเจ้าอยากกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
เธอก็ชอบหนูน้อยที่เฉลียวฉลาดเกินวัยคนนี้เช่นกัน มีใจอยากรับเป็นศิษย์
หนูน้อยกะพริบตาแล้วมองดูนาง ว้าวุ่นยิ่ง
“ให้ข้าคิดดูก่อน…”
เชอะ นี่ยังต้องคิดดูอีกเหรอ? ทำอย่างกับเธออยากได้เขาเสียเต็มประดา!
กู้ซีจิ่วตบก้นน้อยๆ ของเขาไปทีหนึ่ง
“คิดบ้าบออันใด ไม่ต้องคิดแล้ว ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าไม่รับเจ้าแล้ว! พอตามหาบิดาของเจ้าพบข้าก็จะมอบเจ้าให้เขาซะ!”
หนูน้อยเงียบไปแล้ว
นัยน์ตาดุจผลองุ่นดำของเขามองดูเธอ ราวกับจะฟ้องร้องว่าเธอล่อลวงเด็ก
กู้ซีจิ่วกลับไม่สนใจเขาอีก อุ้มเด็กน้อยไว้ตลอดไม่สะดวกสำหรับการต่อสู้ และอาณาจักรมารที่เธอจะเข้าไปก็อันตรายยิ่งยวด
กู้ซีจิ่วคิดดูเล็กน้อย ไปซื้อเข่งสะพายหลังใบหนึ่งที่ตลาด จากนั้นยัดเด็กน้อยลงไปในเข่งสะพายหลังโดยไม่สนใจคำทักท้วงของเขา จากนั้นถึงได้มุ่งหน้าสู่ทะเลทรายนิลกาฬ
ราชาเสือดาวเมฆาของเธอเข้าไปในทะเลทรายนิลกาฬไม่ได้ กู้ซีจิ่วจึงปล่อยมันคืนป่า หลังจากออกมาแล้วค่อยไปหามัน
อย่างไรเสียเธอกับมันก็ผูกพันธะกันแล้ว เธอคิดจะตามหามันก็ง่ายดายนัก
….
ในภาพจำของกู้ซีจิ่ว ทะเลทรายนิลกาฬแห่งนี้เป็นสถานที่กันดารอันตรายอย่างยิ่ง น่าจะพอๆ กับทะเลทรายซาฮาร่าของยุคปัจจุบันเลย ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นทรายนิลดุจขุมนรกก็มิปาน
นึกไม่ถึงเลยว่าพอเธอได้เข้ามาจริงๆ แล้ว ทิวทัศน์ของที่นี่จะพิดารนัก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรั้งเท้าชมดูเสียหน่อย
ทะเลทรายนิลกาฬเต็มไปด้วยทรายนิลจริงๆ ไม่ได้มีเพียงทรายนิลเท่านั้น ยังมีเพลิงอนธการสีเขียวซีดที่ผุดขึ้นไปทั่วเป็นระยะๆ ด้วย ดูแล้วน่าพรั่นพรึงมากจริงๆ ไม่ใช่สถานที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ถึงขั้นที่ไม่อาจหยุดพักเท้าได้เลย
กู้ซีจิ่วสวมชุดกันเพลิงตัวนั้นและแขวนหญ้ายืนเยาว์ เดินอยู่ด้านในนี้แล้วร้อนรุ่มไปหมด
โดยเฉพาะยามอยู่ท่ามกลางความมืดที่น่าหวาดหวั่น ยิ่งทำให้คนรู้สึกอึดอัดเป็นล้นพ้น
หากว่าคนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่มืดมนเช่นนี้ตลอด ต่อให้ไม่มีเพลิงอนธการที่สามารถเผาผลาญคนได้ ก็เกรงว่าคงเสียสติอยู่ดีกระมัง?
หากว่าตี้ฝูอีอยู่ที่นี่ตลอดจริงๆ หนึ่งปีมานี้คงสาหัสสากรรจ์สำหรับตี้ฝูอีโดยแท้…
แต่หลังจากเดินหน้าไปได้ยี่สิบสามสิบลี้ ทิวทัศน์เบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไป
หนทางศิลาเขียวเย็นกระจ่าง สองข้างทางมีคูน้ำ ในคูน้ำมีธาราเย็นใสไหลริน และมีเรือกสวนไร่นาอยู่สองข้างทาง ซ้ำพืชผลยังเติบใหญ่อย่างน่าพอใจด้วย รวงข้าวหนักจนลำต้นโน้มเอียง สายลมโชยมาเล็กน้อย ต้นข้าวพลันสั่นไหวเป็นระลอก แผ่บรรยากาศของท้องทุ่งออกมา
ริมคูน้ำทั้งสองฟากยังปลูกไม้ยืนต้นไว้ด้วย ต้นหลิวโอนเอน ลู่ไหวรับลม ระหว่างต้นไม้แต่ละต้นยังมีดอกไม้ป่าแย้มบานอยู่กระจัดกระจายกันไปด้วย พลิ้วไหวไปตามลม ทิวทัศน์งดงามเหลือคณา
ริมคูน้ำ ในไร่นา มีเงาร่างของชาวนาวูบไหวอยู่เป็นระยะๆ ท่าทางดูเบิกบานสำราญใจ
เธอเงยหน้ามองดวงตะวันบนฟากฟ้าดวงนั้น แสงแดดอบอุ่น ส่องต้องร่างแล้วอุ่นสบาย ผ่อนคลายยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าอาณาจักรมารจะมีทิวทัศน์แบบชนบทขนานแท้เช่นนี้ ตกตะลึงไปชั่วขณะ