ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2282+2283
บทที่ 2282 เข้าอาณาจักรมาร 4
เธอไม่ได้เห็นบรรยากาศท้องทุ่งแบบนี้มานานมากแล้ว!
นี่คืออาณาจักรมารอสุราที่ร่ำลือกันงั้นหรือ?
นี่มันแดนสุขาวดีชัดๆ!
กู้ซีจิ่วสูดอากาศบริสุทธิ์ชุ่มฉ่ำเข้าไป ไม่น่าเชื่อว่าจะสัมผัสถึงพลังวิญญาณจากที่นี่ได้รางๆ!
ถึงแม้จะเบาบางยิ่งนัก เทียบกับดินแดนเบื้องบนไม่ได้เลย แต่ดีร้ายอย่างไรก็มีอยู่บ้าง!
ดวงตาเธอส่องประกายน้อยๆ แล้ว!
หนึ่งปีมานี้เธอตระเวนไปตามเก้าเมือง สภาพแวดล้อมของแต่ละเมืองล้วนไม่ต่างกันเลย เขตแดน พิรุณโลหิต นอกเมืองคือป่าดงดิบที่เติบโตอย่างบ้าคลั่ง ในป่าคือสัตว์ร้ายที่ดุดัน…
ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนสูญเสียพลังวิญญาณ ใช้ชีวิตอับจนข้นแค้น แทบจะไม่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม คนส่วนน้อยที่มีพลังวิญญาณก็ต้องออกไปล่าสัตว์เก็บผลึกวิญญาณที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตกลับมา…
กล่าวได้ว่า ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ที่โลกด้านนอกล้วนมีชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ทุกข์ยากตรากตรำ
กลับไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เรียกขานกันว่าอาณาจักรมารอสุราแห่งนี้จะเป็นแดนสุขาวดีเช่นนี้ ชาวมารที่นี่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขยิ่ง…
บนถนนมีคนสัญจรอยู่ไม่น้อยเลย บ้างก็เดิน บ้างก็ขี่ม้านั่งรถลาก คึกคักจอแจ มีชีวิตชีวายิ่ง
คนเหล่านี้ดูไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาของโลกภายนอกเท่าไหร่ มีทั้งคนที่แต่งตัวธรรมดาเรียบง่าย และมีผู้ที่แต่งตัวหรูหรางดงาม
เมื่อเทียบกับมนุษย์ธรรมดาด้านนอกแล้ว สีหน้าของพวกเขาอิ่มเอิบกว่ามาก แฝงความพึงพอใจในการใช้ชีวิตเอาไว้
ผู้คนที่สัญจรอยู่ที่นี่แต่งกายหลากหลายแตกต่างกันไป คนที่สวมชุดกันเพลิงเช่นกู้ซีจิ่วนี้มีอยู่น้อยยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วจับสังเกตแวบหนึ่งก็เข้าใจแล้ว ชาวบ้านท้องถิ่นของที่นี่เนื่องจากมีสายเลือดมาร ดังนั้นเพลิงอนธการที่ผุดขึ้นมาบนพื้นเป็นครั้งคราวจึงไม่ทำอันตรายพวกเขา พวกเขาสามารถสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาได้
ด้วยเหตุนี้เสื้อผ้าของพวกเขาจึงมีหลากหลายรูปแบบ สารพัดสีสัน
และมีเพียงผู้ที่มาจากภายนอกอย่างเธอที่สวมชุดกันเพลิงไว้ ดูแปลกแยกยิ่งนัก
ที่นี่มีคนที่มาจากโลกภายนอกไม่มาก กู้ซีจิ่วเดินอยู่บนถนนเส้นนี้มาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ได้เห็นเพียงสองสามคนเท่านั้น
สองสามคนนี้ล้วนเป็นผู้ทำการค้า มีรถม้าแบบพิเศษอยู่คันหนึ่ง ภายในรถม้าบรรทุกสินค้าต่างๆ ไว้จนเต็ม
กู้ซีจิ่วกวาดตามองด้านในรถแวบหนึ่ง พบว่าสินค้าเหล่านั้นเป็นสินค้าพื้นเมืองบางอย่างของโลกภายนอก แถมยังมีปริมาณไม่น้อยเลย
คนที่มาจากโลกภายนอกมีเพียงกู้ซีจิ่วเท่านั้นที่สองมือว่างเปล่า มีเพียงเข่งสะพายใบน้อยที่อยู่บนหลัง ภายในเข่งไม่มีข้าวของอื่นใด มีเพียงทารกน้อยคนหนึ่ง ซ้ำทารกคนนี้ยังถูกห่อไว้ในผ้าอ้อมด้วย มีเพียงศีรษะน้อยๆ ที่โผล่ออกมา ผู้ใดมองไปที่เขา เขาก็จะยิ้มให้คนผู้นั้น ท่าทางอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
ผู้คนของที่นี่ยังคงตั้งป้อมกับคนจากโลกภายนอกอยู่บ้าง ไม่เข้าใกล้พวกเขาเลย
ดังนั้นคนจากโลกภายนอกเมื่ออยู่ที่นี่แล้วจะเกาะกลุ่มกันไว้ ค่อนข้างมีไมตรีต่อกัน
ชายที่ขับรถม้าคนหนึ่งเห็นกู้ซีจิ่วเดินเท้าอย่างเหนื่อยล้า จึงเชื้อเชิญเธอให้เข้ามานั่งในรถ เขาให้นางติดรถไปด้วยกันได้
เพื่อป้องกันปัญหา เมื่ออยู่ที่นี่กู้ซีจิ่วก็ยังคงแปลงโฉมเหมือนเดิม รูปโฉมนับว่างดงามหมดจดยิ่งนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นล่มบ้านล่มเมือง ส่วนเหล่าสตรีของที่นี่ก็งดงามยิ่งนักกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว รูปลักษณ์ที่ผ่านการแปลงโฉมมาแล้วของ กู้ซีจิ่วเมื่ออยู่ที่ก็นับว่าดาษดื่นพื้นเพ ไม่โดดเด่นเจิดจรัส
ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวว่าชายขับรถม้าผู้นี้จะมีความคิดไม่ซื่ออันใด เอ่ยขอบคุณ แล้วขึ้นรถไป
หมาป่าน้อยย่อมกระโดดขึ้นรถมาด้วย คึกคักว่องไวยิ่งกว่าทโมนเสียอีก
ชายขับรถม้าผู้นั้นอดใจไม่อยู่มองหมาป่าเงินตัวน้อยแวบหนึ่ง
“สิ่งนี้คือ?”
“หมาป่าเงิน”
หมาป่าน้อยกลับสู่สภาพเดิมแล้ว กู้ซีจิ่วไม่ปกปิดอำพรางอีก
ชายผู้นี้กำยำล่ำสัน ทว่าดูห้าวหาญองอาจ พลังวิญญาณประมาณขั้นเจ็ด ที่โลกภายนอกนับว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว
เขามีนิสัยเรียบง่ายซื่อตรง มาที่อาณาจักรมารเพื่อทำการค้าโดยเฉพาะ กู้ซีจิ่วพูดคุยกับเขาอยู่พักหนึ่ง ได้ทราบเรื่องราวของอาณาจักรมารอสุราจากปากเขาไม่น้อยเลยจริงๆ
————————————————————————————-
บทที่ 2283 เข้าอาณาจักมาร 5
ตามที่เล่าคือหนึ่งปีก่อนอาณาจักรมารยังคงยุ่งเหยิงวุ่นวายยิ่ง อริมารมากมายดั่งผืนป่า ต่างตั้งตนเป็นเอกเทศ เกะกะระรานจนชาวมารใช้ชีวิตไม่เป็นสุข
แต่สิบเดือนก่อนมีราชันย์มารหน้ากากผีตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น เขาพิชิตขุนพลมารชั้นยอดของอาณาจักรมารได้ ปราบอริมารให้แตกพ่ายไปทีละตนๆ รวมอาณาจักรมารเป็นหนึ่งได้เมื่อครึ่งปีก่อน ราชันย์มารผู้นี้ใส่ใจความเป็นอยู่ของราษฎรเผ่ามารยิ่งนัก ซ้ำยังมีความสามารถ ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ก็พลิกโฉมของที่นี่เสียใหม่ พื้นที่รกร้างกันดารแปรเปลี่ยนเป็นแดนสุขาวดี ทำให้ชาวมารได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข…
ในถ้อยคำของชายคนนี้ยกย่องเลื่อมใสราชันย์มารหน้ากากผีผู้นี้สารพัด ทว่ากู้ซีจิ่วกลับใจเต้นแรง!
“ราชันย์มารผู้นี้นามว่าอะไร?”
ชายคนนั้นร้องจุ๊ๆ ทีหนึ่ง
“นามของราชันย์มารไม่อาจแพร่งพรายต่อคนนอกส่งเดชได้ นอกจากคนสนิทของเขาแล้ว น่าจะไม่มีผู้ใดรู้จักนามของเขาเลย ผู้คนที่นี่เพียงเรียกขานเขาว่าท่านราชันย์มาร”
ท่านราชันย์มาร…
จะใช่เขาไหมนะ?
กู้ซีจิ่วสนทนากับชายคนนี้อีกพักหนึ่ง คิดจะหลอกถามข้อมูลให้มากหน่อย แต่ท่านราชันย์มารผู้นี้ลึกลับยิ่ง ชายคนนี้ก็รู้ไม่มากเช่นกัน
ไม่เพียงแต่ไม่มีผู้ใดทราบนามของเขาเท่านั้น ถึงขั้นที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาเลยด้วยซ้ำ ยามที่เขาปรากฏตัวด้านนอก จะสวมหน้ากากเอาไว้ตลอด
เรื่องของราชันย์มารกู้ซีจิ่วสืบถามมาได้ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเธอยังคงทราบมาบ้าง
อย่างเช่นที่นี่แทบจะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาเลย คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ล้วนเป็นผู้ค้าขายที่เผ่ามารไว้วางใจ และผู้ค้าขายเหล่านี้ล้วนต้องมีป้ายประจำตัวทุกคน ยามที่ไปถึงหน้าเมืองหลวง ต้องใช้ป้ายประจำตัวถึงจะเข้าไปได้
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงนิดๆ! เธอไม่มีป้ายประจำตัว! ทำยังไงดี?
เพียงแต่ชายผู้นั้นยังเอ่ยถามด้วยว่า
“แม่นาง เจ้ามาขายอะไรที่นี่กันแน่?ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้พกสินค้าอันใดติดตัวมาเลย…”
ใช่แล้ว เธอไม่ได้พกสินค้าอันใดมาเลยจริงๆ แต่จะบอกว่าขายอะไรดีล่ะ?
ในเข่งสะพายหลังของเธอมีเด็กน้อยเพียงคนเดียว คงพูดว่าขายเด็กไม่ได้หรอกมั้ง?!
กู้ซีจิ่วเหล่มองหมาป่าน้อยที่นอนหมอบอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมแวบหนึ่ง เกิดความคิดบรรเจิดขึ้นมา
“ขายมัน”
สองหูของหมาป่าน้อยตั้งชันขึ้นมาทันที!
มองไปที่กู้ซีจิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“หมาป่าเงินตัวนี้ฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องหรือ?!”
กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างสุขุมแวบหนึ่ง
“ใช่แล้ว หายากใช่ไหมล่ะ? บางทีอาจจะขายมันในราคาสูงได้”
ชายคนนั้นพยักหน้า
“หมาป่าเงินเดิมทีก็หายากอยู่แล้ว แต่หมาป่าเงินที่มีสติปัญญาเช่นนี้ยิ่งหายากเข้าไปอีก! ข้าเติบใหญ่มาจนอายุปูนนี้แล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหมาป่าเงินที่ร่าเริงแสนรู้เช่นนี้ เป็นเจ้าตัวน้อยที่น่ารักยิ่ง…”
เขายื่นมือไปหมายจะลูบหัวหมาป่าเงินด้วยความชมชอบ ผลคือหมาป่าเงินตัวน้อยกลับไม่รับน้ำใจ แยกเขี้ยวขู่เขาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ขนสีเงินทั่วร่างลุกชันขึ้นมา เสมือนสิงโตน้อยที่ถูกแหย่ให้โมโห
“หมาป่าเงินตัวนี้มีเอกลักษณ์นัก!”
ชายคนนั้นสนอกสนใจหมาป่าเงินตัวนี้ขึ้นมาแล้ว
“เจ้าคิดจะขายสักกี่กษาปณ์มาร? ข้าอยากซื้อ”
กู้ซีจิ่วเหวอไปแล้ว
หมาป่าเงินหลบอยู่ด้านหลังเธอ กู้ซีจิ่วดึงชายกระโปรงตนให้รอดพ้นจากปากของหมาป่าน้อย
“ท่านให้ได้สักกี่กษาปณ์มารเล่า?”
ชายคนนั้นชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“ร้อยกษาปณ์มาร!”
ดูจากท่าทางนี้ของเขา ร้อยกษาปณ์มารน่าจะมากมายยิ่งนักแล้ว
กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างสุขุมแวบหนึ่ง พลางหยิบอัญมณีแวววาวที่อยู่ในรถของเขาขึ้นมาเม็ดหนึ่ง
“ท่านวางแผนจะขายสิ่งนี้กี่กษาปณ์มาร?”
“สิบกษาปณ์มาร”
อัญมณีเม็ดนั้นคือพลอยทับทิมชั้นเลิศ นับว่าเป็นของที่มีราคายิ่ง ขายเพียงสิบกษาปณ์มาร เห็นทีว่าร้อยกษาปณ์มารที่เขาเสนอเพื่อหมาป่าเงินตัวนี้จะมากมายแล้ว
กู้ซีจิ่วโยนอัญมณีของเขาไป อุ้มหมาป่าน้อยตัวนั้นขึ้นมา ลูบขนที่ตั้งชันของมันลง