ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2305 ฝ่าวงล้อม 2 / บทที่ 2306 ฝ่าวงล้อม 3
บทที่ 2305 ฝ่าวงล้อม 2
“ชุดกันเพลิงสองชุด สามารถรั้งอยู่ได้อีกหนึ่งวัน หากว่าเจ้าอยากอยู่ต่อ ข้าสามารถปลุกเสกชุดกันเพลิงให้เจ้าได้ หนึ่งชุดสามารถทำให้เจ้ารั้งอยู่ที่อาณาจักรมารได้สิบวัน สองชุดก็เป็นยี่สิบวัน เพียงพอให้เจ้าอยู่สอนเคล็ดจำแลงโฉมให้ข้าได้”
กู้ซีจิ่วใจเต้นนิดๆ ที่แท้ก็มีวิธีการเช่นนี้อยู่ด้วย!
เดิมทีเธอวางแผนจะจากไปทันที แต่พอได้ยินชายชุดไผ่กล่าวเช่นนี้ เธอก็หวั่นไหวอีกครั้ง!
“เคล็ดจำแลงโฉมของข้าเป็นทักษะที่ลึกลับซับซ้อนยิ่ง ไม่สะดวกจะแพร่งพรายสู่ภายนอก หากว่าเจ้าผู้สูงศักดิ์อยากเรียนจริงๆ ข้าก็ทำได้เพียงถ่ายทอดให้แก่เจ้า แต่เจ้าก็ต้องเอาทักษะอื่นมาแลกเปลี่ยนกัน”
ชายชุดไผ่ยิ้มแล้ว
“แม่นางน้อยช่างใจกล้านัก กล้าต่อรองเงื่อนไขกับข้า”
กู้ซีจิ่วก็ยิ้มเช่นกัน
“ข้าชอบการค้าที่เป็นธรรม ซื่อตรงไม่คดโกง ข้ารู้ว่าด้วยวรยุทธ์ของเจ้าสามารถบังคับให้ข้าอยู่ได้ แต่ไม่อาจบังคับให้ข้าถ่ายทอดวิชาแก่เจ้าได้ ถึงแม้เจ้าจะลงทัณฑ์ทรมานก็ไม่มีประโยชน์ ตัวข้าไม่มีจุดเด่นอื่นใด มีเพียงกระดูกที่แข็งแกร่งยิ่ง”
ชายชุดไผ่เงียบไปแล้ว
เขาถอนหายใจ
“ตัวข้านี้รักหยกถนอมบุปผาเสมอมา จะหักใจทรมานแม่นางน้อยผู้บอบบางเช่นเจ้าได้อย่างไร? เพียงแต่ ตัวข้าไม่เคยปล่อยให้ผู้ใดข่มขู่ได้…เห็นทีว่าคงต้องทำให้เจ้ายินยอมรั้งอยู่ด้วยความเต็มใจเสียแล้ว คงทำได้เพียงใช้วิธีที่ค่อนข้างไร้มนุษยธรรม…”
เพิ่งจะกล่าวประโยคนี้จบ จู่ๆ มือเขาก็ยื่นออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะยืดยาวผ่านอากาศมากว่าหนึ่งจั้ง ตวัดคว้าเด็กน้อยในอ้อมแขนของกู้ซีจิ่ว!
ชัดเจนนัก เขาคิดจะใช้เด็กคนนั้นเป็นตัวประกัน
เดิมทีกู้ซีจิ่วอยู่ห่างจากเขากว่าหนึ่งจั้ง ดูเหมือนไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อนเลย ชายชุดไผ่จึงมั่นใจยิ่งว่าการคว้าครั้งนี้จะชิงตัวมาได้
กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามือเขายังเอื้อมไปไม่ถึง กู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็หายวับไปแล้ว! เขาจึงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
ยามที่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นกู้ซีจิ่วยืนยิ้มเผล่อยู่ไม่ไกล
“อยากเรียนวิชาจำแลงโฉมของข้า ก็นำวิธีปลุกเสกชุดกันเพลิงของเจ้ามาแลกสิ! มิเช่นนั้นเจ้าก็มีแต่จะคว้าน้ำเหลวเท่านั้น”
เพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้จบ ก็มีแสงสีขาวอ่อนจางผุดออกมาจากปลายนิ้วนาง กรีดผ่านอากาศไป! เขตแดนกลางอากาศถูกนางกรีดเป็นเป็นรูใหญ่ในชั่วพริบตา!
จากนั้นเรือนกายของนางพลันวูบไหว หายไปจากจุดเดิมแล้ว
ชายชุดไผ่ตกตะลึง
แม่นางน้อยช่างลื่นดุจปลาไหลโดยแท้! ไม่น่าเชื่อว่าจะหนีจากสถานการณ์ที่เขาเตรียมการป้องกันไว้แล้วไปได้!
แถมวิธีทำลายเขตแดนของนางก็ขี้โกงนัก! เพียงขยับมือไม้ส่งๆ ก็ทำลายเขตแดนอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้แล้ว!
แม่นางน้อยฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง กระทำการก็เฉียบขาดว่องไว แม่นางน้อยที่น่าสนใจเช่นนี้เขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก…
นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยแววสนอกสนใจ เรือนกายไหววูบ หายลับไปจากจุดเดิมเช่นกัน…
….
กู้ซีจิ่วถูกปิดล้อมแล้ว
ครั้งนี้เธอเคลื่อนย้ายได้แม่นยำยิ่ง ไปโผล่ทางตะวันออกของเมือง เธอถึงขั้นที่มองเห็นรถม้าที่ตนตระเตรียมไว้ล่วงหน้าจอดรออยู่ตรงนั้นแล้วด้วย
แต่พอเข้าไปใกล้ ก็สัมผัสถึงความผิดปกติได้!
ลักษณะการยืนของสารถีที่คอยอยู่หน้ารถม้าผิดปกติ!
แววตาเธอวูบไหวนิดๆ ไม่พูดไม่จาอะไรใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที ตาข่ายขนาดใหญ่ผืนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ คลุมลงมาจากเหนือศีรษะเธอ
เมื่อกู้ซีจิ่วมองเห็นตาข่ายใหญ่ผืนนั้นม่านตาก็หดตัวเล็กน้อย!
เป็นตาข่ายฟ้าดิน ศาสตราวุธคู่กายตี้ฝูอี เมื่อก่อนเธอเคยเห็นเขาใช้อยู่หนหนึ่ง
นึกไม่ถึงว่าพอศาสตราวุธชิ้นนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งจะถูกนำมาใช้กับเธอ…
ทรวงอกเธอพลันตีบตัน ฝีเท้าเชื่องช้าลงเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ถูกตาข่ายผืนนั้นคลุม แต่ก็ถูกขอบตาข่ายฟาดลงบนแขนซ้าย ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา
เด็กน้อยคนนั้นเธออุ้มไว้ในอ้อมแขนซ้าย เมื่อแขนเธอเจ็บปวด เด็กคนนั้นก็ร่วงจากแขนตกลงบนพื้น ถูกตาข่ายผืนใหญ่ครอบคลุมไว้
————————————————————————————-
บทที่ 2306 ฝ่าวงล้อม 3
กู้ซีจิ่วคิดจะกระชากตาข่ายออกตามสัญชาตญาณ แต่ปลายนิ้วเธอยังไม่ทันแตะโดน ตาข่ายผืนนั้นก็ถูกชักขึ้นสู่อากาศเสียงดังฟึ่บ เปล่งแสงวาบอยู่กลางอากาศแล้วหายวับไป
เหลือเพียงเสียงร้องไห้ของทารกน้อยขาดห้วงอยู่ในอากาศ
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง!
ตาข่ายฟ้าดินผืนนี้เป็นศาสตราวุธที่ร้ายกาจยิ่ง เมื่อคนถูกขังไว้ด้านในขอเพียงดิ้นรนขัดขืน ก็จะรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตัวตาข่ายมีอุปกรณ์คล้ายหนามแหลมอยู่ ไม่ว่าผู้ใดเมื่อถูกคลุมไว้ด้านในล้วนต้องเจ็บปวดปานโดนผึ้งต่อย!
เฮ่าเอ๋อร์ยังเล็ก จะทนรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?!
เงาร่างของคนกว่าสิบคนพุ่งออกมาจากจุดลับตารอบข้าง ปิดล้อมกู้ซีจิ่วไว้ใจกลาง
สตรีที่เป็นผู้นำก็คือนางกำนัลเย่ผู้นั้น
ใบหน้าพริ้มเพราของนางขุ่นขึง ชี้นิ้วมา เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว
“นางแพศยาขวัญกล้านัก ไม่น่าเชื่อว่าจะสวมรอยเป็นข้าเข้าไปลักทรัพย์ในจวนองค์หญิง! เจ้าทราบบทลงโทษหรือไม่?!”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนาง กวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง พลันตวัดข้อมือ ลำแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งทะยานสู่มุมมืดจุดหนึ่งบนยอดหลังคา
“ปล่อยเด็กคนนั้นซะ!”
มีเงาร่างคนแวบขึ้นบนตำแหน่งนั้น หลบหลีกลำแสงเงินสายนั้น ปรากฏตัวออกมา
อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ แพรขาวบดบังโฉม เรือนร่างแบบบาง เกล้าผมครึ่งศีรษะ เป็นองค์หญิงย่วนย่วนผู้นั้น
นางทอดสายตามองกู้ซีจิ่ว เอ่ยอย่างเยียบเย็น
“เจ้าเป็นนางแพศยามาจากที่ใด ถึงได้กล้ามาลักทรัพย์ในจวนของข้าผู้เป็นองค์หญิง?”
ในมือองค์หญิงย่วนย่วนไม่มีตาข่ายผืนนั้นแล้ว ชัดเจนนัก นางเอาเด็กคนนั้นไปซ่อนแล้ว
เห็นทีว่าวันนี้จะลำบากแล้ว
เว้นแต่กู้ซีจิ่วจะยอมทิ้งเด็กคนนั้น…
อีกฝ่ายมีกำลังคนมากมาย แถมวรยุทธ์ล้วนไม่ต่ำต้อยทั้งสิ้น
ในบรรดานั้นมีอยู่สี่คนที่มีพลังมารเข้มข้น เหนือกว่ากู้ซีจิ่วมาก ยามที่กู้ซีจิ่วแอบบุกเข้าตำหนักมารไปเคยพบเห็นพวกเขา พวกเขาน่าจะเป็นองครักษ์คนสนิทของตี้ฝูอี ดูเหมือนจะถูกองค์หญิงผู้นี้ยืมตัวมาใช้งาน…
ย่อมต่อกรได้ยากเป็นธรรมดา กู้ซีจิ่วพลันเชิดหน้ากู่ตะโกน เสียงตะโกนชัดกังวาน ทะลุหินทะลวงเมฆา สั่นสะเทือนไปทั่วฝั่งตะวันออกของเมือง…
เวลานี้ยังไม่นับว่าดึกดื่นมืดค่ำ ตะวันเพิ่งตกดิน ม่านรัตติกาลยังไม่คลี่กาง
ถึงแม้ฝั่งตะวันออกของเมืองจะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนสัญจรผ่าน
เสียงเคลื่อนไหวของที่นี่ทำให้คนที่ผ่านทางมาเจ็ดแปดคนชะงักฝีเท้าลง และเสียงตะโกนของกู่ซีจิ่ว ก็ทำให้ย่านชุมชนฝั่งตะวันออกของเมืองตื่นตระหนกขึ้นมา ผู้คนพากันวิ่งออกมาตามเสียงที่ได้ยิน…
แทบจะในพริบตาเดียว รอบข้างก็มีฝูงชนมุงอยู่ห้าหกสิบคนแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะล้อมวงเข้ามาอีกเรื่อยๆ ด้วย
องค์หญิงย่วนย่วนมุ่นคิ้วนิดๆ
นางกำนัลเย่ผู้นั้นกลับมีท่าท่างภาคภูมิคล้ายเปี่ยมด้วยเหตุผล เอ่ยเสียงดังก้อง
“จวนองค์หญิงมาที่นี่เพื่อจับกุมหัวขโมยที่เข้าไปลักทรัพย์! ทุกท่านไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก”
ด้วยเหตุนี้สายตานับไม่ถ้วนจึงหันเหมาที่กู้ซีจิ่ว
ทว่ากู้ซีจิ่วไม่มีท่าทางเหมือนขโมยเลยสักนิด เธอลบรูปลักษณ์ที่แปลงโฉมเป็นนางกำนัลเย่ทิ้งไปแล้ว มองเห็นเป็นหวาซวี่เยวี่ยเช่นเดิม
เธอเชิดหน้านิดๆ ยิ้มเยียบเย็นแวบหนึ่ง
“นี่พิกลแล้ว ข้าขโมยสิ่งใดเล่า?”
“เจ้าโขมยลูกเซี่ยจื้อ!”
น้ำเสียงนางกำนัลเย่คมกริบ
“เจ้าพูดถึงมันหรือ?”
กู้ซีจิ่วชี้ไปที่เซี่ยจื้อน้อย
“มิผิด! เป็นมันนั่นแหละ!”
กู้ซีจิ่วยิ้มหยัน
“ล้อกันเล่นแล้ว! เดิมทีมันก็คือสัตว์เลี้ยงของข้า กลายเป็นของพวกเจ้าตั้งแต่ตอนไหนเล่า?”
เธอตบหัวเซี่ยจื้อน้อยเบาๆ
“เด็กดี เจ้าจำนายตัวเองได้กระมัง เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของจวนองค์หญิงหรือไม่?”
เซี่ยจื้อน้อยรีบส่ายหน้าประหนึ่งรัวกลองก็มิปาน
“เช่นนั้นเจ้าติดตามข้าใช่หรือไม่?”
เซี่ยจื้อน้อยผงกหัวรัวๆ ซ้ำยังแลบลิ้นเลียหลังมือของเธออย่างสนิทชิดเชื้ออีกด้วย
ฝูงชนเงียบงัน
ผู้ใดมีตาล้วนมองออกทั้งสิ้นว่าเซี่ยจื้อน้อยเป็นสัตว์เลี้ยงของใครกันแน่!