ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2339 การมาถึงของเขา 3 / บทที่ 2340 การมาถึงของเขา 4
บทที่ 2339 การมาถึงของเขา 3
เขามองออกว่านางฝืนยืนหยัดไว้ และมองออกว่าในร่างนางมียาถอนพิษหลายชนิดกำลังปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่
พิษของนางอันตรายอย่างยิ่ง! พร้อมจะคร่าชีวิตนางได้ทุกเมื่อ…
“พิษนี้…เจ้าแก้เองหรือ?”
เขาจำเป็นต้องถามให้ชัดเจนถึงจะจัดยาให้ตรงโรคได้
กู้ซีจิ่วหลับตาลงนิดๆ
“คุณชายไผ่ขจีให้ข้ากินยาเข้าไปหลายอย่าง…”
“ไม่ตรงโรคเลยสักนิด! ยานี้กินส่งเดชได้หรือไง? ตัวเจ้าเองก็เป็นหมอ เหตุใดจึง…”
“ตอนนั้นข้าขยับตัวไม่ได้…”
ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง
“…ไอ้สารเลวนี่!”
เขาพลันสำนึกเสียใจยิ่งนัก เสียใจที่ไม่ได้ตามมาตั้งแต่ตอนนั้น…
ส่งผลให้นางได้รับความทุกข์ทรมานใหญ่หลวงปานนี้
“มีน้ำไหม?”
เธอหิวน้ำจะตายแล้ว
ตี้ฝูอีหยิบถุงน้ำใบหนึ่งออกมา เธอเลียริมฝีปาก ยื่นมือไปรับ
ตี้ฝูอีมองขวดน้ำที่แตกอยู่บนพื้นใบนั้น เอ่ยอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
“ตอนนี้เจ้าไม่มีแรง ให้ข้าพยุงเจ้าขึ้นมาดื่มเถอะ”
เข้ามาโอบนางพยุงขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ให้นางพิงไหล่ตนไว้ จากนั้นก็ป้อนน้ำให้นางดื่ม
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะถูกพิษ แต่ประสาทการรับกลิ่นยังคงเฉียบไวยิ่งนัก ได้กลิ่นหอมอ่อนจางที่คุ้นเคยจากร่างเขา หัวใจเธอหดตัวเล็กน้อย พยายามไม่สนใจกลิ่นหอมนี้ เพียงดื่มน้ำหลายอึกจากมือเขา
ตี้ฝูอีได้โอบกอดนางไว้อีกครั้ง หัวใจพลันตีบตันดั่งจมน้ำ นางที่อยู่ในอ้อมกอดว่ากันตามจริงแล้วไม่น่ามองยิ่งนัก ทว่าเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่เขาปรารถนาทว่าไม่ได้ครอบครองเสมอมา โอกาสที่เขาจะได้กอดนางไว้มีน้อยนิดเสียจนน่าเวทนา วันหน้าก็อาจจะไม่มีอีกแล้ว…
เขามองหยาดเหงื่อบนหน้าผากนาง
“เจ็บมากไหม?”
กู้ซีจิ่วได้รับน้ำมาหล่อเลี้ยงแล้ว ตัวคนจึงอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเลย
“ดีขึ้นมากแล้ว…”
ตี้ฝูอีหยิบร่มคันใหญ่ขึ้นมากางไว้เหนือศีรษะเธอ บดบังดวงตะวันอันร้อนแรง ร่มเย็นขึ้นมาก
ร่างกายเธอยังเจ็บปวดอยู่ แต่พอเทียบความเจ็บปวดซึ่งคล้ายถูกแล่เนื้อเถือกระดูกที่ประสบมาก่อนหน้านี้แล้ว ความเจ็บปวดในตอนนี้เธอยังพอกัดฟันทนรับไว้ได้…
ตี้ฝูอีมองกล้ามเนื้อของนางที่เป็นตะคริวขึ้นมาเป็นระยะๆ ก็รู้แล้วว่าตัวนางเจ็บปวดมากมายนัก หากเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคนอื่น ความเจ็บปวดเช่นนี้เพียงพอจะทำให้ร้องไห้ฟูมฟายหาบิดามารดาได้แล้ว…
ที่บอกว่า ‘ดีขึ้นมากแล้วนี่’ เช่นนั้นตอนที่นางเจ็บปวดที่สุดจะแสนสาหัสปานใดกัน?!
อวิ๋นชิงหลัว…
มีไอสังหารวาบผ่านนัยน์ตาของตี้ฝูอี…
“เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ อย่าฝืนเลย ต่อหน้าข้ายังต้องฝืนอันใดอีก?”
ความอดทนของนาง ความหัวรั้นของนาง ทำเอาตี้ฝูอีปวดใจดั่งไฟสุมทรวง
แพขนตาของกู้ซีจิ่วไหวระริกแวบหนึ่ง สุ้มเสียงเฉยเมย
“ไม่จำเป็นต้องร้อง ข้าไม่ได้ฝืนทน…”
เมื่อคืนตอนที่เจ็บปวดจนแทบอยากเกลือกกลิ้งเธอยังไม่กรีดร้องออกมาเลย ตอนนี้ยิ่งไม่อยากกรีดร้องแล้ว
ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว
แววตาเขาดำดิ่งลงไป
เด็กสาว จะอ่อนแอเพียงต่อหน้าคนที่ตนชอบ ชอบให้คนดูแลห่วงใย…
นางเอ่ยเช่นนี้ คือไม่ชอบเขาสินะ? แม้แต่ความชอบก็ไม่มีอยู่เลยหรือ?
หัวใจหนักอึ้งปานถูกถ่วงด้วยตะกั่ว เพียงแต่ในเวลาเช่นนี้เขาไม่คิดจะมาต่อล้อต่อเถียงเรื่องเหล่านี้กับนาง เขาดึงมือนางเข้ามา ประกบฝ่ามือกับนาง
“ข้าจะช่วยเจ้าขจัดพิษที่ตกค้างอยู่ในร่าง อาจจะเจ็บปวดบ้าง แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ทนเจ็บได้ขนาดนี้ น่าจะรับไหวอยู่แล้ว”
กู้ซีจิ่วทราบทักษะการแพทย์ของเขาดี ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย ซ้ำยังมีทักษะการแพทย์อันเป็นเอกลักษณ์ชุดหนึ่งด้วย
และพิษบนร่างเธอพวกนี้ถ้าใช้พลังวิญญาณมาขจัดจะค่อนข้างดีกว่าจริงๆ ยอดเยี่ยมกว่าศาตร์การฝังเข็มของเธอมากนัก
เพียงแต่การใช้พลังวิญญาณขับพิษต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณนัก แถมแรงที่ใช้ก็ต้องแม่นยำ ดีที่สุดคือต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้
ตอนนี้เธออ่อนแออย่างยิ่ง โคจรพลังวิญญาณไม่ได้เลย ไม่สามารถใช้วิธีนี้ขับพิษให้ตัวเองได้ ซ้ำคุณชายไผ่ขจีก็เป็นคนที่พึ่งไม่ได้ กู้ซีจิ่วจึงไม่กล้าสอนเขา ให้เขามาจัดการเรื่องนี้
ยามนี้ยากนักกว่าตี้ฝูอีจะตามมาถึงที่ ซ้ำยังยินดีใช้วิชานี้รักษาเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงโล่งอกแล้ว ตอบกลับไปเพียงคำเดียว
“ได้!”
————————————————————————————-
บทที่ 2340 การมาถึงของเขา 4
แคร่ไผ่ของเธอคับแคบ ไม่สะดวกสำหรับการรักษา
ตี้ฝูอีจึงเอาตั่งนุ่มตัวหนึ่งออกมาเสียเลย แล้วอุ้มเธอมาวางบนตั่งนุ่ม
กู้ซีจิ่วหลับตาลง พยายามไม่สนใจอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา
อ้อมกอดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว เธอไม่จำเป็นโหยหาอีก…
ตัวเธอในตอนนี้จะนั่งเองล้วนลำบากไปหมด ตี้ฝูอีจัดเบาะซ้อนกันเป็นรูปเกือกม้าไว้ด้านหลังเธอ ให้เธอนั่งอยู่ในนั้นพอดี
แล้วเขาก็หยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาจากร่าง เทยาลูกกลอนสีแดงสดเม็ดหนึ่งออกมาจากด้านใน จ่อเข้าที่ปากเธอ
“กินสิ”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง วันนี้เธอกินยามามากพอแล้ว! ใช้แทนข้าวได้เลย…
จึงเกิดเงามืดในใจต่อสิ่งนี้อยู่บ้างจริงๆ ดังนั้นเธอจึงบ่ายเบี่ยง
“ไม่ต้องหรอก…ไม่จำเป็นต้องกินยาแล้ว”
“กลัวข้าวางยาสังหารเจ้าหรือ?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีไม่สู้ดี เอ่ยคล้ายทีเล่นทีจริง
จะเป็นไปได้ยังไง?!
กู้ซีจิ่วไม่เคยมีความสงสัยเช่นนี้เลย
ต่อให้เขาไม่รักเธอแล้ว ก็ไม่คิดอยากให้เธอตายหรอก
ถึงแม้เขากับเธอจะเลิกรากันไปแล้วนั่นก็มิใช่ว่าจะกลับกลายไปเป็นศัตรู เธอยังเชื่อมั่นในข้อนี้อยู่
“เจ้าไม่ทำหรอก”
กู้ซีจิ่วตอบอย่างมั่นใจ
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง หยักยิ้มมุมปากน้อยๆ แวบหนึ่ง
“ใช่แล้ว เปิ่นจวินนึกว่าเจ้าจะหวาดระแวงข้ายิ่งกว่าระวังโจรเสียอีก!”
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะคุยประเด็นนี้กับเขาต่อแล้ว จึงถามถึงเรื่องที่เป็นห่วงที่สุด
“เฮ่าเอ๋อร์ล่ะ?”
“เขาสบายดี ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเชื้อไขของเปิ่นจวิน เปิ่นจวินยังไม่ถึงขั้นใจไม้ไส้ระกำกับเขาหรอก”
กู้ซีจิ่วเม้มปาก ถามประโยคหนึ่ง
“หากว่าเขาไม่ใช่เชื้อไขของเจ้าล่ะ…”
“อืม เช่นนั้นเปิ่นจวินก็จะสับเขาแล้วเอาไปดองสุรา”
ตี้ฝูอีตอบอย่างไม่เกรงใจเลย
กู้ซีจิ่วเงียบไปแล้ว งั้นเธอยังไม่พูดแล้วกัน!
ตี้ฝูอีนำยาลูกกลอนสีแดงเม็ดนั้นมาจ่อปากเธออีก
“กินยานี่ลงไป มันไม่ออกฤทธิ์ต้านกับพิษใดๆ ในร่างเจ้าหรอก ช่วยซ่อมแซมชีพจรของเจ้าได้”
เอาเถอะ ถึงยังไงยาในร่างเธอก็มีมากมายแล้ว เพิ่มมาอีกอย่างก็ไม่เห็นเป็นไร
ยาลูกกลอนเม็ดนั้นส่องประกายวาววาม ดูก็รู้ว่าเลิศล้ำยิ่ง กลิ่นหอมก็เข้มข้นนัก
กู้ซีจิ่วได้เพียงกลิ่นหอมเท่านั้นไม่อาจแยกแยะสรรพคุณออกมาได้ แต่สิ่งที่ถูกส่งออกมาจากมือของตี้ฝูอีอย่างเป็นทางการจะต้องเป็นของชั้นเลิศแน่นอน
เธอจึงอ้าปากรับยาลูกกลอนเม็ดนั้นจากมือเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ริมฝีปากเธอย่อมสัมผัสโดนมือเขาเล็กน้อยอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ตี้ฝูอีรู้สึกเพียงว่าฝ่ามือคันยุบยิบ คล้ายมีกระแสไฟฟ้ากำลังต่ำไหลผ่าน…
หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปสองสามครา เขาถอนหายใจเบาๆ หยิบถุงใส่น้ำขึ้นมาอีกครั้ง จ่อเข้าที่ปากนาง
เธอดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ใช้น้ำส่งยาลงสู่กระเพาะ
จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ปากคอแห้งผากขึ้นมาอยู่บ้าง ดึงถุงน้ำกลับมา ดื่มเข้าไปเองหลายอึก
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธออดไม่ได้ที่จะมองดูเขา
ตี้ฝูอีคล้ายจะตระหนักอะไรขึ้นได้ เอ่ยถาม
“เจ้าอยากดื่มอีกหรือ?” พลางนำถุงน้ำกลับมาจ่อที่ปากเธออีกครั้ง
เจ้าคำหนึ่ง ข้าคำหนึ่ง นั่นไม่กลายเป็นจูบทางอ้อมไปหรือไง?!
คนสองคนที่เลิกรากันไปแล้วจะมาแบ่งกันดื่มน้ำเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง?!
กู้ซีจิ่วจึงเบี่ยงหน้าหนีอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ต้อง ข้าไม่ดื่มแล้ว”
ตี้ฝูอีก็เฉลี่ยวฉลาดยิ่ง เข้าใจเหตุที่นางปฏิเสธอย่างรวดเร็วยิ่ง แววตาพลันมืดมน
นางร้อนรนขีดเส้นแบ่งกับเขาถึงเพียงนี้เชียว?
เขาอยากพูดจาค่อนแคะนางสักสองสามประโยค แต่พอเห็นนางยังอยู่ในความเจ็บป่วย ก็ยอมแพ้แล้ว
ขึ้นไปบนตั่งนุ่มด้วย นั่งประจันหน้ากับนาง ดึงสองมือของนางมา
“ข้าจะช่วยเจ้าโคจรพลังย่อยยาลูกกลอนเม็ดนั้นก่อน รอจนยานี้ออกฤทธิ์แล้วข้าค่อยช่วยเจ้าขับพิษต่อ”
กล่าวไปพลาง กดนวดฝ่ามือให้นางไปพลาง
นางนอนมาหนึ่งคืนครึ่งวันแล้ว ชีพจรก็ค่อนข้างจับตัวแข็ง จะต้องนวดให้ชีพจรคลายตัวเสียก่อน