ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2341 การมาถึงของเขา 5 / บทที่ 2342 หึงหวง
บทที่ 2341 การมาถึงของเขา 5
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนวด หัวแม่มือนวดคลึงลงบนจุดที่เหมาะสมบนฝ่ามือข้อมือและแขนของเธอ ออกแรงได้พอเหมาะพอดี
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ พยายามไม่สนใจความรู้สึกประหลาดในหัวใจ…
ยาที่ตี้ฝูอีมอบให้เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นโอสถวิเศษอันใด หลังจากเธอกินลงไป ความเจ็บปวดที่ราวกับมีหนอนชอนไชอยู่ในกระดูกก็บรรเทาลงไปมาก
มีความร้อนแผ่วบางไหลเวียนอยู่ในกระเพาะเธอกระจายไปตามชีพจรของเธอ โคจรไปถึงที่ใด จะอุ่นวาบขึ้นมาทั้งสิ้น
เขาหยุดนวดแล้ว ประกบฝ่ามือกับเธอ พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ฝ่ามือของเธอ…
พลังวิญญาณของเขาอ่อนโยนทว่าทรงพลัง เคลื่อนผ่านชีพจรของเธอ ผลักดันฤทธิ์ยา และเสริมความเร็วในการไหลเวียนของชีพจร ผลักดันให้พิษที่อยู่ชีพจรเคลื่อนไปด้านหน้า…
วิธีการนี้เจ็บปวดจริงๆ ทุกที่ที่พลังวิญญาณของเขาเคลื่อนไปถึงราวกับมีใบมีดที่คมกริบคอยตัดผ่า ตัดเอาพิษเหล่านั้นออกมาอย่างประณีต…
แม้แต่ปลายจมูกของเธอก็มีเหงื่อซึมออกมาแล้ว ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย
ปฏิกิริยาของนางล้วนอยู่ในสายตาของตี้ฝูอีทั้งสิ้น นัยน์ตาฉายแววทนไม่ไหว แต่ก็ไม่อาจหยุดมือได้ เนื่องจากจำเป็นต้องทำ
เขานึกว่าความเจ็บปวดเช่นนี้จะอย่างไรก็คงทำให้นางกรีดร้องออกมาบ้าง นึกไม่ถึงว่านางยังคงไม่เปล่งเสียงเลยสักแอะ นอกจากเหงื่อที่ผุดออกมามากขึ้นแล้ว นางก็ไม่มีปฏิกิริยาอย่างอื่นเลย
ต่อหน้าเขาจะต้องฝืนกล้ำกลืนถึงเพียงนี้ไปไย?!
เขาไม่หัวเราะเยาะนางหรอก!
“ร้องออกมา!”
ตี้ฝูอีเปิดปาก น้ำเสียงเจือแว่วสั่งการ
กู้ซีจิ่วช้อนตามองเขา ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงยืนกรานจะให้เธอร้องออกมาให้ได้…
ความสามารถในการควบคุมตัวเองของเธอแกร่งกล้านัก เจ็บปวดกว่านี้เธอก็เคยผ่านมาหมดแล้ว ตัวเธอในตอนนี้ร้องไม่ออกจริงๆ
เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเหตุการณ์นี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง ราวกับเคยพบพานยามใดมาก่อน แต่นึกไม่ถึงชั่วขณะ
สีหน้าตี้ฝูอีไม่ค่อยดีเลย กู้ซีจิ่วเกรงว่าเขาละล้มเลิกลงกลางคันไม่ทำต่อแล้ว จึงอธิบายเสียงแผ่ว
“เมื่อวานข้า…เจ็บปวดกว่าวันนี้อีก ข้าก็ไม่ร้องเลย…”
กล่าวอีกนัยคือ วันนี้ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องร้องแล้ว
ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว
น่าตายนัก! ที่แท้เมื่อวานนางเจ็บปวดขนาดไหนกันแน่?!
พิษที่อวิ๋นชิงหลัวใช้คือพิษอันใดกันแน่?!
ความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะสับอวิ๋นชิงหลัวเป็นชิ้นๆ ผุดขึ้นในใจตี้ฝูอีอีกครั้ง!
ระหว่างขั้นตอนการโคจรพลังขับพิษย่อมไม่อาจพูดคุยได้มากนัก ดังนั้นทั้งสองจึงเงียบไปทั้งคู่ ตั้งใจโคจรพลัง
ดำเนินอยู่เช่นนี้ถึงครึ่งชั่วยามเต็ม ตี้ฝูอีถึงได้เก็บพลังคืน
เขาลุกขึ้น ลากสองขาของกู้ซีจิ่วออกมา…
กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง
“เจ้าทำอะไร?”
ตี้ฝูอีไม่พูดไม่จา ตอบคำถามด้วยการกระทำเสียเลย เขาดึงสองขาของนางที่อยู่ในท่าขัดสมาธิให้ห้อยลงมาจากตั่งนุ่ม จากนั้นก็ถอดถุงเท้ารองเท้าออก เผยเท้าน้อยๆ ที่ดำสนิทปานหยกนิลของนางออกมา
กู้ซีจิ่วกลับตกใจไปวูบหนึ่ง เมื่อครู่ตอนที่ตี้ฝูอีโคจรเลือดลมให้เธอ คงมิใช่ว่าผลักต้อนพิษมาไว้ที่นี่ ทำให้เท้าเธอดำปิดปี๋เช่นนี้กระมัง?
ไม่ทราบว่าเขาหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งมาจากไหน ทิ่มลงตามจุดต่างๆ บนเท้าทั้งสองข้างของเธอ จุดที่ถูกแทงมีโลหิตสีดำกระฉูดออกมา ไหลรินลงสู่พื้น กลายเป็นแอ่งโลหิตดำเมื่อมดุจน้ำหมึกแอ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว…
นิ้วมือเขายังคงเคลื่อนไหวอยู่บนสองเท้าของเธอ ทุกจุดที่สัมผัส ทั้งเหน็บทั้งชา
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ล้างเท้ามาสามวันแล้ว
ซ้ำยังวิ่งรอกอยู่ตลอดเหงื่อออกท่วมตัวอยู่หลายครั้ง สองเท้านี้เกรงว่า…เกรงว่าจะเหม็นโฉ่แล้ว…
เขาเป็นคนรักสะอาดถึงเพียงนั้น สองมือต้องสาละวนบนเท้าของเธออยู่ตลอด ค่อนข้างทุ่มเทมากจริงๆ…
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าทั้งสองเลิกรากันแล้ว เขาก็มีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว กลับยังทุ่มเทกายใจรักษาให้เธอเช่นนี้อยู่…
————————————————————————————-
บทที่ 2342 หึงหวง
ตี้ฝูอีมิใช่คนดีที่บริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งดอกบัวขาว กู้ซีจิ่วรู้มานานแล้ว
ถ้างั้นการที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อ…
ไถ่โทษแทนย่วนย่วนงั้นหรือ?
“ขอบคุณมาก”
กู้ซีจิ่วกระซิบ ถึงแม้เธอจะเหงื่อชุ่มโชกไปหมด ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่กำลังวังชากลับกระปรี้กระเปร่ากว่าก่อนหน้านี้มาก
ปลายนิ้วตี้ฝูอีแข็งทื่อไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม
“ขอบคุณมากรึ? เจ้าคิดว่าเปิ่นจวินต้องการคำว่า ‘ขอบคุณมาก’ จากเจ้าหรือ…”
กู้ซีจิ่วถูกตอกหน้าจนเงียบงันไป เขาทำเพื่อย่วนย่วน…เธอรู้ดี
เพียงแต่รู้ก็ส่วนรู้ ยังต้องอธิบายกันให้กระจ่างอยู่ดี
“ข้อพิพาทระหว่างข้ากับย่วนย่วนของเจ้ามีบทสรุปแล้ว! เจ้าช่วยข้า ข้าซาบซึ้งมาก แต่แค้นนี้ข้ายังต้องการชำระคืนอยู่!”
อย่างมากเธอก็จะเห็นแก่หน้าเขาไม่เอาชีวิตของย่วนย่วน แต่ต้องทำให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสความทรมานเช่นเดียวกันแน่นอน! มิเช่นนี้ความโกรธนี้ของเธอคงไม่มีทางระบายออกมาได้!
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย น้ำเสียงเฉยเมย
“ก็แล้วแต่”
กู้ซีจิ่วชะงักไป สีหน้าแปรเปลี่ยนนิดๆ
ความคิดของเขาก็คือ เอจะล้างแค้นย่วนย่วนอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะว่ามีเขาคอยคุ้มครองอยู่ เธอไม่มีทางทำอะไรย่วนย่วนได้สินะ…
เธอไม่พูดอะไรแล้ว
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววใคร่ครวญลึกซึ้ง
“เจ้ารู้จักกับย่วนย่วนมาก่อนหรือ?”
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าการที่ย่วนย่วนลงมือต่อกู้ซีจิ่วอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้มิใช่เรื่องธรรมดา
กู้ซีจิ่วสูดหายใจตื้นๆ เฮือกหนึ่ง
“นางคล้ายศัตรูเก่าคนหนึ่งของข้าในโลกเบื้องล่างยิ่งนัก”
ตี้ฝูอีฉงนแล้ว
“โลกเบื้องล่าง? ศัตรูเช่นใด?”
เรื่องนี้ถ้าจะเล่าไปแล้วยาวนัก!
กู้ซีจิ่วจึงพูดให้กระชับได้ใจความ
“เคยเป็นสตรีที่แก่งแย่งชิงดีกับข้า เล่นงานข้าอยู่หลายครั้ง ต่อมาถูกข้าจัดการไป”
แววตาตี้ฝูอีดำดิ่งเล็กน้อย
“แก่งแย่งชิงดี? เกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูผู้นั้นหรือ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง เรื่องนี้เธอยังนึกไม่ออกจริงๆ
เธอส่ายหน้า
“คล้ายว่าจะมิใช่ เป็นเพียงสหายร่วมสำนักศึกษาคนหนึ่งนางเห็นข้าขวางหูขวางตา…”
ตี้ฝูอีเงียบไป การแก่งแย่งชิงดีระหว่างศิษย์ร่วมสำนักศึกษานั้นเป็นเรื่องปกติยิ่ง
“ความหมายเจ้าคือย่วนย่วนเป็นนางกลับชาติมาเกิดหรือ? ทำไมเจ้าถึงมั่นใจว่าพวกนางเป็นคนเดียวกัน?”
“นิสัยเหมือน รูปโฉมคล้ายคลึงกันห้าส่วน เป็นวิชาหุ่นเชิดเช่นกัน และพวกนางล้วนมีนามว่าอวิ๋นชิงหลัว (เมฆาแผ่วพลิ้ว) เพียงแต่ชาติก่อนใช้ตัวชิงที่มาจากคำว่าบริสุทธิ์ ต่างกันเพียงอักษรเดียวเท่านั้น”
ตี้ฝูอีเคาะนิ้วลงบนตั่งนุ่มเบาๆ
“ฟังจากที่เจ้าว่า คือใช่ไปแล้วแปดส่วน หรือนางจะมาเกิดใหม่ในแดนอสุราพร้อมความทรงจำเดิม?”
กู้ซีจิ่วก็สงสัยในจุดนี้อยู่เหมือนกัน เธอมองตี้ฝูอีแวบหนึ่งอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
ดูเหมือนเขาก็รู้จักย่วนย่วนผู้นี้น้อยมากเช่นกันสินะ?
นี่ไม่คล้ายอุปนิสัยของเขาเลย…
เพียงแต่ ถึงแม้เขาจะเฉียบแหลมปราดเปรื่องในด้านอื่นอย่างยิ่ง แต่ด้านอารมณ์ความรู้สึกกลับเฉยชาไม่แยแสเลยจริงๆ
อย่างเช่นตอนอยู่ดินแดนเบื้องบน ครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาในวัยผู้ใหญ่ เพียงเสี่ยงอันตรายด้วยกันครั้งเดียว เขายังไม่รู้จักเลยว่าเธอเป็นใคร ก็เริ่มชอบเธอแล้ว
จากนั้นก็ตามตื้ออย่างไม่หยุดหย่อน…
กับย่วนย่วนก็เป็นเช่นนี้กระมัง?
พอรักใครแล้วก็จะให้อภัยได้เสมอใช่ไหม?
เหมือนที่เขาทำกับเธอในอดีต…
“เจ้ายังรู้อะไรเกี่ยวกับนางอีก? เล่ามาพร้อมกันเถิด”
ตี้ฝูอีลุกขึ้นยืน พลางทำความสะอาดให้เธอด้วย
จู่ๆ ในใจของกู้ซีจิ่วก็มีเพลิงลุกโหมขึ้นมาอยู่บ้าง ชมชอบผู้ใดก็อยากพูดคุยถึงคนรักนั่นเป็นเรื่องปกติ แต่เธอไม่อยากคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้นกับเขาเลยสักนิด!
เธอยืดร่างกายที่กะปลกกะเปลี้ยขึ้นมา ทว่าเผลอลุกเร็วเกินไป พลันหน้ามืดขึ้นมา ร่างกายอ่อนยวบ แทบพลัดตกจากตั่งนุ่มแล้ว
โชคดีที่ตี้ฝูอีตอบสนองว่องไว พลันยื่นมือไปรับไว้ รับตัวนางไว้ในอ้อมแขน
ตี้ฝูอีใจสั่นขึ้นมา แทบจะไม่อยากปล่อยมือแล้ว
ในใจกู้ซีจิ่วก็สั่นไหวดุจกระแสน้ำ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาทั้งแสบทั้งเคือง เธอสูดหายใจตื้นๆ คราหนึ่ง เอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วดิ้นรนออกจากอ้อมแขนเขา